สวัสดีครับ หึหึ(โหลจัง คำทักของเรา) หึหุ กร๊าก ท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งสนใจผมครับ ผมกำลังบ้า กร๊าก ขอให้มาสนใจที่บทความดีกว่าครับ หุหุ เอาหล่ะครับ เข้าเรื่องดีกว่าครับ วันนี้ ผมก็จะมา (หายใจเล่น) อุ้ยมะใช่สิ ต้องบอกว่า บทความชิ้นนี้ จะเป็นการอธิบายเกี่ยวกับเรื่องของ Bittorent ซึ่งเป็นรูปแบบการแชร์ไฟล์บนอินเตอรฺเน็ตแบบหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมแพร่หลายมากๆ โดยที่มันได้รับความนิยมคงจะเป็นเพราะว่า ช่วงหลังนี้ อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ADSL ได้รับความนิยมมากขึ้น ประกอบกับปัจจัยอื่นๆ เช่น ค่าบริการที่ถูกลง การที่ ADSL มีพื้นที่ให้บริการครอบคลุมมากขึ้น และอุปกรณ์ในการติดตั้งถูกลง จึงทำให้ ADSL เป็นที่สนใจของนักเล่นคอม และอินเตอร์เน็ต ที่ต้องการความคุ้มค่า และความเร็ว ซึ่งมันคุ้มจริงๆครับ ถ้าท่านสนใจบทความนี้ อิอิ นั้นคือ การแชร์ไฟล์ที่เขาเรียกกันว่า Bittorent ครับ เอาหล่ะเกริ่นมานาน(เมื่อยนะเนี้ย) เราไปเริ่มทำความรู้จักกันเลยดีกว่าครับ

Bittorent คือ????

เอ้ะ แล้วผมจะถามทำไม(ตัวเองตอบเองนี่หว่า) หุหุ เอาง่ายๆครับ Bittorent คือลักษณะการแชร์ไฟล์รูปแบบนึง ที่เป็นแบบ P2P หรือถ้าเรียกเต็มยศก็ต้อง Peer to Peer (อ่านว่า เพียร์ ทู เพียร์) หลายท่านคงสงสัยเอ้ะ ไอ้ northbridge เขาจะบอกทำไมว่าอ่านว่าอะไร คืออย่างงี้ครับ ผมไปอธิบายให้เพื่อนฟัง แล้วเขียนอย่างงี้เหละครับ เขาอ่านว่า “เพอร์ ทู เพอร์” ผมหัวเราะเกือบตกเก้าอี้เลย หุหุ

หลักการของ P2P

ความจริงโดยรวมๆแล้ว P2P เป็นชนิดของเครือข่าย ที่ถูกจำแนกตามลักษณะหน้าที่ของสมาชิกเครือข่าย โดยมันจะมี แบบ Client server และนี่เหละครับ Peer to Peer

หลักการทำงานของมัน ก็จะเสมือนดั่งว่า ทุกคนในเครือข่าย มีความสำคัญเท่าๆกันหมด นั้นหมายความว่า ในการแลกเปลี่ยนไฟล์ในระบบ P2P จะไม่มีคำว่า Server หรือ Client แต่ทุกคน จะมีหน้าที่เหมือนกัน คือเป็นทั้งผู้ให้บริการ และผู้รับบริการนั้นเองครับ

