HyperX Cloud Flight Wireless Gaming Headset Review
Share | Tweet |
สวัสดีครับ วันนี้เรามีหูฟังเกมส์มิ่งจาก Kingston HyperX มารีวิวให้ได้ชมกันอีกแล้ว และวันนี้เราจะพูดถึงรุ่นใหม่ล่าสุดของ HyperX คือ Cloud Flight Gaming Headset ซึ่งมันเป็น Gaming Headset แบบ Wireless ครับ สามารถเชื่อมต่อกับหลากหลายอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็น PC, Play Station ก่อนหน้านี้เราก็ได้รีวิวไปแทบทุกรุ่นทุกเจนเนอร์เรชั่นของเค้ามาก่อนหน้านี้แล้วหลายตัว ซึ่งสามารถย้อนกลับไปชมบทความได้ที่นี่ครับ
HyperX Cloud Alpha Gaming Headset Review
Kingston Hyper X Cloud Revolver S Review
Kingston HyperX Cloud Stinger Gaming Headphone Review
Kingston HyperX Cloud Revolver Headset Review
KINGSTON HYPERX CLOUD II Pro Gaming Headset Review
ความคาดหวังอันสูงของผมก็คือเสียงที่ได้จากรุ่นใหม่ๆจากหูฟังของ HyperX นั้นต้องดีมากแน่ๆเพราะจากที่เคยได้ทดลองฟังจากรุ่นแรกและได้มีโอกาสคุยกับทีมงาน HyperX ที่ไต้หวัน ก็ได้ชื่นชมรวมถึงได้เสนอแนะความคิดเห็นเรื่องแนวเสียงจากผู้ใช้งานคนนึงไปให้ทางทีม Kingston เมื่อตอนนั้น และหลังจากนั้นก็พบว่าเสียงของหูฟังเกมส์มิ่งแบรนด์นี้มันต่างครับ ต่างจากเกมส์มิ่งแบรนด์อื่น ซึ่งเข้าใจครับว่าทีมงานจูนเสียงเค้าเหมือนจะชอบทำเสียงให้ออกแนวฟิเดลิตี๊ด้วยกระมังทำให้ผลรวมนั้นออกมาดีทีเดียวครับหากมองในแง่มุมของผมนะ มาชมรายละเอียดกันดีกว่าครับ
.
ข้อมูลเชิงลึกนั้นก็สามารถตรวจสอบได้จากรายละเอียดด้านบนครับ
.
PACKAGE Appearance
กล่องบรรจุตัว Cloud Flight นั้นจะมีการออกแบบสวยงามเตะตาด้วยโลโก้ HyperX
ในกล่องนั้นจะมีคู่มือแบบแผ่นพับที่จะอธิบายรายละเอียดต่างๆรวมถึงการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ขวาสุดจะเป็นตัวรับและส่งที่เราต้องนำไปเสียบกับพอร์ท USB บนคอมพิวเตอร์หรือ PS
เมื่อถอดออกมาจากกล่องนอก เราจะเห็นตัวหูฟังวางอยู่แบบนี้
รูปร่างของหูฟังโดยรวมครับ สวยงามตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นเลย
บริเวณที่สัมผัสและกดกับศรีษะนั้นให้ความรู้สึกนุ่มดีครับ เมื่อใส่เข้ากับศรีษะก็จะรู้สึกกระชับครับ แต่หากใครรู้สึกว่ามันหนึบหัวหรือแน่นเกินไปก็แนะนำให้ถ่างออกไว้ซักพักนึงครับ จะช่วยให้มันลดอาการบีบหัวลงได้บ้าง
ส่วนที่สัมผัสกับหูนั้นเป็นลักษณะคล้ายหนังที่มีความนุ่มนวลอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก การบีบรัดก็ไม่มากนักเมื่อสวมใส่อยู่บนหัว
ช่องเชื่อมต่อที่สามารถต่อได้ จากซ้ายจะเป็นปุ่มเชื่อมต่อกับ PC หรือ PS ครับ ถัดมาจะเป็นช่องเสียบสายจากตัว Cloud Flight ไปยังเอาท์พุทของคอมแบบ stereo แบบ 3.5 มิลลิเมตร ตรงกลางจะเป็น USB สำหรับชาร์จไฟเข้าตัวหูฟัง และขวาสุดจะเป็นช่องสำหรับเสียบไมค์ครับ
ที่หูฟังอีกด้านจะมีโวลุ่มสำหรับปรับเร่ง/ลดเสียง
ภาพเมื่อประกอบไมค์เข้ากับตัวหูฟังนะครับ
Testing and Conclusion
เริ่มทดลองกันเลย
การใช้งานแบบไร้สายนั้นสามารถทำได้อย่างง่ายดายนะครับ คือเรานำเอาตัวรับส่งสัญญาณไปเสียบเข้ากับพอร์ท USB ของคอมพิวเตอร์หรือ Play Station หลังจากนั้นก็ทำการเชื่อมต่อโดยกดปุ่มพาวเวอร์ที่อยู่บนหูฟังด้านซ้ายจนมีเสียงปี๊บเบาๆ ไฟโลโก้ HyperX จะติดและการเชื่อมต่อก็จะสมบูรณ์ ในการทดลองนี้ผมได้ทำการเสียบใช้งานหูฟังต่อเนื่องไว้ก่อนประมาณสามวันครับ
