Review : Asus Eee Pad memo ME171
Share | Tweet |
…วันนี้ ก็กลับมาพบกับรีวิวของ Asus Eee Pad Memo แท็บเล็ต 7 นิ้วพร้อมปากกา stylus ที่มีความสามารถในการใช้งานโทรเข้าโทรออกได้ มาให้ได้ชมกันนะครับ ซึ่งถ้าให้เรานึกถึงแท็บเล็ตในปัจจุบันนี้ที่มีหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ก็เรียกได้ว่าคงจะมีอยู่ไม่กี่เจ้า ส่วนใหญ่เรามักจะเห็นขนาดเท่าๆกับไอแพด นั่้นก็คือ 10 นิ้ว โดยที่ใครหลายๆคนที่เคยใช้เครื่อง 7 นิ้ว ก็จะเข้าใจได้เลยครับว่ามันสามารถนำเอามาใช้งานพกพาได้สะดวกกว่าเครื่อง 10 นิ้วมากๆ และยังเล็กพอที่จะเก็บเอาไว้ใส่กระเป๋ากางเกงกับตัว (หากคุณเป็นคนที่ชอบใส่กางเกงสแล็คทรงอนุรักษ์นิยม และมีรูปร่างค่อนข้างใหญ่) หรือจะเอาไว้ใช้ยกมาเหมือนเป็นสมุดโน๊ตอันหนึ่งก็ถือว่าสะดวกกว่าเครื่อง 10 นิ้วมากนักครับ
…Eee Pad Memo ME171 หน้าจอทัชสกรีนคาปาซิทีปขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด 1280×800 พิกเซล พาแนลหน้าจอแบบ Super IPS+ ซึ่งทำให้มีมุมมองรับภาพที่กว้างถึง 178 องศา และมีความเที่ยงตรงของสีค่อนข้างสูงตามสไตล์พาแนลจอแบบ IPS อย่างทีผมเคยอธิบายไปแล้วหลายๆรอบในรีวิวจอภาพ IPS ในเว็บเรานี้เอง ส่วนขุมพลังนั้นก็จะเป็นซีพียู Dualcore จากค่าย Qualcomm (ตระกูล Snapdragon) ความเร็ว 1.2GHz และมีสลอตสำหรับใส่ซิมการ์ดสำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เนท 3G และการโทรเข้าโทรออก
…บอดี้โดยภาพรวมด้านหน้านี้ก็มีลักษณะเรียบง่ายและผิวเงาวาว ทำให้เป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายพอสมควร มีการแทรกทริมลายโครเมียมมาให้เห็นบ้างประปราย ไม่มากจนเกินไป ทำให้ดูดีพอสมควรครับ
ส่วนด้านหลังนี้เป็นลักษณะคล้ายฝาครอบ (ที่ถอดออกไม่ได้) เป็นพื้นผิวคล้ายๆยางสังเคราะห์ ทำให้เกิดความรู้สึกหนืดๆมืออยู่พอสมควร ซึ่งจากการสังเกตก็พบว่าไม่น่าจะลอกจากการขีดข่วนได้ง่ายๆครับ
…ขนาดนั้นใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปพอสมควร ในภาพนั้นเป็น Motorola Milestone 2 ของผมที่ใช้งานอยู่เอามาเทียบกัน แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่าถ้ามีกระเป๋าใส่ของจุกจิก (โดยเฉพาะคุณผู้หญิง) น่าจะพกแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้วแบบนี้ไปใช้งานได้สบายๆ
…ส่วนตัวบนสุดนี้คือ MeMic อุปกรณ์ Bluetooth ที่ติดมากับ Eee Pad Memo ME171 ตัวนี้ ซึ่งมันจะสามารถใช้งานให้เป็นรีโมตมัลติมีเดีย (สั่งเล่นเพลงเล่นหนัง) หรือจะเปิดดูสมุดโทรศัพท์ และโทรเข้าโทรออก (ใช้แนบหูเหมือนโทรศัพท์) หรือจะใช้เสียบชุดสมอลทอล์คคุยโทรศัพท์โดยที่ตัว Eee Pad จะตั้งอยู่บนโต๊ะเฉยๆก็ได้ครับ ซึ่งสำหรับรายละเอียดนั้นเดียวเราจะมาดูกันอีกทีในส่วนของรีวิวการใช้งานในหน้าถัดๆไปครับ
