สวัสดีครับ ช่วงนี้ก็คงจะได้พบกับการ์ดจากค่ายสีเขียวกันหนาตาขึ้นเป็นพิเศษนะครับ จากความรู้สึกของผม และสิ่งที่ผมกำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ เพราะผมเริ่ม ดองรีวิว ฮ่าๆ จะมาแอบกระซิบให้ท่านผู้อ่านได้ฟังครับว่าตอนนี้ก็มี GTS250 จากค่าย Winfast นอนรออยู่ในอ้อมกอดของผม เอ้ย นอนรออยู่ใน Lab ของเรา สำหรับวันนี้ การ์ดที่เราได้รับมาทดสอบก็คือ GTX260+ ย้ำ มี + อยู่ด้านหน้ากล่องครับ จริงๆแล้วมันก็คือ GTX260 เดิม (เสป็คเหมือนเดิมทุกอย่าง) เพียงแค่ตัวชิป GPU นั้นใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ 55 นาโนเมตร แทนที่ 65 นาโนเมตร แบบเจเนอเรชั่นแรกๆนั้นเองครับ

สำหรับคราวที่แล้วที่เราได้นำเสนอ GTX275 ไปแล้ว กับคำขวัญที่มีอยู่ว่า “ถูกกว่า GTX260 ใช้แรมแบบเดียวกัน แต่ใช้คอร์ GTX285″ คราวนี้ GTX260 ก็เลยต้องมีการ Refresh กันใหม่ ด้วยเทคโนโลยี 55 นาโนเมตร (ให้เหมือนกับตระกูลที่ลงท้ายด้วย 5 ทั้งหลาย) รวมไปถึงราคา ที่มีการปรับลดลงมาอย่างน่าใจหาย เหลืออยู่ที่ 75xx บาท เท่านั้นเองครับ อิอิ เหมือนจะมาขายของเลยนะครับ แต่จะว่าไปแล้ว จุดขายจุดหลักๆที่ Galaxy มักจะนำมาชูเป็นประเด็นตั้งแต่ครั้งแรกๆที่เริ่มเข้ามาบุกตลาดบ้านเรานั้นก็คือเรื่องของราคาที่ถูกกวาค่ายอื่น แต่ประสิทธิภาพจี๊ดจ๊าดนั้นแหละครับที่ผมอยากจะพูดถึง

กล่องกระดาษ ไม่มีอะไรน่าพิศวง และดูท่าทางเหมือนจะไม่มีเกมแถมมาให้ - -”

ตัวการ์ด เหมือนจะไม่ได้ใช้ฮีทซิงค์แบบชาวบ้านทั่วไป พัดลมที่ใช้ ติดมาให้ถึงสามตัว แต่รอบต่ำกว่าพัดลมที่มีอยู่ในซิงค์แบบ Refrence ของ Nvidia ยังไงก็ดี ยังคงเป็นการ์ดสองสลอตอยู่ครับ

มันสวยนะ ในความคิดของผม ดูจากมุมนี้แล้ว ชวนให้นึกถึงกล้ามบนแขนของนักกล้ามกันเลยทีเดียวครับ กับท่อฮีทไปป์ทั้งห้าท่อ

มาดูอีกมุม

ฮีทซิงค์ยังคงยืนยันครับว่าเป็นฟินอะลูมิเนียม

ต้องใช้ไฟ ถึง 2 ช่องเลยทีเดียว

เหมือนจะเป็นแฟชั่นสมัยนิยม ถ้าการ์ดตัวไหนไม่มี DVI สมัยนี้เหมือนจะเชยครับ อิอิ และก็ยังไม่ลืมที่จะมี TVout ติดมาให้ด้วย ครบครันจริงๆ อิอิ

ดูน็อตที่ใช้ยึดฮีทซิงค์ มีแหวนรองไฟเบอร์สีแดงๆให้มาด้วยครับ ให้อารมณ์เหมือนเปลี่ยนซิงค์เองกับมือ (หรออ) อิอิ

ในกล่องมีของแถมเท่าที่เดาไว้แต่แรกครับ มีสายออดิโอ สำหรับเชื่อม SPDIF ของซาวการ์ดมาที่การ์ดจอ สำหรับพอร์ต HDMI สายสัญญาณ TVout หัวแปลง DVI-DSUB และสายแปลงจากหัว Molex เป็น PCIE คู่มือ และที่เด็ดไปกว่านั้นคือซีดีโปรแกรม Xtreme Tuner ที่ทำให้เราสามารถทำการ Overclock และแฟลชไบออสการ์ดได้ด้วยตนเองผ่านซอฟท์แวร์ตัวนี้ครับ

โชว์กันจะจะครับ แฟลชไบออสได้จริงๆนะ ข้างๆเมนู setting น่ะครับ อิอิ

Test bed Setting.

บรรยากาศขณะทำการทดสอบ

Temperature Torture Test

ทดสอบ Temp ด้วยการ Overclock ไปที่ค่าที่เสถียรที่ใช้ในการทดสอบในวันนี้ และจับค่าอุณภูมิผ่านเซ็นเซอร์ในการ์ดด้วยโปรแกรม Furmark ครับ

คลิกเพื่อดู Screen Shot เต็ม 

Devil May Cry 4

Devil May Cry 4 (OC at 700/1300)

Crysis Benchmark Comparison

ดูจากประสิทธิภาพแล้ว ไล่บี้กะ GTX275 ได้สบายๆเลยครับ หลังจาก OC แล้ว

3Dmark03

3Dmark03 OC (733/1200)

3Dmark 05

3Dmark 05 OC (700/1300)

3Dmark06

3Dmark06 OC (700/1300)

GTX260+ ในวันนี้ สามารถพูดได้ว่าไม่แตกต่างอะไรกับ GTX260 เดิมมากนัก แต่ด้วยราคาที่น่าสนใจ เพียง 7500 บาท ถูกกว่า GTX275 อยู่หลายพันบาท กับประสิทธิภาพที่สูสีคู่คี่กัน และที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ GTX260 ของ Galaxy นั้นมีพอร์ต HDMI ติดมาให้ด้วยเลย ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้มีงบประมาณตั้งแต่ 7-8 พันบาทเลยทีเดียว สิ่งที่แตกต่างไปจากการ์ดค่ายอื่นนอกจาก HDMI แล้วคงจะเป็นฮีทซิงค์ ถึงแม้จะไม่ได้เย็นมาก แต่ก็เสียงรบกวนนั้น ขณะที่เปิดรอบพัดลม 100% ก็ทำได้เงียบจนน่าใจหาย เนื่องด้วยใช้พัดลมรอบต่ำถึง 3 ตัว ทำให้ไม่เหมือนกับ Refrence card ทั่วไปที่จะใช้ Blower เพียงแค่ตัวเดียวเป่าอัดฟินอะลูมิเนียม จุดนี้ก็นับเป็นข้อดีอีกจุดหนึ่งครับ

สุดท้าย ผมก็พิจารณาว่า การ์ด Galaxy GTX260+ นั้น สมควรที่จะได้รับรางวัล Vmodtech Awards สองรางวัล นั้นคือ Good Performance เนื่องด้วยประสิทธิภาพที่ค่อนข้างดีในเกณฑ์ราคา และ Good Innovation เนื่องด้วยฟีเจอร์ดีดีอย่าง HDMI และซอฟท์แวร์ Xtremetuner สำหรับ การ Overclock นั้นเองครับ

สำหรับวันนี้ก็คงต้องลาไปก่อน สวัสดีครับ