ส่วนในรุ่น VX9-pro จะไม่มีกรอบพลาสติกตกแต่งด้านหน้า โล่งๆแบบนี้ แต่ยังคงมีพัดลมไฟ LED สีน้ำเงินขนาด 140 มม ติดอยู่ภายใน

ในด้านข้างนั้นก็ยังคงเหมือนกันทั้งสองรุ่น ทั้งรุ่น VX9 และ VXe (ตัวที่ลงท้ายด้วย Pro จะมีฝาข้างแบบนี้ทั้งหมด) ที่เห็นอยู่ภายในนั้น เป็นพัดลมขนาด 200 มม 800 รอบต่อนาที ช่วยระบายอากาศให้ด้วย

บริเวณด้านหน้าของเครื่องมี USB มาให้สองพอร์ต ตามมาตรฐาน และช่องสำหรับเสียบชุุด headset ส่วนปุ่มสามปุ่ม Stop Cruise และ Turbo นั้นคือชุดควบคุมพัดลม สามารถควบคุมพัดลมได้ทั้งหมดสามตัว โดยที่ combined wattage ไม่เกิน 20 watt ครับ

ภายในก็ยังคงเป็นเคสเหล็กแบบเบสิกๆ ที่มีชุด Tools free มาให้บริเวณ 5.25 bay และ 3.5bay สำหรับ hdd ส่วนการติดตั้งเมนบอร์ดและ PSU จะเป็นแบบกลับหัวกลับหาง เนื่องจากการจัดการลมของเคสตัวนี้ จะมีพัดลมด้านข้างขนาดใหญ่มาให้ด้วย

ดูกันจะจะ กับการวางเลย์เอาท์แบบ upside down กับเคสราคาไม่แพงแบบนี้ 

สุดท้ายก็คงจะเป็นพัดลมขนาด 120 มม ด้านหลังเคสสำหรับดูดลมร้อนออก และถ้าสังเกตดีดี บริเวณด้านบนหลังคาเคสนั้นจะมีตะแกรงสำหรับติดตั้งพัดลมขนาด 120 มม ได้ถึงสองตัวเลยทีเดียว หากติดตั้งกันดีดี น่าจะสามารถติดตั้ง radiator แบบสองตอนได้เลยทีเดียว

สำหรับวันนี้ก็คงต้องปิดท้ายบทความรีวิวเคสทั้งสองไว้เพียงเท่านี้ สำหรับราคาหน้าร้านของเคสตัวนี้ สนนราคาที่ 2150 บาท สำหรับ VX9 และ 2250 บาทสำหรับ VX-e ตามลำดับครับ ถ้าถามถึงความคุ้มค่า ความคิดเห็นส่วนตัวของผมก็คงจะเห็นว่า ค่อนข้างคุ้ม สำหรับเคสในราคาระดับนี้ ที่มีดีไซน์ที่แปลกตา และน่าสนใจ เนื้องานถึงจะไม่ได้สวยเนียน แต่ก็ถือว่าดีกว่าเคสบางๆราคาไม่ถึง 1000 บาทแน่นอนครับ

 สนใจก็แวะกันไปชมได้ที่ร้านเจได พันทิพย์พลาซ่า หากแสดงตัวว่าเป็นสมาชิก vmodtech ก็จะได้รับส่วนลดพิเศษไม่เหมือนใครแน่นอน

ขอขอบคุณ ร้านเจได พันทิพย์พลาซ่า Jedicool.com

.

.

Special thanks

ร้าน Anfieldtech พันทิพย์พลาซ๋า เอิ้อเฟื้อภาพถ่าย