Review : Razer Megalodon - Headset 7.1 สำหรับเกมเมอร์ตัวจริง ! : Page 1 (1/1)
Headphones
* Frequency Response: 20 - 20,000 Hz * Impedance: 32 O at 1kHz * Sensitivity (@1kHz, 1V/Pa): 102 ± 4dB at 1 kHz * Max. Input Power: 200 mW * Drivers: 40 mm, with neodymium magnets Microphone * Frequency Response: 50 - 16,000 Hz * Sensitivity (-37 dB± 4dB @1kHz, 1V/Pa): Variable (user adjustable) * Signal-to-Noise Ratio: 50 dB * Pick-up pattern: UnidirectionalRazer Megalodon นั้น เป็นชุดเฮดเซ็ตแบบ 7.1 ชาแนล ที่ถูกผนวกรวมกับชุด Sound Processing อินเตอร์เฟสแบบ USB ซึ่งนั้นก็หมายความว่า คุณไม่จำเป็นที่จะต้องมีซาวการ์ดเดิมที่มากับชุดคอมพิวเตอร์ของคุณ ที่จะรองรับระบบ 7.1 นั้นเองครับ
ก่อนอื่นก่อนใด มาดูหน้าตาของ package กันก่อน
ภายในกล่องนั้นก็จะมีชุดคู่มือ + แคทตาลอก พร้อมกับกล่องใส่หูฟัง และขาตั้งมาให้ครบเซ็ต สมกับเป็นหูฟังราคาค่อนข้างแพงเลยทีเดียวครับ
ภายในกล่องหรือซองของตัวหูฟังนั้นก็แน่นเอี้ยดมาทั้งตัวชุด Headset และตัวชุดควบคุมหูฟัง ซึ่งจะทำหน้าที่เหมือน Soundcard ในตัวครับ
หน้าตาก็หล่อเหลาเอาการแบบนี้นั้นเอง...
ส่วนของตัวชุดหูฟังและไมค์โครโฟนนั้น วัสดุที่ช้ก็จะเป็นพลาสติกสลับกับโลหะในบางจุด ส่วนที่เป็นตะแกรงๆตรงนั้น เป็นไป by design เท่านั้นนะครับ อย่าเพิ่งคิดไปเองว่ามันเป็น loud speaker ให้คนที่นั่งเล่นเกมข้างๆได้ยินกับเราไปด้วย
ฟองน้ำนั้นจัดได้ว่าเป็นฟองน้ำชั้นดี (จากรสสัมผัสของผู้เขียนเอง) เพราะจากความรู้สึกเมื่อใส่ฟังเพลงและเล่นเกมติดต่อกันเป็นเวลาสักพักใหญ่ๆ ไม่ทำให้รู้สึกร้อนหู เหมือนกับหูฟังราคาถูกๆทั่วๆไปครับ
ตัวปรับระดับก็ใช้งานง่าย กลไกไม่ซับซ้อน แต่แข็งแรงดีครับ
หล่อดีมั้ยล่ะครับ มุมนี้
ด้านบนก็ยังคงเอกลักษณ์ของหูฟังจากค่ายนี้อีกเช่นเคย
ไฟ LED ที่ผมค้นพบว่า ด้านซ้ายมันสว่างกว่าด้านขวานิดหนึ่งครับ ...
