HyperX Cloud Flight Wireless Gaming Headset Review : Testing and Conclusion (3/3)

Article by tpp On October 15, 2018 36,311 views
HyperX Cloud Flight Wireless Gaming Headset Review
 < 1 2 3

Testing and Conclusion

tpp_4376

เริ่มทดลองกันเลย

tpp_4361

การใช้งานแบบไร้สายนั้นสามารถทำได้อย่างง่ายดายนะครับ คือเรานำเอาตัวรับส่งสัญญาณไปเสียบเข้ากับพอร์ท USB ของคอมพิวเตอร์หรือ Play Station หลังจากนั้นก็ทำการเชื่อมต่อโดยกดปุ่มพาวเวอร์ที่อยู่บนหูฟังด้านซ้ายจนมีเสียงปี๊บเบาๆ ไฟโลโก้ HyperX จะติดและการเชื่อมต่อก็จะสมบูรณ์ ในการทดลองนี้ผมได้ทำการเสียบใช้งานหูฟังต่อเนื่องไว้ก่อนประมาณสามวันครับ

tpp_4363

การใช้งานพื้นฐานของหูฟังนี้ก็แน่นอนครับว่ามันออกแบบมาให้สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ สุ่มเสียงก็จัดอยู่ในเกณฑ์ค่อนไปทางดี รายละเอียดพอได้ เบสไม่บวมไปบูมเหมือนกับหูฟังเกมส์มิ่งแบรนด์อื่นๆ ติดนิดตรงว่าหากจะพิจารณาเสียงที่เปล่งออกมานั้นดูเหมือนยังไม่พุ่ง ไม่โปร่งนักโดยเฉพาะเสียงกลาง กรณีเราเล่นเกมส์เสียงที่ได้ก็จะลดความดุดันลงไปครับถ้าเราไปเทียบกับหูฟังรุ่นอื่นๆ ลองพิจารณาดูแล้วน่าจะเป็นเพราะภาคขยายในตัวนั้นไม่สามารถผลักดันตัว driver ของหูฟังออกหมดแม้จะผ่านการเบิร์นอินไปเกือบๆร้อยชั่วโมงแล้วก็ตาม ซึ่งน่าจะเป็นบุคลิคของ Cloud Flight เมื่อใช้งานแบบ Wireless ครับ

tpp_4377

ผมลองนำเอาสายเสียบและเชื่อมต่อไปยัง ASUS Essence One MK II ซึ่งเป็น DAC เสียงเรียบๆแต่ให้รายละเอียดดีตัวนึงจากแบรนด์ ASUS ครับ เสียงที่ได้จาก Cloud Flight นี่กลายเป็นหนังอีกม้วนนึงเลยครับ พื้นฐานเสียงโดยรวมนั้นถูกผลักดันออกมาจนหมดจากกำลังขับที่มากกว่าจาก DAC นอก เสียงตลอดย่านนั้นเปิดโปร่งโดยเฉพาะเสียงกลาง เสียงย่านปลายแหลมนั้นจะเหมือน slope ลงค่อนข้างเร็วแต่ถือว่าไม่ห้วนแต่อย่างใด เสียงกลางต่ำให้แรงปะทะที่ดีมากจากที่ได้ลองฟังกับ TOP 10 SLIPKNOT RIFFS บน Youtube เสียงโทนกลางต่ำจนถึงต่ำนั้น ผมว่ามันถูกจูนมาได้อย่างลงตัว ตัว driver สามารถหยุดยั้งเสียง drop B จากกีตาร์ไม่ให้หึ่งขึ้นมากวนเสียงกลางๆจนลดทอนความดิบเถื่อนเลย ตรงนี้จะเป็นเพราะว่าภาคขยายนั้นมีแรงเพียงพอ ผมลองเร่งโวลุ่มขึ้นไปที่ประมาณเที่ยงบน DAC ที่นี้เสียงพุ่งโหดดิบกว่าเดิมอีกมากมาย แสดงให้เห็นว่าตัว Driver และการจูนโทนเสียงนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก

.

เมื่อเปลี่ยนเพลงมาเป็น ลูกทุ่งติดชาร์จ จะเห็นได้ชัดครับว่านอกเหนือจากกลางต่ำที่พุ่งแล้ว เสียงกลางที่เปิดรวมถึงรายละเอียดด้านกลางแหลมนั้นมีรายละเอียดที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆ โทนัลบาลานซ์ตลอดย่านนั้นผมว่ามันสามารถทำให้เพลงมีความกลมกล่อมที่ดีครับ ถ้าจะฟังว่าบางช่วงบางย่านดูเหมือนบางเบามากก็คงจะเป็นเพราะตัว driver เอง เสียงที่หายไปนี้จะไปได้ยินบนชุดที่แรงกว่าซึ่งคงไม่ใช่ข้อเสียของหูฟังตัวนี้แต่อย่างใด ผมว่าหากต้องการหูฟังที่สะดวกๆซักรุ่น เอามาเล่นเกมส์ที่ไม่ต้องกังวลเรื่องสายที่จะรุงรัง ขยับเก้าอี้ทีต้องระวังว่าจะไปทับสาย ผมว่าตอบโจทย์ครับ แต่ต้องยอมลดความซีเรียสลงไปบ้างจากสุ่มเสียงที่บางเบาลงอย่างชัดเจนในแง่ของพลังและรายละเอียด การเสียบเข้ากับ USB DAC หรือ DAC จะเป็นการต่อยอดที่ดีมากสำหรับ Cloud Flight ตัวนี้ คือพอจะเน้นสะดวกก็ต่อไร้สายได้ ระยะนั้นก็สามสี่เมตรสบายๆครับเสียงไม่ดร๊อปเลย ขนาดเดินออกไปนอกห้องยังไม่มีรอยต่อของเสียงเลยครับ แต่เมื่อไหร่ที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีแล้ว การเชื่อมต่อแบบสายยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ Cloud Flight  อาจจะแพงไปนิดครับที่ห้าพันกว่าแต่ถ้ามองว่ามันเป็นหูฟังที่มีความสะดวกในการเลือกเชื่อมต่อและมีเสียงที่ดีแบบนี้ ผมว่าคุ้มครับ และผมอยากจะบอกว่าสำหรับผู้ทดสอบแล้ว HyperX Cloud Flight ถือเป็น Gaming Headset หน้าตาเกมส์มิ่งสำหรับเล่นเกมส์ ฟังเพลงบนคอมพิวเตอร์หรือ Play Station นั้นมีเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่ผมได้ทำการทดสอบมาครับ

.

...

.

.

.

ขอบคุณที่ติดตาม

chane

vmod award performance bestvmod award innovation best

ขอขอบคุณ

Kingston

 < 1 2 3