Battlefield 3 & Nvidia GeForce
Share | Tweet |
.
Gear up! for Battlefield 3
หลายๆคนก็ตั้งคำถามหลังจากรู้ข่าวว่า Battlefield 3 หรือ BF 3 จะออกว่า เครื่องเราจะเล่นได้หรือเปล่า แล้วถ้าเล่นได้ จะได้ภาพที่สวยงามหรือเปล่า? เดี๋ยวเราค่อยมาดูกันต่อครับว่าเราจะปรับมันอย่างไร มีผลอย่างไรต่อคุณภาพของภาพในแต่ละค่า และให้คอมเราเล่นได้อย่างสบายๆโดยที่ภายนั้นยังสวยสดงดงามแต่ก่อนอื่นเรามาดูภาพจาก New Engine ที่ DICE ภูมิใจนำเสนอก่อนครับ
ก่อนหน้านี้เราจะพูดกันถึงเรื่องของ Engine หรือว่าสิ่งที่เป็นพื้นฐานของเกมส์โดยอ้างอิงจาก Crysis กันอยู่อย่างต่อเนื่อง อย่าเพิ่งครับ เดี๋ยวเรามาดูกันต่อว่า BF3 นี่แหล่ะจะเป็นเป้าหมายของคำว่า 3D Graphic บนคอมพิวเตอร์
ตัว Engine ที่เป็นพื้นฐานของ BF 3 นั้นมีชื่อว่า Frostbite 2 ซึ่ง DICE ผู้ผลิตและพัฒนา BF 3 นั้นได้ทำงานจากโครงสร้างดั้งเดิมของ Frostbite ซึ่งเป็น Engine ของ Battlefield Bad Company ที่เรารู้จักกันมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเจ้า Frostbite นั้นจะมีความสามารถในเรื่องของรายละเอียดโครงสร้างและการเคลื่อนไหวของโครงสร้าง แต่จะมีปัญหาเล็กน้อยกับรายละเอียดในส่วนของ Lighting Model กับอีก Engine นึงซึ่งเราๆก็คงคุ้นกันดีก็คือ Unreal Engine 3 ที่ DICE ได้ลิขสิทธิ์จาก Epic แล้วนำมาใช้กับเกมส์ Mirror’s Edge ที่มีจุดเด่นในเรื่องของความสวยงามของแสงเงาต่างๆที่ถูกสร้างจาก Offline Global illumination Software ซึ่งนั่นเองที่เป็นการรวมเอาสองสุดยอดของ Engine ที่มีความสามารถด้านรายละเอียดการเคลื่อนไหวของสภาวะแวดล้อมมาหลอมรวมกับ Engine ที่เป็นหนึ่งในด้านความสวยงามของแสงเงา หรือ Global illumination Lighting นั่นเป็นเป้าหมายของ BF 3 ที่ DICE กำหนดไว้
BF 3 ถือเป็นความสำเร็จอย่างที่สุดในการใช้งานเทคโนโลีที่ซับซ้อนน่าเวียนหัว แต่มันก็เป็นสิ่งที่น่าพอใจที่จะบอกว่า Battlefield 3 นั้นประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกอย่างงดงามในการรวมเอาการทำลายล้างกับแสงเงาที่สมจริงๆเข้าไว้ด้วยกัน จริงๆแล้วหลายๆเกมส์ก็ใช้เทคโนโลีแบบนี้แต่ไม่สามารถใช้ทั้งหมดเหมือน Battlefield 3 นี่ละเป็นเอกลักษณ์ที่เกมส์อื่นไม่สามารถทำให้เหมือนได้
.
