NVIDIA GeForce RTX 2080 Ti Founders Edition review
Share | Tweet |
สวัสดีครับ เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมาก็เป็นวันที่ทาง NVIDIA ได้ทำการเปิดตัว GPU เจนเนอร์เรชั่นล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า Turing โดยทำการเปิดตัว GPU ตัวท๊อปกับรองท๊อปออกมาสู่ตลาดก่อนคือ RTX 2080 และ RTX 2080 Ti และวันนี้เราได้ตัว Founder Edition มาจาก NVIDIA เพื่อมาทำการรีวิวในแบบของ VMODTECH เหมือนเช่นเคยครับ เราค่อยๆมาทำความรู้จักกับ NVIDIA GeForce RTX 2080 Ti Founder Edition กันเลย
.
Turing นั้นเป็นสถาปัตยกรรมแรกที่ผนวกเอาเทคโนโลยี AI (artificial Intelligence) และ Real time ray tracing เข้ามาประมวลผลในเกมส์ สถาปัตยกรรม Turing นั้นได้รวมเอาชุดคำสั่ง Turing SM ที่พร้อมยกระดับสมรรถนะด้าน Shading ใหม่ๆ
และด้วยเทคโนโลยีด้านสถาปัตยกรรมที่ก้าวล้ำแล้ว การนำเอาเทคโนโลยีในอนาคนมาทำงานเพื่อยกระดับคุณภาพของกราฟฟิกในเกมส์จาก Deep Learning Super-Sampling (DLSS), Ray Tracing ซึ่งในปัจจุบันนี้จะมีเกมส์ที่รองรับการทำงานอยู่พอสมควรซึ่งมันจะยกระดับการเล่นเกมส์ให้สมจริงมากกว่าที่เคยมีมาก่อน
ตารางเปรียบเทียบความสามารถด้านสถาปัตยกรรมของ GTX 1080 Ti และ RTX 2080 Ti
..
Package Appearance
NVIDIA GeForce RTX 2080 Ti Founder Edition นั้นมาพร้อมกับแพกเกจที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษที่ไม่เหมือนใคร และแน่นอนครับว่าสำหรับผมแล้วแพกเกจแบบนี้นั้นดูขลังมาก
ภายในกล่องจะมีของแถมเป็นเอกสารแนะนำ คู่มือการใช้งานเบื้องต้นและหัวแปลงสัญญาณจาก DisplayPort เป็น DVI มาให้ด้วยสำหรับใครที่จอไม่มีพอร์ท DisplayPort ครับ
หน้าตาของ NVIDIA GeForce RTX 2080 Ti Founder Edition นั้นจะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ออกจะแตกต่างจาก Ref Card รุ่นเก่าๆอยู่พอสมควรครับ ด้วยตัวฝาครอบของชุดระบายความร้อนนั้นจะเป็นโลหะขึ้นรูปสวยงามและมันดูแข็งแรงมากๆ พัดลมคู่ช่วยระบายความร้อนที่ถูกดึงขึ้นมาโดยฟินที่มีขนาดเกือบๆจะเต็มพื้นที่ของบอร์ดเลยทีเดียว
จะสังเกตุได้จากมุมนี้ครับว่าตัวฝาครอบนั้นได้ถูกออกแบบมาใหม่ด้วยการใช้โลหะพับขึ้นรูปมา จับด้วยมือนี่จะรู้เลยครับว่ามันมีน้ำหนักต่างจากที่เคยได้จับจากรุ่นอื่นๆ
สันการ์ดนั้นจะมีโลโก้ GeForce RTX ด้านบน ซึ่งเมื่อเสียบใช้งานแล้วจะมีไฟเรืองแสงขึ้นมาด้วย การต้องการไฟนั้น การ์ดนี้ต้องการขั้วต่อแบบ PCIe 8 พินจำนวนสองหัวนะครับ
ในมุมนี้จะเห็นถึงความหนาของตัวการ์ดที่รวมชุดระบายความร้อนที่หนาสองสล๊อดเท่านั้น
พร้อมกับช่องเสียบเชื่อมต่อ SLI แบบใหม่ที่ชื่อว่า NVLink
พอร์ทการเชื่อมต่อด้านหลังนั้นจะประกอบไปด้วย DisplayPort 1.4a x 3 ที่สามารถแสดงผลความละเอียดได้สูงสุดที่ 8K 60 Hz จากสายเส้นเดียว (DSC 1.2), HDMI 2.0b หนึ่งช่องที่รองรับ HDCP 2.2, และ VirtualLink (USB Type-C™) สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ VR และยังสามารถเสียบบรรดา USB Flash Drive ได้เหมือนพอร์ทบนบอร์ดเลยครับ
Back Plate ที่สวยงามและแข็งแรงดีทีเดียวครับมันจะช่วยให้การ์ดไม่แอ่นเมื่อเสียบใช้งานในเคส