เข้าถึง รู้จัก และ เข้าใจ คำว่า Bittorent

นานมาแล้วนะครับ ที่ผมได้รู้จักกับคำคำนี้ กว่า5เดือนได้แล้วมัง้ หุหุ แต่ผมเพิ่งจะมาศึกษาจริงๆจังๆ เมื่อสองถึงสามเดือนที่ผ่านมานี้เองครับ อาจจะเป้นเพราะ ผมเพิ้งได้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงมาเลยเกิดอาการสนใจขึ้นมา หลักกการของมัน ค่อนข้างที่จะพิศดารกว่า การที่มี Server และ Client หน่อยนึง ยกตัวอย่างดีกว่าครับ ง่ายดี เช่น ไฟล์1ไฟล์ ถ้าใช้ระบบที่เราใช้ๆกันอยู่ คือ Server กับ Client นั้นคือ Server จะส่งให้ Client ใช่มั้ยครับ แต่นี่ ถ้าเป็นบิดโทเรนแล้ว จะไม่ใช่อย่างนั้นครับ บิตโทเรน จะทำการแตกไฟล์ที่ต้องการแบ่งปันให้ผู้อื่น เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ตามความเหมาะสม แล้วก็จะกระจายไปในวงเครือข่าย ที่ต้องการไฟล์เหล่านั้น นั้นจะหมายความว่า ระบบ บิตโทเรน จะไม่ตายตัวเหมือนแบบ เซอเว่อ กับ ไคลเอนท์ คือจะมีความยืดหยุ่นมากกว่า โดยที่ ผู้ที่เป็นคนริเริ่มแชร์ไฟล์ตัวนี้ จะทำการแตกไฟล์เป็นชิ้นเล็กๆ ส่งๆต่อๆกันไป อย่างเช่นว่า ผู้รับไฟล์นั้นคนแรก ได้รับฃิ้นที่ 1ใน10 แต่คนที่สอง ได้รับถึง 5ใน10 ผู้รับไฟล์คนที่สอง ก็สามารถนำส่วนที่ตนได้รับมากกว่าคนแรก ไปแบ่งให้คนแรกก่อนได้ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ bittorent นั้นประหยัด Bandwidth ของผู้ที่เอาไฟล์มาแชร์อย่างมหาศาล เลยหล่ะครับ เพราะฉะนั้น ก็จะโยงไปได้อีกว่า ความเร็วโดยรวมของผู้ที่ร่วมแชร์ไฟล์นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้ปล่อยไฟล์ออกมาอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของผู้รับ ว่าจะมี จรรยาบรรณในการใช้งานมากแค่ไหน คือจะยอมอัพโหลดให้คนอื่น เอาไฟล์ตรงนั้นไปปล่อยให้คนอื่นอีกหรือไม่

และรูปสาธิตหลักการทำงานเล็กๆน้อยๆครับ

มาดูหน้าต่อไปจะเป็นคำศัพท์ครับ

คำศัพท์เกี่ยวกับ Bittorent ที่ควรรู้

- Seeder            ผู้ปล่อยไฟล์(ผู้ที่เริ่มปล่อยไฟล์ที่ต้องการแชร์)

- Leecher           ผู้ที่รับไฟล์จาก seeder และ leecher ก็จะมีสิทธิที่จะส่งไฟล์เหมือนกัน(เท่าที่ตนเองมี) แต่ถ้า leecher โหลดไฟล์ครบ หมดแล้ว ก็จะกลายเป็น seeder ทันที

- Peer                 ผู้ร่วมอุดมการของการแชร์ไฟล์นั้นๆ

- Torrent File      ทำหน้าที่เหมือนกระดาษโผย(ตอนเข้าห้องสอบจะคุ้นเคยกันดี) โดยกระดาษโผยนี้ จะเป็นตัวชี้โปรเกรม Client ของ bittorent ว่า จะต้องไปรับ seed มาจากใคร และส่งไปที่ไหน

- Torrent Tracker เสมือนผู้ที่ทำหน้าที่เก็ยโผยที่ว่านี้ ใว้ในเว็บ นั้คือ เว็บไซต์ tracker นั้นเอง tracker เสมือนผู้คอยจัดระเบียบสังคม bittorent คอยไล่แบนสมาชิกที่ไม่ยอมปล่อยไฟล์ กล่าวง่ายๆคือ เป็นเว็ยไซต์ที่รวบรวมไฟล์โทเรนใว้นั้นเอง

- bittorent Client การที่เราจะดาวโหลดได้ เราก็ต้องมีโปรเกรมประเภทนี้ครับ โดยโปรเกรมจะทำการจัดการในทุกๆสิ่งให้เรา ตั้งแต่บอกเครื่องว่า จะต้องเปิดพอร์ตไหนเพื่อดาวโหลด และอัพโหลดไฟล์ จนกระทั่งสร้างไฟล์กระดาษโผย หรือ ไฟล์โทเรนนั้นเอง

- Ratio                 เป็นค่าการ อัพโหลดต่อดาวโหลดของคุณ โดยปกติแล้ว ทางเว็บไซต์ Tracker จะเป็นผู้ออกมาจัดระเบียบว่าสมาชิกของตนจะต้องมี Ratio เท่าไหร่ ถ้าต่ำกว่ากำหนดก็จะโดนแบนไป

เปิดหน้าต่อไป ดูเรื่องการใช้งานจริงครับ