Corsair Vengeance K95 Fully Mechanical Gaming Keyboard
Share | Tweet |
สวัสดีครับ หลากหลายอุปกรณ์ต่อเชื่อมสำหรับเหล่าเกมส์เมอร์ทีออกแบบและคิดค้นโดยแบรนด์ Corsair ก็ได้ผ่านสายตาท่านสมาชิก Vmodtech ไปแล้วนะครับ วันนี้ส่วนตัวนั้นถือเป็นทีเด็ดสำหรับอุปกรณ์เซตนี้เลยเพราะมันเป็นคีย์บอร์ดที่มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างมาก สำหรับคีย์บอร์ดในสายการผลิตตระกูล Vengeance นั้นมีให้เลือกหามาใช้งานมากถึง 8 รุ่น และแต่ละรุ่นก็ได้ทำการสกรีนภาษามาให้เหมาะกับผู้ใช้งานทั่วโลก Corsair Vengeance K95 นั้นเป็นคีย์บอร์ดที่ใช้ปุ่มแบบ Mechanical Switch โดยตัว K95 นั้นเลือกใช้สวิทซ์สีแดงหรือ Cherry MX Red Mechanical Switch ซึ่งผมถือว่าเป็นสวิทซ์ที่เสียงเงียบและใช้แรงกดน้อยมาก ก่อนอื่นมาชมรายละเอียดจากหน้าเว็บ Corsair กันก่อนครับ
.
Vengeance K95 นั้นออกแบบมาได้อย่างสวยงามเหมาะกับเหล่าเกมส์เมอร์เป็นอย่างมาก การต่อเชื่อมนั้นเป็นแบบ USB 2.0 มี Software ช่วยในการปรับแต่งปุ่มบนตัวคีย์บอร์ดในส่วนของ Macro ได้อย่างละเอียดและง่ายดายครับ
.
.
Package Appearance
กล่องของ Vengeance K95 นั้นออกแบบมาได้น่าสวยงาม น้ำหนักค่อนข้างหนักตามสไตล์ของ Mechanical Keyboard
ตัวที่ผมได้รับมาทำการทดสอบนั้นติดตั้งสวิทซ์ Cherry MX Red มา และทำการสกรีนภาษาอังกฤษมาอย่างเดียวครับ
ด้านหลังมีคำอธิบายไว้หลายภาษาและได้แนะนำโซนของปุ่มที่เป็นคุณสมบัติสำคัญของคีย์บอร์ดนี้
เปิดกล่องออกมาก็จะพบกับกล่องกระดาษเข้ารูปมาก
ของที่แถมมากับกล่องก็จะเป็นคู่มือการใช้งานและรายละเอียดในการรับประกันครับ
ด้านหน้าเต็มของคีย์บอร์ด ตัวคีย์บอร์ดนั้นมีเลย์เอาท์ที่ยาวมากกว่าคีย์บอร์ดมาตรฐานเนื่องจากด้านซ้ายมือจะเป็นกลุ่มของปุ่มที่เตรียมไว้สำหรับบรรจุ Macro นั่นเอง โครงสร้างของคีย์บอร์ดนั้นจะเป็นอลูมิเนียมขึ้นรูปสีดำปัดด้านมาครับ แลดูเป็นเอกลักษณ์ต่างจากแบรนด์ตลาดที่มีเห็นกันบ่อยๆในบ้านเรา
ดูกันใกล้ๆบริเวณโซนซ้ายมือครับ ปุ่มชุดคำสั่งนั้นจะมีเตรียมมาให้มากมายถึง 18 ปุ่มเลยครับ เยอะมาก
ปุ่มอำนวยความสะดวกด้านบนโซนซ้าย ตรงนี้จะเอาไว้ทำหน้าที่กดบัณทึกคำสั่งต่างๆบนปุ่ม G1 - G18 นั่นเอง
ขวาสุดนั้นจะเป็นโวลุ่มและปุ่มมิวท์รวมถึงปุ่มฟังก์ชั่นด้านมัลติมีเดียครับ
เปิดให้ดูครับว่า Corsair Vengeance K95 นั้นใช้สวิทซ์แบบ Cherry MX Red ที่มีไฟ LED ประจำแต่ละปุ่มเลย ด้านล่างของรูปนี้จะเป็นในส่วน Palm Rest หรือที่พักข้อมือครับ พื้นของที่พักข้อมือนั้นจะมียางปั๊มติดมาด้วย ก็สวยงามและใช้งานได้จริงครับ
ด้านหลังของคีย์บอร์ดไม่มีอะไรมาก
การประกอบที่พักข้อมือนั้นก็ต้องยึดสกรูด้วยเล็กนัอยครับกันลื่อนหลุดและอาจจะแตกหักได้ด้วย
.
.