…กรอบเครื่องด้านล่างนี้ก็มีการแซมลายโครเมียมมาให้ แต่ส่วน shell เครื่องส่วนใหญ่นั้นยังคงทำมาจากพลาสติกสีดำเงาวาว ซึ่งตรงนี้จะพบว่ามีพอร์ตเชื่อมต่อสำหรับ Micro USB ซึ่งเป็นที่หน้าแปลกครับว่าคราวนี้ Asus ไม่ได้ใช้ช่องเชื่อมต่อ USB แบบที่เป็นรูปแบบของตัวเอง อย่างที่เราจะพบได้ใน Eee Pad ที่มีขนาดเครื่องใหญ่กว่านี้ ส่วนอีกพอร์ตหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆกันนั้นคือ MicroHDMI สำหรับต่อสัญญาณภาพและเสียงออกหน้าจอ LCD TV หรือจอคอมด้วยสายแปลงอีกต่อหนึ่งครับ ส่วนช่องแจ็ค 3.5mm นี้ก็มีไว้สำหรับเสียบชุดเฮดโฟนครับ
ช่องสำหรับ MicroSD และซิมการ์ด ก็จะอยู่ข้างๆกันตรงนี้
…ซิมการ์ดนั้นจะมีฝาปิด และการใส่ก็ลักษณะเดียวกับ SD Card คือกดแล้วจะมีเสียงล็อคดังคลิก ในการทดสอบนี้ผมได้ทดลองใช้งานกับซิมการ์ด TOT 3G ซึ่งเป็น 3G ในย่านความถี่ 2100MHz จะสามารถใช้ได้กับสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต ทุกรุ่นในโลกที่เป็น 3G อยู่แล้วสำหรับย่านนี้ แต่สำหรับ 3G ของ DTAC(850) AIS(900) และ TrueMoveH(850) ตรงนี้ควรจะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมกันด้วยนะครับว่ารองรับหรือไม่ เพราะผมเองพยายามหาข้อมูลสเป็คเรื่องของ Cellular แล้วก็ไม่พบว่าเจ้า Eee Pad Memo นั้นสนับสนุน 3G คลื่นย่านไหนบ้าง แต่ในส่วนของ GSM 2G นั้นเข้าใจว่าน่าจะใช้งานได้ทุกค่ายอยู่แล้วครับ
ปุ่มโวลุ่มอยู่ด้านข้างตัวเครื่อง แบบเดียวกับโทรศัพท์มือถือทั่วๆไป
ด้านบนก็จะเป็นปุ่มเพาเวอร์
ปากกาสไตล์ลัสถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในแนวนอนของตัวเครื่อง ซึ่งบางคนเขาก็บอกว่า มันสะดวกกว่าการเก็บไว้ในแนวตั้งแบบแท็บเบล็ตคู่แข่งบางยี่ห้อ อันนี้ก็แล้วแต่จะชอบพอใจกันน่ะครับ
ตัวปากกา skylus ดูดีไม่เบาเลยทีเดียวครับ ผมเองเคยใช้ pocket pc ของ Asus อยู่ ปากกา asus สมัยนั้น เทียบไม่ได้เลยจริงๆกับเจ้า Eee Pad Memo ตัวนี้
ปากกาสไตลลัสแบบนี้มีไว้สำหรับใช้งานกับจอแบบคาปาซิทีฟเท่านั้นนะครับ เนื่องจากเป็นหัวแบบลูกยางกลม ทำให้ความแม่นยำไม่ดีเท่าที่ควร นอกจากนี้ยังทำให้การลากเคลื่อนไปมาเพื่อลากเป็นตัวอักษร ทำได้ไม่ลื่นไหลเท่าที่ควรอีกต่างหาก (จินตนาการเอายางไปถูกับพื้นกระจก มันก็จะหนืดๆแหละครับ)
สมอลทอล์คที่แถมมาให้เป็นหูฟังแบบ In-Ear พร้อมกับไมโครโฟนในตัว (แยกร่างไม่ได้) ซึ่งขัดใจผมพอสมควร ผมคิดว่าโทรศัพท์ หรืออุปกรณ์ใดๆก็ดีที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อเน้นการฟังเพลง น่าจะแถมหูฟังแบบยัดหูธรรมดาๆน่าจะใช้งานได้สะดวกมากกว่าแบบ In-Ear แบบนี้ครับ
ส่วนของสาย USB และอะแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟ ก็ยังคงมีดีไซน์มาแบบเดิมๆที่เราจะเคยเห็นกันใน Tablet ค่ายนี้ครับ
