Acer Aspire 4740G

…สวัสดีครับ สำหรับวันนี้ก็กลับมาพบกันอีกครั้งกับโน๊ตบุ๊ก ที่เรียกได้ว่าช่วงนี้ก็ได้มีการทยอยลงสู่ตลาดกันอย่างต่อเนื่องกับซีพียู Core i5 และ i3 สำหรับในวันนีก็ยังคงไม่มีอะไรมากนักครับนอกจากโน๊ตบุ๊กที่ใช้ CPU Core i5 เช่นเดียวกับที่ผมเคยได้ทำการรีวิวไปในบทความก่อนๆ ถึงสองบทความ และเชื่อไหมครับท่านผู้อ่าน ทั้งสองเครื่องนั้นน่ะ ดันใช้ซีพียู รุ่นเดียวกัน เป๊ะๆเลยครับ นั้นก็คือ Core i5 520 และยังไม่วาย เป็นกราฟฟิคการ์ด รุ่นเดียวกันอีกเครื่องหนึ่ง นั้นก็คือ Geforce G310 ส่วนอีกเครื่องหนึ่งนั้นมาแรงหน่อยเป็น GT330 และสำหรับวันนี้ ก็คงจะเป็นอีกคิวหนึ่ง สำหรับเอเซอร์ โน๊ตบุ๊กที่ดูเหมือนว่าจะเป็นแบรนด์ที่ติดตลาด ติดหูคนไทยมาเป็นเวลานานนั้นเอง

Processor	Intel Core i5 M520
Chipset	Intel HM55
Memory	4GB DDR3-1066Mhz
Graphics Adapter	NVIDIA Geforce G310M
Display	14″ (1366*768)
Harddisk	WD 640gb SATA2
Optical Drive	Combo Blu-Ray + DVD-RW
Network	Atheros (IEEE802.11 N & B/G)
Connection Port	cardreader, USBx3, VGA, HDMI, RJ45
Battery	4400mah
Weight	2.3kg
OS	Windows 7 Home Premium

….คงไม่ต้องว่าอะไรกันมาก เพราะเสป็คและอุปกรณ์ติดเครื่องที่ให้มา ก็เรียกได้ว่าครบครันตามสไตล์ เครื่องเมนสตรีมจากค่ายนี้กันอยู่แล้วครับ ที่น่าสนใจก็คงจะเป็นไดร์ฟ Bluray Combo ที่น้อยเครื่องในตลาดตอนนี้ครับที่จะติดมาให้

บอดี้ของ Aspire 4740 นั้นก็ยังคงเป็นไปในรูปแบบเดิมๆของตระกูล Aspire ยุคหลังจาก Gems Stone ของ Acer ที่มีการปรับปรุงดีไซน์กันมาเรื่อยๆจนเป็นหน้าตาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

ตัวเครื่องไม่ได้มีความหนามากจนทำให้ลำบากต่อการพกพา แต่อย่างไรก็ดี กรอบสีน้ำเงินเข้มที่มีความเงาพอสมควร อาจจะรบกวนสภาพจิตใจของผู้เขียนและอีกหลายท่านที่ไม่ชอบบอดี้เงาๆแบบผู้เขียนก็ได้นะครับ

ลำโพงติดตัวมาให้รองรับ Virtual Surroud ใช้งานดูหนังฟังเพลงได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวครับ เสียงทีได้ก็ดีกว่าลำโพงโน๊ตบุ๊กธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้ติดโลโก้ Dolby ครับ แต่อย่าคาดหวังว่าคุณภาพจะเทียบเคียงพวก harman/kardon นะครับ ส่วนตัวฟังๆแล้วยังรู้สึกว่าห่างชั้นกันไกลครับ

ภายใน ผิวมีลักษณะเรียบด้าน ไม่เงาเหมือนกรอบนอกครับ

ปุ่มเปิดปิด และไฟสถานะ

สวิชควบคุมเครื่อง เช่นสวิชเปิดปิดระบบไวเรส หรือควบคุมโวลุม ก็อยู่ในตำแหน่งที่กดได้ง่ายดีครับ

คีย์บอร์ดเป็นแบบเซาะร่อง แบบที่เราจะสามารถเห็นได้ในเครื่อง Aspire แทบทุกรุ่น รวมไปถึง Aspire Timeline ก็ยังให้คีย์บอร์ดแบบนี้มาครับ การใช้งานก็ใช้ได้ถนัดมือดี ไม่มีจุดไหนที่ควรปรับปรุงแต่อย่างใด