การใช้งานพื้นฐานของหูฟังนี้ก็แน่นอนครับว่ามันออกแบบมาให้สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ สุ่มเสียงก็จัดอยู่ในเกณฑ์ค่อนไปทางดี รายละเอียดพอได้ เบสไม่บวมไปบูมเหมือนกับหูฟังเกมส์มิ่งแบรนด์อื่นๆ ติดนิดตรงว่าหากจะพิจารณาเสียงที่เปล่งออกมานั้นดูเหมือนยังไม่พุ่ง ไม่โปร่งนักโดยเฉพาะเสียงกลาง กรณีเราเล่นเกมส์เสียงที่ได้ก็จะลดความดุดันลงไปครับถ้าเราไปเทียบกับหูฟังรุ่นอื่นๆ ลองพิจารณาดูแล้วน่าจะเป็นเพราะภาคขยายในตัวนั้นไม่สามารถผลักดันตัว driver ของหูฟังออกหมดแม้จะผ่านการเบิร์นอินไปเกือบๆร้อยชั่วโมงแล้วก็ตาม ซึ่งน่าจะเป็นบุคลิคของ Cloud Flight เมื่อใช้งานแบบ Wireless ครับ
ผมลองนำเอาสายเสียบและเชื่อมต่อไปยัง ASUS Essence One MK II ซึ่งเป็น DAC เสียงเรียบๆแต่ให้รายละเอียดดีตัวนึงจากแบรนด์ ASUS ครับ เสียงที่ได้จาก Cloud Flight นี่กลายเป็นหนังอีกม้วนนึงเลยครับ พื้นฐานเสียงโดยรวมนั้นถูกผลักดันออกมาจนหมดจากกำลังขับที่มากกว่าจาก DAC นอก เสียงตลอดย่านนั้นเปิดโปร่งโดยเฉพาะเสียงกลาง เสียงย่านปลายแหลมนั้นจะเหมือน slope ลงค่อนข้างเร็วแต่ถือว่าไม่ห้วนแต่อย่างใด เสียงกลางต่ำให้แรงปะทะที่ดีมากจากที่ได้ลองฟังกับ TOP 10 SLIPKNOT RIFFS บน Youtube เสียงโทนกลางต่ำจนถึงต่ำนั้น ผมว่ามันถูกจูนมาได้อย่างลงตัว ตัว driver สามารถหยุดยั้งเสียง drop B จากกีตาร์ไม่ให้หึ่งขึ้นมากวนเสียงกลางๆจนลดทอนความดิบเถื่อนเลย ตรงนี้จะเป็นเพราะว่าภาคขยายนั้นมีแรงเพียงพอ ผมลองเร่งโวลุ่มขึ้นไปที่ประมาณเที่ยงบน DAC ที่นี้เสียงพุ่งโหดดิบกว่าเดิมอีกมากมาย แสดงให้เห็นว่าตัว Driver และการจูนโทนเสียงนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก
.
เมื่อเปลี่ยนเพลงมาเป็น ลูกทุ่งติดชาร์จ จะเห็นได้ชัดครับว่านอกเหนือจากกลางต่ำที่พุ่งแล้ว เสียงกลางที่เปิดรวมถึงรายละเอียดด้านกลางแหลมนั้นมีรายละเอียดที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆ โทนัลบาลานซ์ตลอดย่านนั้นผมว่ามันสามารถทำให้เพลงมีความกลมกล่อมที่ดีครับ ถ้าจะฟังว่าบางช่วงบางย่านดูเหมือนบางเบามากก็คงจะเป็นเพราะตัว driver เอง เสียงที่หายไปนี้จะไปได้ยินบนชุดที่แรงกว่าซึ่งคงไม่ใช่ข้อเสียของหูฟังตัวนี้แต่อย่างใด ผมว่าหากต้องการหูฟังที่สะดวกๆซักรุ่น เอามาเล่นเกมส์ที่ไม่ต้องกังวลเรื่องสายที่จะรุงรัง ขยับเก้าอี้ทีต้องระวังว่าจะไปทับสาย ผมว่าตอบโจทย์ครับ แต่ต้องยอมลดความซีเรียสลงไปบ้างจากสุ่มเสียงที่บางเบาลงอย่างชัดเจนในแง่ของพลังและรายละเอียด การเสียบเข้ากับ USB DAC หรือ DAC จะเป็นการต่อยอดที่ดีมากสำหรับ Cloud Flight ตัวนี้ คือพอจะเน้นสะดวกก็ต่อไร้สายได้ ระยะนั้นก็สามสี่เมตรสบายๆครับเสียงไม่ดร๊อปเลย ขนาดเดินออกไปนอกห้องยังไม่มีรอยต่อของเสียงเลยครับ แต่เมื่อไหร่ที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีแล้ว การเชื่อมต่อแบบสายยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ Cloud Flight อาจจะแพงไปนิดครับที่ห้าพันกว่าแต่ถ้ามองว่ามันเป็นหูฟังที่มีความสะดวกในการเลือกเชื่อมต่อและมีเสียงที่ดีแบบนี้ ผมว่าคุ้มครับ และผมอยากจะบอกว่าสำหรับผู้ทดสอบแล้ว HyperX Cloud Flight ถือเป็น Gaming Headset หน้าตาเกมส์มิ่งสำหรับเล่นเกมส์ ฟังเพลงบนคอมพิวเตอร์หรือ Play Station นั้นมีเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่ผมได้ทำการทดสอบมาครับ
.
…
.
.
.
ขอบคุณที่ติดตาม
chane
ขอขอบคุณ
Kingston