Battlefield 3 & Nvidia GeForce : Page 2 (2/5)
Gear up! for Battlefield 3
หลายๆคนก็ตั้งคำถามหลังจากรู้ข่าวว่า Battlefield 3 หรือ BF 3 จะออกว่า เครื่องเราจะเล่นได้หรือเปล่า แล้วถ้าเล่นได้ จะได้ภาพที่สวยงามหรือเปล่า? เดี๋ยวเราค่อยมาดูกันต่อครับว่าเราจะปรับมันอย่างไร มีผลอย่างไรต่อคุณภาพของภาพในแต่ละค่า และให้คอมเราเล่นได้อย่างสบายๆโดยที่ภายนั้นยังสวยสดงดงามแต่ก่อนอื่นเรามาดูภาพจาก New Engine ที่ DICE ภูมิใจนำเสนอก่อนครับ ก่อนหน้านี้เราจะพูดกันถึงเรื่องของ Engine หรือว่าสิ่งที่เป็นพื้นฐานของเกมส์โดยอ้างอิงจาก Crysis กันอยู่อย่างต่อเนื่อง อย่าเพิ่งครับ เดี๋ยวเรามาดูกันต่อว่า BF3 นี่แหล่ะจะเป็นเป้าหมายของคำว่า 3D Graphic บนคอมพิวเตอร์ ตัว Engine ที่เป็นพื้นฐานของ BF 3 นั้นมีชื่อว่า Frostbite 2 ซึ่ง DICE ผู้ผลิตและพัฒนา BF 3 นั้นได้ทำงานจากโครงสร้างดั้งเดิมของ Frostbite ซึ่งเป็น Engine ของ Battlefield Bad Company ที่เรารู้จักกันมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเจ้า Frostbite นั้นจะมีความสามารถในเรื่องของรายละเอียดโครงสร้างและการเคลื่อนไหวของโครงสร้าง แต่จะมีปัญหาเล็กน้อยกับรายละเอียดในส่วนของ Lighting Model กับอีก Engine นึงซึ่งเราๆก็คงคุ้นกันดีก็คือ Unreal Engine 3 ที่ DICE ได้ลิขสิทธิ์จาก Epic แล้วนำมาใช้กับเกมส์ Mirror's Edge ที่มีจุดเด่นในเรื่องของความสวยงามของแสงเงาต่างๆที่ถูกสร้างจาก Offline Global illumination Software ซึ่งนั่นเองที่เป็นการรวมเอาสองสุดยอดของ Engine ที่มีความสามารถด้านรายละเอียดการเคลื่อนไหวของสภาวะแวดล้อมมาหลอมรวมกับ Engine ที่เป็นหนึ่งในด้านความสวยงามของแสงเงา หรือ Global illumination Lighting นั่นเป็นเป้าหมายของ BF 3 ที่ DICE กำหนดไว้ BF 3 ถือเป็นความสำเร็จอย่างที่สุดในการใช้งานเทคโนโลีที่ซับซ้อนน่าเวียนหัว แต่มันก็เป็นสิ่งที่น่าพอใจที่จะบอกว่า Battlefield 3 นั้นประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกอย่างงดงามในการรวมเอาการทำลายล้างกับแสงเงาที่สมจริงๆเข้าไว้ด้วยกัน จริงๆแล้วหลายๆเกมส์ก็ใช้เทคโนโลีแบบนี้แต่ไม่สามารถใช้ทั้งหมดเหมือน Battlefield 3 นี่ละเป็นเอกลักษณ์ที่เกมส์อื่นไม่สามารถทำให้เหมือนได้ .Quality Setting Comparison