ทัชแพดแบบ Multi Gesture รองรับฟีเจอร์ Multi touch เต็มรูปแบบ ใช้งานได้ค่อนข้างดีครับ แม่นยำกว่าทัชแพดมัลติทัชของหลายๆค่ายด้วยซ้ำไป ตัวทัชแพดสามารถเปิดปิดได้ ด้วยปุ่มด้านข้างบนขวามือ และมีอุปกรณืแสกนลายนิ้วมือเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลในเครื่องด้วยครับ

ไดร์ฟบลู เรย์ อยู่ทางด้านขวามือพร้อมกับยูเอสบีและ RJ45 สำหรับสายแลน

ด้านซ้าย มือจะเป็นตำดแหน่งของพอร์ตแทบจะทุกอย่างในเครืองนี้ตั้งแต่ สายแลน RJ45 หัวต่อ VGA USB HDMI รวมไปถึง Cardreader ด้วย

ด้านใต้เครื่องนั้นฝาส่วนใหญ่สามารถเปิดออกมาได้ครับ แต่ก็จะติดสติกเกอร์รับประกันของทางเอเซอร์ไว้เรียบร้อย

รูระบายอากาศรุ่นนี้ จะอยู่ด้านหลังเครื่องนะครับ

แบตเตอร์รี่ขนาด 4400 มิลลิแอมป์ ขนาดแบบนี้ผมขอเรียกว่า ขนาดตลาด ก็แล้วกันนะครับ เพราะส่วนใหญ่โน๊ตบุ๊กเมนสตรีมก็จะให้มาเป็นขนาดนี้แหละครับ

2.3 กิโลกรัมเศษ รวมแบตเตอร์รี่แล้ว

2.85 กิโลกรัม รวมสาย AC adapter

จอแบบ LED Backlit สีสันใช้ได้เลยทีเดียวครับ

มุมก้มกับเงย ก็ทำได้พอประมาณไม่ได้ดีจนน่าตกใจ และมุมด้านข้างนั้นก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดีครับ

————————————————–

Performance

- รายละเอียดจาก CPUZ

ซีพียู Core i5 ใหม่นี้ รองรับเทคโนโลยี Turbo boost เช่นเดียวกับรุ่นพี่อย่าง Core i7 ครับ โดย Turbo boost จะทำการเร่งความเร็วซีพียู เมื่อมันตรวจพบว่ามีการทำงานในแบบ Single Thread (ทำงานแค่หนึ่งคอร์) โดยในรุ่น 520 นี้สามารถทำการเร่งความเร็วไปได้สูงสุดถึง 2.93Ghz ครับ

- Super PI 1m

คำณวนค่า พาย (PI) ขนาดทศนิยม 1 ล้านตำแหน่งด้วยโปรแกรม Super PI ซึ่งเป็นโปรแกรมแบบ Single Thread (ไม่รองรับมัลติคอร์) ดังนั้นโปรแกรมนี้ก็จะได้รับอานิสงส์จาก Turbo boost ไปเต็มๆครับ ด้วยความเร็ว 2.93 GHZ ก็สามารถทำเวลาออกมาได้ 16.115 วินาที ซึ่งเวลา ก็เหมือนกับโน๊ตบุ๊กเครื่องที่ผมเคยเทสมาก่อนหน้านี้อย่างพวก VAIO CW หรือ Toshiba M500 (Core i5) ที่ใช้ซีพียูรุ่นเดียวกันนี่แหละครับ

ยกกราฟเก่ากันมาจากบทความ VAIO CW มาให้ได้เห็นภาพกันนะครับว่าเร็วกว่า Core 2 เดิมแค่ไหน

Win RAR Benchmark

อันนี้ก็ทำความเร็วได้เท่าๆเดิมเลยครับ ไม่ได้ต่างอะไรจากผองเพื่อน Core i5 อื่นๆ

- Cinebench R10

กราฟเก่าเอามาลองเทียบคะแนนนะครับ ผลการทดสอบนั้นก็เป็นในแนวทางที่น่าพอใจ ตรงนี้น่าจะพอให้เห็นภาพได้ครับว่า ซีพียูระดับนี้ เมื่อเปิดใช้่งาน Turbo boost แล้วเรนเดอร์แบบ ซีพียูหัวเดี่ยวนั้น สามารถทำคะแนนออกมาได้สูสีกับซีพียูระดับท๊อปๆตัวเก่าอย่าง T9600 ที่มีความเร็วและ L2 แคชที่ค่อนข้างมากอยู่เลยทีเดียว