Quality Setting Comparison
จากตารางด้านบนจะเห็นได้ว่าจะสามารถปรับคุณภาพของภาพภายในเกมส์ได้สี่ระดับครับ ซึ่งค่าต่างๆก็สามารถปรับได้ตามตารางด้านบน
จากภาพเปรียบเทียบด้านบนนั้น แม้ว่าจะปรับที่คุณภาพของภาพแค่ Low Quality ก็ยังจะสามารถเห็ความสวยงามจากการ Render ได้ ความแตกต่างหากจะมองกันจริงๆแล้วก็จะเห็นในเรื่องรอยหยักและความคมชัดซึ่งปรับไปที่ High หรือ Ultra นั้นจะสามารถเก็บเกี่ยวอรรถรสได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
.
และจากการบันทึกการเล่นและได้ทำการอ่านค่า Frames Per Second นั้นจะเห็นได้ว่าการ์ดระดับเริ่มต้นอย่าง GTX 560 นั้นสามารถปั่นเฟรมเรทได้มากกว่า 30 เฟรมซึ่งทำให้การเล่นนั้นไม่มีสะดุดและได้ภาพที่สวยงามและยอมรับได้ และยิ่งไปกว่านั้นถ้าเป็นการ์ดตั้งแต่ GTX 570 ขึ้นไปนั้น คุณจะพบกับกับประสพการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจจาก Performance ในเกมส์ระดับเยี่ยมยอด และแน่นอน กับ GTX 590 ซึ่งเป็น Fermi GPU ถึงสองตัวนั้นสามารถปั่นเฟรมได้มากเกินร้อยเฟรมกันเลยทีเดียว และที่น่าสนใจไปกว่านั้นสำหรับคนที่ได้ลงทุนกับการ์ดรุ่นใหญ่สุดเมื่อสามปีก่อนอย่าง GTX 295 แม้ว่าจะไม่ได้รับประสพการณ์จาก DX11 ก็ตาม แต่ก็ยังคงเล่นได้ราบรื่นเกือบสุดจากการปรับค่าในเกมส์สุดๆเหมือนกัน
.
และแน่นอนครับว่าการ์ดรุ่นเก่าของ Nvidia นั้นก็สามารถเล่น Battlefield 3 ได้อย่างสะดวกสบายหากได้ทำการปรับตั้งค่าอย่างเหมาะสมตามตารางที่ Nvidia ได้แนะนำไว้ด้านล่าง
.
และแน่นอนที่สุด หาก Gamer อยากที่จะปรับแต่แบบสุดๆและเล่นกันที่ Full HD Resolution นั้น การนำการ์ดรุ่นเดียวกันอีกใบมาทำการ SLI ก็จะยิ่งเพิ่มอรรถรสในการเล่นอย่างแน่นอน
.
โดยรวมแล้วการ์ดเมื่อสามปีก่อนก็สามารถที่จะเล่น Battlefield 3 ได้อย่างสนุกสนานหากได้ทำการปรับแต่งค่าอย่างเหมาะสม ซึ่งแม้ว่าจะปรับที่ Low Quality ก็ตามภาพที่ได้รับชมนั้นก็ยังจะสวยงามมากครับ แต่หากใครที่มีงบในการจัดหา Nvidia Graphic Card รุ่นใหญ่ๆมาเล่นแล้วละก็ GTX 580 น่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุด ด้วยราคา ณ เวลานี้ที่หมื่นกลางๆกับความสามารถที่จะสามารถรัน BF 3 ได้อย่างไม่สะดุดและสวยงามแบบไม่ขัดอารมณ์
.
Nvidia Surround
นอกเหนือจาก Performance ที่ได้รับจาก Nvidia Graphic Card แล้ว ในส่วนของ Nvidia Surround ก็ยังเปิดโอกาสให้เหล่า Gamer ได้สัมผัสกับประสพการณ์ Surround จากภาพที่ Resolution 5760×1080 ผ่านทาง FULL HD Monitor สามตัวด้วย หรือมากไปกว่านั้นกับจอภาพขนาด 30 นิ้วที่มีความละเอียดระดับ 2560×1600 จำนวนสามจอที่ความละเอียดรวม 7680×1600 กันเลย
.