ตัวชุดควบคุม ที่ทาง Razer เรียกมันว่า Maelstrom ทำให้เจ้าชุดหูฟังนี้สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาซาวการ์ดในเครื่องคอมพิวเตอร์
ด้านหลังจะเป็นพื้นยาง เหมาะสำหรับวางบนโต๊ะ กันลื่นได้ดีครับ
ไฟ LED สว่างไสว ลูกเล่นก็มีมากมายนับไม่ถ้วนครับ โดยเจ้า Maelstrom ตัวนี้ จะสามารถทำการปรับ Volume แบบแยก Chanel ได้ ตั้งแต่ชาแนล Bass ไปจนถึง ลำโพง Sat(จำลอง) ทั้ง 7 ตัว หรือถ้าใครไม่ชอบเสียงแบบเซอราวรอบทิศทาง อยากจะฟังดนตรีแบบเน้นๆ ก็สามารถเลือกให้ตัวหูฟังขับเสียงออกได้แบบ 2.1ch เช่นกัน นอกจากจะควบคุมชุดลำโพงได้แล้ว ยังสามารถควบคุมระดับเสียงของตัวไมโครโฟนได้อีกด้วยครับ
ทดลองฟังเสียง และสรุป
...จากที่ผมได้สัมผัสชิ้นงานของเจ้าตัว Headset ก็ยอมรับเลยครับว่าออกแบบมาได้ค่อนข้างดี ใช้งานได้จริงๆ ถ้าให้เรียกภาษาฝรั่งก็คงต้องบอกว่ามัน Ergonomics มากๆกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่ว่าเอาไว้ใส่เล่นเกมหรือดูหนัง แต่รวมไปถึงการฟังเพลง หรือการใช้งานผ่านโปรแกรม Conference ต่างๆอย่างเช่น Skype นั้นเจ้า Megalodon นั้น ตอบสนองได้ดีมากๆครับ
...คุณภาพของเสียงที่ได้ ขอคุยโวโอ้อวดไว้ตรงนี้เลยครับว่าใครที่คิดว่าหูฟังที่ออกแบบมาเพื่องาน Gaming จะให้คุณภาพเสียงที่ไม่ค่อยจะดีนัก คุณคิดผิดแล้วครับ ! กับเจ้า Megalodon ตัวนี้
...โดยในตอนที่ผมได้ทดลองฟังเสียงของมันจากไฟล์ MP3 320kbps โดยเป็นเพลงจาก Little Rock Project ทั้งอัลบัม การตอบสนองกับเสียงจังหวะร็อคมันส์ๆของเพลงนั้นทำได้ดีมากๆ ถึงแม้ว่าความรู้สึกของผมจะบอกว่า เบส มันไม่ได้แน่น หรือหนักอะไรเลย แต่ว่าการให้สุ่มเสียงของโทนเบสนั้นทำได้สุขุม นุ่มลึก และมีเสียงออกมาเป็นลูกๆให้ได้ยินกันเรื่อยๆแต่ไม่บ่อยนักครับ ทั้งนี้ เสียงกลางและเสียงแหลม ก็สามารถให้เสียงที่ใสเคลียร์ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่เท่าที่ผมสังเกตคือ เสียงของ Cymbal ในบางจังหวะนั้นยังมีอาการแตกพร่าอยู่บ้าง แต่เท่าที่ทดลองฟังคร่าวๆนั้น เสียงของนักร้องก็ไม่มีอาการแตกพร่าให้ได้ยิน และไม่มีอาการบาดหูให้ได้ยินเลยครับ
...แต่ปัญหาของ Megalodon ตัวนี้นั้น ก็คือจังหวะที่มีเสียงเครื่องดนตรีหลายๆชิ้น หนักๆ ปนเปกันไป เช่นจังหวะที่มีเสียงกีต้าร์เล่นเพาเวอร์คอร์ดหนักๆ ประกบกับเสียงกลอง+Cymbal หนักๆอัดๆกันมา บางทีก็มีอาการเสียงพร่าๆออกมาให้ได้ยินบ้าง แต่ก็ถือว่าน้อยมากๆครับ
...ส่วนการเล่นเกมนั้น Megalodon ดูเหมือนจะเป็นอุปกรณ์ที่ดีมากสำหรับงานนี้ เนืองจากข้อได้เปรียบที่เราสามารถที่จะปรับโวลุมเสียงแยก Chanel ได้อย่างอิสระผ่านตัว Mealstrom ทำให้เราสามารถปิดเอาเสียงที่ไม่ต้องการออกได้นั้นเองครับ เช่นเกม Guitar Hero ที่รองรับระบบ Sound 7.1 เราสามารถแยก หรือตัดเสียงคนเชียร์ข้างล่างเวที เพื่อที่จะฟังเสียงกีต้าร์หรือเสียงดนตรีของเราได้อย่างเดียว ทำให้การเล่นเกมนั้นสนุกขึ้นมากเลยทีเดียวฃ
.
สรุป หูฟังคุณภาพ คุณภาพจริงๆ ก็ต้องตามราคาด้วย กับราคาที่สืบมา ราวๆ 55xx . .