Batterry Eater (100-5) ทดสอบในโหมดประหยัดพลังงาน (มีการจำกัดตัวคูณความเร็วซีพียู)

http://vmodtech.com/main/wp-content/uploads/northbridge/acer_4740/b/28_2_2010_1/Report.html

111 นาที หรือประมาณ เกือบสองชั่วโมง การทดสอบนี้ Turbo boost ไม่ทำงาน ตัวคูณซีพียู จะถูกลิมิตไว้ที่ค่าต่ำสุดอยู่ตลอดเวลาครับ

Sisoft Sandra

Devil May Cry 4

คะแนนนั้น ก็เป็นไปตามโผเก่าครับ Rank D เช่นเคยกับ Core i5 + G310

Crysis

มากันตามโผ กับเฟรมเฉลี่ย 13fps  ต่ำสุด 3.91fps  สูงสุด 17.63fps และเมือดูกราฟแล้วก็จะร้องอ๋ออีกต่อครับ เพราะมันเกือบจะลอกโผของ Toshiba M500 มาเลยทีเดียว ซึ่งตรงนี้น่าจะตัดสินได้ครับว่า เกมน่ะ เล่นได้ แค่พอเปิดได้ แต่ไม่ถึงกับเล่นได้ถึงลูกถึงคนเท่าไหร่นัก กับกราฟฟิคระดับเริ่มต้นอย่าง G310

PCmark 05

และ PCmark 05 ผมก็ขอเอากราฟเก่ามาเทียบให้ดูนะครับ ดูๆแล้วการ์ดจอนั้นแทบจะไม่ค่อยมีผลเลยกับเจ้า Benchmark ตัวนี้ ซึ่งก็มากันตามโผ อีกเช่นเคย …

3Dmark06

กราฟฟิค G310 นั้นดูเหมือนว่าจะเป็นตัวรั้งคะแนนของน้อง Core i5 Mobile ใหม่นี้จริงๆครับ คะแนนออกมายังไม่แตะ 4 พันเสียที

…จบกันไปอีกหนึ่งบทความครับ กับโน๊ตบุ๊กพิมพ์นิยมอย่าง เอเซอร์ ด้วยราคาที่เคาะมาที่ประมาณ 37xxx.- กับเสป็คก็ออกมาในลักษณะที่ค่อนข้างจะเอาใจคนที่ต้องการคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอรรถประโยชน์ได้เต็มที่ ทั้งซีพียูที่ค่อนข้างแรง รวมไปถึงกราฟฟิคการ์ดที่พอที่จะรองรับงาน Entertainment เบาๆได้อย่างไม่มีสะดุด จุดเด่นที่สำคัญจริงๆ ก็คงจะเป็นความที่เป็นโน๊ตบุ๊กระดับ Mainstreme หนึ่งในไม่กี่รุ่น ที่ใจปล้ำ ให้ไดร์ฟ Bluray มานั้นเองครับ ตัวบอดี้ ที่ซึ่งต้องชื่นชมว่า เอเซอร์นั้นก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาตามลำดับ ถึงจะไม่ได้อยู่ในระดับที่เรียกว่า บอดี้แข็งแรงแน่นปึ้ก แต่บอกได้เลยครับว่าในรุ่นนี้ สร้างความมั่นใจได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียวล่ะ ไม่ต้องกลัวเรื่องบานพับหลวม แตก หรือเครื่องร้อนกันอีกต่อไปแล้ว

…สำหรับข้อเสียนั้นผมเองก็นึกไม่ค่อยจะออกแล้วครับ แต่ถ้าจะให้ขุดหรือยัดเยียดข้อกล่าวหากันจริงๆ ก็คงจะเป็นเรื่องของบอดี้ที่ดูแล้วมันออกจะเงาๆ ดูแลรักษายาก เพราะมันเป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย แต่ผมว่าหลายคนที่ชอบ ก็มีเยอะแยะไปนะครับ กับอีกเรื่องหนึ่งคือ ดีไซน์ ที่ไปไหนใครก็รู้ว่า เนี่ย Aspire แน่ๆ เพราะเป็นดีไซน์ที่ถูกปรับปรุงมาเพียงเล็กน้อยจากรุ่นเก่าก่อน หลังจากมีการปฏิวัติดีไซน์ของเอเซอร์ในสมัย Gems Stone กันมานั้นเองครับ

.

ขอขอบคุณ

Acer Thailand

ร่วมแสดงความคิดเห็นหรือวิจารณ์ Click!!!