…ด้วยความตื่นเต้นของผมตอนแกะกล่อง สารภาพเลยครับว่าตื่นเต้นกับดีไซน์และความน่ารักของเจ้า Bluetooth ที่มีชื่อว่า “MeMic” ตัวนี้มาก ก็ไม่รีรอ เปิดมันขึ้นมาใช้งานเลย ก็พบว่าหน้าจอขาวดำแบบโปร่งแสงนี้ สามารถใช้งานมองตัวอักษรและภาพบนจอได้ค่อนข้างลำบากเสียนิด (แต่เท่ห์ไม่เบา) เมนูก็ง่ายๆไม่ซับซ้อน หลังจากที่ทำการ pair กับ Eee Pad Memo ของเราเรียบร้อยแล้วก็จะปรากฏเมนูให้เลือกว่าจะใช้งานฟีเจอร์อะไร ไล่ตั้งแต่โทรศัพท์ ตัวอ่านข้อความ sms เพลง ปฏิทิน หรือจะปรับตั้งค่าคอนทราส และสุดท้ายล่างซ้ายมือคือฟีเจอร์สำหรับเรียกหาตัว Eee Pad (กรณีลืมว่าวางเครื่องไว้ที่ไหน)
ตอนแรกก็สงสัยว่าไอคอนรูปแว่นขยายไว้ทำอะไร พอกดก็ตกกระใจ ว่าทำไมตัว Eee Pad ร้องเสียงดัง สรุปคือมันเป็นฟีเจอร์ไว้สำหรับกดเรียกเครื่อง กรณีที่เราวางลืมเครื่องไว้แล้วจำไม่ได้นั้นเองครับ
การโทรเข้าโทรออก สามารถเรียกเบอร์จาก History หรือสมุดโทรศัพท์ (Contact) ในตัวเครื่องได้ สังเกตว่าปุ่มควบคุมนั้นจะมีปุ่มรับสาย วางสาย และ back ตลอดจนปุ่ม 5 ทิศทาง
…ซึ่งทำให้การใช้งานเป็นโทรศัพท์นั้นหากจะกด keypad ก็ค่อนข้างลำบากครับ ต้องเรียก keypad บนจอขึ้นมาแล้วใช้ลูกศรเลื่อนๆเคอร์เซอร์เอา แต่ต้องยอมรับเลยว่า MeMic ทำให้การใช้แท็บเล็ตเป็นโทรศัพท์ ทำได้สะดวกและง่ายขึ้นกว่าการยกแท็บเล็ตขึ้นมาแล้วเสียบชุดสมอลทอล์คใช้คุย (หรือจะคุยผ่าน loud speaker) แบบที่เราคุ้นเคยกันใน Galaxy Tab ตัว 7 นิ้วเลยทีเดียว
ตัวเครื่อง ME171 นั้นเป็น Android 3.2.1 ซึ่ง Asus เคลมว่าสามารถอัพเกรดเป็น 4.0 ได้ในอนาคตครับ
…มาดูหน้า Home ก็น่าจะคุ้นเคยกันดีครับตั้งแต่สมัย Android 3.0 ที่สามารถใช้งานกับแท็บเล็ตที่ไม่มีปุ่ม home ที่เป็น hardware button ภายนอกได้ ซึ่งจากการทดลองใช้งานในส่วนของอินเตอร์เฟส ก็พบว่าความลื่นไหลนั้นยังทำได้ไม่ค่อยดีนักครับ ผมเข้าใจว่าที่ช้า น่าจะเกิดจากความช้าของหน่วยประมวลผลกราฟฟิคในชิป Qualcomm นั้นแหละครับที่เป็นปัญหา แต่การใช้งานโดยทั่วไปก็ยังถือได้ว่าพอใช้งานได้ในระดับที่รับได้ไม่น่าเกลียดมากนัก
ส่วนของ alert ต่างๆก็ยังคงลักษณะของแอนดรอยพื้นฐานไว้อย่างครบถ้วน
การเปิด/ปิด ระบบไร้สาย หรือการตั้งค่าที่จำเป็นต่างๆ ก็ถูกรวมเอาไว้ในบริเวณของ alert ตรงนี้แล้วเช่นกัน ซึ่งก็ทำให้เราไม่ต้องไปหา widget ที่ไหนมาวางไว้บนหน้า home เพื่อใช้เปิดปิดระบบพวกนี้ให้รกหูรกตากันอีกต่อไป
ส่วนหน้าจอแสดงแอพทั้งหมดก็ยังคงเป็นรูปแบบของไอคอน
โปรแกรมที่แถมมาให้ที่น่าสนใจโปรแกรมหนึ่ง จอกจาก Amazon Kindle แล้ว ก็คงจะเป็น Buddy Buzz ที่จะเป็นโปรแกรมรวมเอา feed ข่าวจาก social network หลายๆตัวที่เราใช้งานมาไว้ด้วยกันครับ
และเมื่อลาก Buddy Buzz มาเป็น widget บนหน้า home ก็พบว่าสะดวกในการใช้งานมาก ทำให้ไม่ต้องเปิดแอพอย่าง facebook หรือ twitter ขึ้นมาให้เสียเวลาเลยครับ
…กลับมาพูดถึงฮาร์ดแวร์อีกเล็กน้อยก่อนที่จะไปดูผลการทดสอบครับ รายละเอียดจากโปรแกรมแสดงให้เห็นว่า Eee Pad Memo 171 ใช้ซีพียูที่เป็น System On Chip จาก Qualcomm มีแกนประมวลผลแบบ ARMv7 ดูอัลคอร์พร้อมกับตัวประมวลผลกราฟฟิค (GPU) รุ่น Adreno 220
