Live report from Computex 2010 Taipei part 1
Share | Tweet |
…สวัสดีครับ สำหรับช่วงนี้ก็คงจะเป็นช่วงของบทความนำเที่ยวกันเป็นกิจวัตรนะครับ และในวันนี้ผมก็มีรายงานจากทางไต้หวันกับงานแสดงเทคโนโลยีชั้นนำของภูมิภาคอย่างงาน Computex มาให้ได้ชมกันนั่นเอง และในการเดินทางทริปนี้ ก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ใจดีอย่าง Kingmax และ TKcom นั่นเองครับ ซึ่งต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
Kingmax
…เมื่อมาถึงที่บริเวณงาน ก็ไม่ต้องคิดอะไรมากครับ vmodtech เรา ไปชมบูตของผู้สนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้ของเรากันก่อนเลยดีกว่าครับ ว่าแล้วก็เดินตรงปรี่ไปที่บูต Kingmax เป็นอันดับแรกกันก่อนเลยครับ
…เข้ามาถึงก็ไม่ต้องคิดอะไรมากครับ เข้ามาคุยกับนายใหญ่ก่อน คนในภาพด้าบนนั้นคือคุณ Lawrence Chang ประธานบริษัท Kingmax Digital ที่ให้เกียรติมาสัมภาษณ์เองโดยตรงกันเลยทีเดียว ซึ่ง Kingmax Digital นั้นจะเป็นส่วนของบริษัท Kingmax ที่ดูแลผลิตภัณฑ์จำพวก gadget ต่างๆ ไม่รวมถึงพวก semi conductor ด้วยนะครับ
…จากการให้สัมภาษณ์ กับสื่อต่างประเทศหลายๆเจ้า พอสรุปใจความได้ว่า เทรนด์ของเทคโนโลยีในปีนี้ คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของ USB 3.0 รวมไปถึง Gadget น่าสนุกๆ อย่างพวก Power bank ที่จะเป็นแบตเตอร์รี่ไว้ประจุไฟฉุกเฉินให้กับมือถือ
เมื่อเดินเข้ามาก็ได้รับการต้อนรับจากพนักงานเป็นอย่างดีครับ และก็ได้พบกับการสาธิตเทคโนโลยีใหม่จากทาง Kingmax นั้นก็คือ Nano Dissipation เป็นเทคโนโลยีี่ทำให้การผลิต Memory Module นั้น ลดความร้อนในตัวมันเองได้ ด้วยการเคลือบสารซิลิคอนคอมพาวด์แบบพิเศษ ความละเอียดระดับนาโน ช่วยทำให้การระบาย และกระจายความร้อนออกจากตัวชิปแรมได้เร็วขึ้นนั้นเอง
จะสังเกตครับว่าเมมโมรี 2200 MHZ รุ่นเก่า กับ 2400Mhz รุ่นใหม่ แตกต่างกันนะครับ ตัวเก่ายังไม่ใส่ Nano Dissipation จึงยังคงต้องใช้ Heatsink ส่วนตัวใหม่ ถึงจะความเร็วมากกว่า (2400Mhz) แต่ใช้เทคโนโลยี Nano Dissipation ทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ Heatsink อีกต่อไป ซึ่งในการสาธิตภายในบูตนั้น เทคโนโลยี Nano Dissipation ทำให้ตัวเมมโมรีโมดูลนั้นเย็นกว่าการใช้ฮีทซิงค์ทั่วๆไปถึง 3-4 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว
อย่างต่อมาที่ผมว่ากำลังเป็น Trend ในไต้หวันก็คือที่ชาร์จแบตโทรศัพท์แบบพกพานั้นเองครับ ภายในเป็นแบตเตอร์รี่ขนาดตั้งแต่ 1000Mah ถึงราวๆ 4700Mah ซึ่ง Kingmax ก็ไม่น้อยหน้า ส่งออกมาขาย เป็นเวอร์ชั่นสำหรับไอโฟนและไอพอดทัชขนาด 1000mAh ครับ ซึ่งโดยภาพรวมก็น่าจะสามารถชาร์จได้เพียง 1 ครั้งแค่นั้นครับ
นอกจากนี้ก็ยังมี USB 3.0 แฟลชไดร์ฟ และ External Harddrive
ตรงนี้จากการให้สัมภาษณ์ของคุณ Lawrence นั้นก็ทำให้เราเข้าใจว่าตอนนี้เทคโนโลยีของUSB3.0 ยังไม่สุกงอมดีนักครับ คือตัวแฟลชไดร์ฟนั้นยังคงมีขนาดที่ใหญ่ เพราะชิปควบคุมของ USB 3.0 ในแฟลชไดร์ฟพวกนี้ยังคงต้องใช้แบบสองชิปแยกกันระหว่างตัวคุม Flash memory ที่มีอินเตอร์เฟสอย่างหนึ่ง และต้องมี Bridge แปลงไปเป็น USB 3.0 อีกครั้งหนึ่ง จึงทำให้ขนาดของมันใหญ่กว่าแฟลชไดร์ฟ USB 2.0 ที่เราใช้ๆกันอยู่ แต่สำหรับ Harddrive นั้นเราก็จะเห็นได้ว่าขนาดนั้นไม่หนีกันมากเท่าไหร่ครับ