...ปุ่ม เปิดเครื่องนั้นผมคิดว่าอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างจะคลำหายากไปสักนิดหนึ่ง ตลอดจนปุ่มปรับโวลุม และปุ่มล็อคสกรีนไม่ให้ rotate ไปตามการขยับเครื่องอีกด้วยครับ
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อก็เรียกได้ว่ามีมาให้ครบครัน ตั้งแต่พอร์ตแลนคอนเน็กเตอร์แบบ RJ45 ในรูปด้านบนนี้
...และอีกด้านหนึ่งก็จะพบกับสลอตอ่านเมมโมรีการ์ดทั้ง MS pro Duo และ SD Card ตลอดจน USB3.0 อีกสองพอร์ต และ Audio in/out สำหรับการต่อไมค์โครโฟนและลำโพงภายนอก
...ครั้น จะไม่ให้พูดถึงเรื่องของ metro ui ก็คงจะไม่ได้ ผมก็จะขอเล่าให้ฟังเสียหน่อยว่า เจ้า UI ตัวนี้เนี่ยเหมือนเป็น UI ที่ออกแบบมาให้แยกส่วนกับ Windows desktop ที่เราคุ้นเคยและมาแทนที่ระบบ start menu แบบเดิมๆ ซึ่งมันจะมีหน้าตาแบบที่เห็นในภาพนี้แหละครับ ไอคอนก็มีลักษณะที่เหมาะสมกับการทัช และก็มีแอพพลิเคชั่น metro ต่างๆให้ดาวโหลดได้ ใน Store คล้ายๆที่เราจะพบได้ในระบบปฏิบัติการในมือถือต่างๆอย่าง Android หรือ Windows phone
...ผมได้ทดลองโหลดแอพ Metro Tweet ซึ่งเป็นแอพโหลดฟีดของ Twitter มา ก็พบว่าแอพพวกนี้เนี่ย ให้อารมณ์การใช้งานเหมือนๆกันการที่เรานั่งเล่น Tablet แอนดรอยด์อยู่นั้นแหละครับ แต่สำหรับใน Tap 20 นี้นั้นมันเหมือนเป็นแท็บเล็ตขนาดยักษ์ วางเล่นบนโต๊ะได้ และจับตั้งใช้งานเป็น desktop pc ได้อย่างไม่เคอะเขินเลยทีเดียว
..คีย์บอร์ดและเมาส์ มีการออกแบบมาให้เป็นในลักษณะที่เน้นความสะดวกสบายในการวางในพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัด หรือต้องยกถือเปลี่ยนที่วางบ่อยๆ อย่างคีย์บอร์ด ก็ให้ความรู้สึกที่คล้ายกับคีย์บอร์ดโน๊ตบุคมาก ลักษณะการกดจะได้ยินเสียงรู้สึกดังคลิกๆอยู่นั้นแหละครับ ซึ่งบางคนก็บอกว่าชอบ มันแปลกๆดี แต่สำหรับสาวกเครื่องพิมพ์ดีดยุคโบราณแบบผม มักจะพรีเฟอร์คีย์บอร์ดพวกที่มีจังหวะกดลึกๆ แป้นหนาๆมากกว่า
ส่วนเมาส์ก็เหมือนๆกับที่โซนี่เคยแถมมาใน VAIO notebook บางรุ่นครับ ลักษณะเรียวๆคล้ายรูปไข่ เคอร์เซอร์ก็เลื่อนได้แม่นยำ และตัวเมาส์ก็แน่นหนาและน่าสัมผัสดี