Software Customizing
ลองมาดูหน้าตาของ Software ควบคุมคีย์บอร์ดกันครับ ด้านบนนั้นจะเป็นหน้าจอหลักที่จะแสดงสถานะปัจจุบันของปุ่มมาโครทั้ง 18 ปุ่ม แต่เท่านั้นยังไม่พอครับ หาก 18 ปุ่มนั้นยังไม่พอ ท่านสามารถบันทึกเพิ่มเติมบน M2 และ M3 จากหน้าจอด้านซ้ายบนได้อีกด้วย อะไรมันจะมากมายขนาดนี้ ตรงกลางด้านบนจะสามารถบันทึกเป็น Profile แยกออกไปได้ ถัดมาด้านขวาก็จะเป็นปุ่มปรับความสว่างในส่วนของสวิทซ์ทั้งสองโซน
ทดลองบันทึกมาโครดูครับ ผมกด MR (Macro Record) ที่ M1 หลังจากนั้นจิ๊มที่ปุ่ม G1 แล้วเลือนมาด้านขวาบริเวณ Basic Command ตรงนี้จะเป็นการเลือกให้ปุ่ม G1 ทำหน้าที่เป็นฟังก์ชั่นใดก็ได้ตาม Pull Down Menu ที่มีให้เลือกซึ่งในส่วน Basic Command นั้นจะเป็นคำสั่งพื้นฐานทั่วๆไป
ตรงนี้จะเป็น Advance Command ครับ นอกจากจะบันทึกคำสั่งง่ายๆได้แล้ว มันก็ยังสามารถบันทึกชุดคำสั่งและหน่วงเวลาได้เหมือนกับคีย์บอด MMO ทั่วๆได้ด้วย ลองไปเล่นดูครับ
.
.
Testing & Conclusion
ลองทดสอบฟีลลิ่งการใช้งานกันบ้าง โดยวันนี้ผมลองเกมส์มิ่งเซตจาก Corsair กันเลยทีเดียว ตัวไฟบนคีย์บอร์ดนั้นจะมีมาให้ทั้งหมดแค่สองโซนนะครับ ไม่ได้มีไฟติดตั้งมาทุกปุ่ม โดยโซนแรกจะอยู่ซ้ายมือของเราบริเวณที่ใช้ในการบังคับทิศทาง
เข้ามาดูใกล้ๆครับ
บริเวณปุ่ม Direction ก็มีไฟติดมาให้ด้วย
.
ส่วนตัวผมนะครับ ผมรู้สึกชอบกับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของ Corsair มาก จริงๆผมเริ่มเบื่อๆกับภาพของ Mechanical Keyboard ที่เป็นแบบมาตรฐานซึ่งดูมันแข็งๆทื่อนี้มานานแล้วครับ รวมถึงลุคของคีย์บอร์ดบางแบรนด์ที่ทำออกมากี่รุ่นก็ยังคงอนุรักษ์นิยม หลายๆคนอาจจะชอบแต่หลายๆคนอาจจะรู้สึกเบื่อก็เป็นได้ แต่ไม่ครับ Corsair Vengeance K95 นั้นออกแบบมาได้อย่างสวยงาม โครงสร้างที่ทำมาจากอลูมิเนียมปัดแสดงลวดลายบนตัวได้สวยงามจริงๆครับ และก็ไม่ได้ทำมาเป็นกล่องเหลี่ยมๆแข็งๆเหมือนแบรนด์อื่นด้วย ปาล์มเรสก็หนึบและนุ่มนวลดีทีเดียว เมื่อก่อนผมไม่ค่อยชอบติดที่พักข้อมือแต่พอได้ทดลอง Corsair Vengeance K95 ก็ทำให้ผมรู้ถึงประโยชน์ของมันได้พอควรเลยครับกับความสบายที่ได้เพิ่มจากจุดนี้
.
ทางด้านสวิทซ์ที่ใช้งาน อย่างที่จะพอทราบกันว่า Cherry MX Switch นั้นมีสองรูปแบบสวิทซ์ให้เลือกหามาใช้งาน โดยลักษณะการทำงานของมันจะแบ่งได้สองแบบครับ แบบแรกจะเป็นสวิทซ์สองจังหวะ สวิทซ์สองจังหวะนั้นเมื่อกดลงไปแล้วจะมีเสียงคลิ๊กเบาๆก่อนที่ปุ่มจะจมลงไปสุด ซึ่งความรู้สึกจะเหมือนๆกับการใช้งานพิมพ์ดีดไฟฟ้าประมาณนั้น สวิทซ์ประเภทนี้ก็จะมีสีน้ำเงินกับสีน้ำตาลครับ ส่วนสวิทซ์อีกประเภทคือสวิทซ์ที่มีจังหวะเดียว สวิทซ์แบบนี้จะต้องใช้แรงกดมากกว่าแบบสองจังหวะครับ โดยสีของสวิทซ์แบบนี้จะมีสีดำและล่าสุดก็เป็นสีแดงซึ่งจะต้องใช้แรงกดน้อยกว่าสีดำประมาณ 20 กรัมครับ การใช้งานนั้นผมถือว่าน่าจะเป็นจุดที่ลงตัวที่สุด เสียงจาก Cherry MX Red นั้นเบา แรงกดนั้นก็ไม่ต้องกดแรงมากเท่าปุ่มสีดำที่ผมเองใช้อยู่เป็นการส่วนตัว ปุ่มอำนวยความสะดวกสำหรับขาเกมส์ MMO นั้นก็เพียบ ติดอยู่นิดเดียวครับ อาจจะเป็นเพราะว่าผมเองไม่ได้ใช้งานปุ่มมาโครเลยจึงรู้สึกว่าการมีปุ่มมาโครมากมายนั้นทำให้ตัวคีย์บอร์ดมันมีขนาดใหญ่ไปนิดซักหน่อย แต่เรื่องฟีลลิ่ง ดีไซน์การออกแบบ ผมให้ Best Innovation ด้วยความชอบส่วนตัว…
.
.
CHANE
..
.
.
ขอขอบคุณ
Scanner
.