จากตารางด้านบนจะเห็นได้ว่าจะสามารถปรับคุณภาพของภาพภายในเกมส์ได้สี่ระดับครับ ซึ่งค่าต่างๆก็สามารถปรับได้ตามตารางด้านบน . . . จากภาพเปรียบเทียบด้านบนนั้น แม้ว่าจะปรับที่คุณภาพของภาพแค่ Low Quality ก็ยังจะสามารถเห็ความสวยงามจากการ Render ได้ ความแตกต่างหากจะมองกันจริงๆแล้วก็จะเห็นในเรื่องรอยหยักและความคมชัดซึ่งปรับไปที่ High หรือ Ultra นั้นจะสามารถเก็บเกี่ยวอรรถรสได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด . และจากการบันทึกการเล่นและได้ทำการอ่านค่า Frames Per Second นั้นจะเห็นได้ว่าการ์ดระดับเริ่มต้นอย่าง GTX 560 นั้นสามารถปั่นเฟรมเรทได้มากกว่า 30 เฟรมซึ่งทำให้การเล่นนั้นไม่มีสะดุดและได้ภาพที่สวยงามและยอมรับได้ และยิ่งไปกว่านั้นถ้าเป็นการ์ดตั้งแต่ GTX 570 ขึ้นไปนั้น คุณจะพบกับกับประสพการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจจาก Performance ในเกมส์ระดับเยี่ยมยอด และแน่นอน กับ GTX 590 ซึ่งเป็น Fermi GPU ถึงสองตัวนั้นสามารถปั่นเฟรมได้มากเกินร้อยเฟรมกันเลยทีเดียว และที่น่าสนใจไปกว่านั้นสำหรับคนที่ได้ลงทุนกับการ์ดรุ่นใหญ่สุดเมื่อสามปีก่อนอย่าง GTX 295 แม้ว่าจะไม่ได้รับประสพการณ์จาก DX11 ก็ตาม แต่ก็ยังคงเล่นได้ราบรื่นเกือบสุดจากการปรับค่าในเกมส์สุดๆเหมือนกัน . และแน่นอนครับว่าการ์ดรุ่นเก่าของ Nvidia นั้นก็สามารถเล่น Battlefield 3 ได้อย่างสะดวกสบายหากได้ทำการปรับตั้งค่าอย่างเหมาะสมตามตารางที่ Nvidia ได้แนะนำไว้ด้านล่าง . และแน่นอนที่สุด หาก Gamer อยากที่จะปรับแต่แบบสุดๆและเล่นกันที่ Full HD Resolution นั้น การนำการ์ดรุ่นเดียวกันอีกใบมาทำการ SLI ก็จะยิ่งเพิ่มอรรถรสในการเล่นอย่างแน่นอน . โดยรวมแล้วการ์ดเมื่อสามปีก่อนก็สามารถที่จะเล่น Battlefield 3 ได้อย่างสนุกสนานหากได้ทำการปรับแต่งค่าอย่างเหมาะสม ซึ่งแม้ว่าจะปรับที่ Low Quality ก็ตามภาพที่ได้รับชมนั้นก็ยังจะสวยงามมากครับ แต่หากใครที่มีงบในการจัดหา Nvidia Graphic Card รุ่นใหญ่ๆมาเล่นแล้วละก็ GTX 580 น่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุด ด้วยราคา ณ เวลานี้ที่หมื่นกลางๆกับความสามารถที่จะสามารถรัน BF 3 ได้อย่างไม่สะดุดและสวยงามแบบไม่ขัดอารมณ์ .
Nvidia Surround
นอกเหนือจาก Performance ที่ได้รับจาก Nvidia Graphic Card แล้ว ในส่วนของ Nvidia Surround ก็ยังเปิดโอกาสให้เหล่า Gamer ได้สัมผัสกับประสพการณ์ Surround จากภาพที่ Resolution 5760x1080 ผ่านทาง FULL HD Monitor สามตัวด้วย หรือมากไปกว่านั้นกับจอภาพขนาด 30 นิ้วที่มีความละเอียดระดับ 2560x1600 จำนวนสามจอที่ความละเอียดรวม 7680x1600 กันเลย .