…ซึ่งจากส่วนของบททดลองใช้งานเบื้องต้นก็พบว่าประสิทธิภาพในการแสดงผลอินเตอร์เฟสนั้นไม่ค่อยลื่นไหลเสียเท่าไร สาเหตุหนึ่งผมคิดว่าคงเกิดจากหน้าจอที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และจำนวนพิกเซลค่อนข้างมากของ Eee Pad memo เครื่องนี้ด้วยครับ เพราะปกติแล้ว GPU ในรุ่น Adreno เราก็มักจะพบได้ในโทรศัพท์สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ทั่วๆไป ซึ่งผมเคยทดลองใช้งานดู ก็พบว่ามันไม่หนืดและกระตุกแบบที่พบได้ใน Eee Pad Memo เครื่องนี้เลย
คะแนนที่ทำออกมาก็จัดอยู่ในระดับกลางๆครับ
รูปร่างหน้าตาเมนูสำหรับการใช้งานโทรเข้าโทรออกในตัว Tablet
ผมทดลองแคปหน้าจอขณะใช้ Twitter และ Facebook มาให้ดูพอเห็นภาพครับว่าหน้าจอหากตั้งเป็นแนวตั้ง จะสามารถใช้งานได้ขนาดไหน ก็จะเห็นได้ว่า ไม่จำเป็นต้องขยายเลย ตัวหนังสือใหญ่ชัดเจนและกว้างคล้ายกับใช้งานบนเครื่องพีซีเลยทีเดียว
สำหรับหน้าเว็บก็สามารถใช้งานแบบแนวตั้งในการอ่านข้อความแบบสแกนๆได้สบายๆ
การเล่นเกม หากเป็นเกมที่เป็นสำหรับโทรศัพท์มือถือ สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลพอสมควรครับ แต่ถ้าเป็นแบบ HD ก็อาจจะมีหนืดๆให้ได้เห็นกันบ้าง
โปรแกรมสำหรับจดโน๊ต ก็สามารถจับน้ำหนักของการกดปากกาสไลลัสได้พอสมควร แต่ยังไม่ลื่นไหลเท่าไหร่ครับ
กล้องด้านหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ผมทดลองถ่ายรูปมาสองรูป ให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณากัน
.
.
…นับได้ว่าเป็นแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้วที่มีฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากมายหลายอย่าง เช่น MeMic หรือแม้กระทั่งปากกาสไลลัสที่แถมมาให้ ที่ผมคิดว่าหลายๆคนน่าจะได้ใช้ประโยชน์จากมัน ด้วยความที่ในตลาดนั้นมีตัวเลือกแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้ว ไม่มากเท่าแบบ 10 นิ้ว ทำให้ Eee Pad Memo ME171 นั้นดูโดดเด่นขึ้นมาในตลาดพอสมควรครับ ซึ่งผมคิดว่ามันค่อนข้างชัดเจนที่เครื่องขนาด 7 นิ้ว จะเป็นเสมือนไฮบริดกันระหว่างโทรศัพท์ กับแท็บเล็ต ใครที่ชอบการใช้งานแบบนี้ (โทรศัพท์ + แท็บ) โดยเฉพาะคนที่อาจจะเน้นการใช้งานในเชิงโทรศัพท์ MeMic ก็น่าจะมีประโยชน์มากสำหรับท่าน นอกจากนี้หน้าจอแบบ Super IPS+ ก็เรียกได้ว่ามีความสว่าง คมชัด ตลอดจนความสวยงามของสีที่แสดงออกมา ดีมากเลยทีเดียว ซึ่งผมคิดว่าเป็นขุดขายของ Eee Pad ในแทบทุกรุ่นที่เป็นจอ IPS อยู่แล้ว
…ข้อเสียที่ผมพบและอยากจะเตือนไว้ก่อนก็คือปากกลสไตลลัสนั้นมีประโยชน์มากมายก็จริง แต่มันยังทำหน้าที่ที่มันควรจะเป็นได้ไม่ดีเท่าที่ควร คือการใช้เขียนหนังสือ จากการทดลองเขียนโน๊ตอยู่สามสี่แผ่น ผมค้นพบว่าใช้นิ้วรูดเอา สะดวกกว่าการใช้ปากกาปลายที่เป็นลูกยางแบบใน Eee Pad memo เครื่องนี้ เพราะมันหนืดมากจริงๆครับ และความแม่นยำก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องควรปรับปรุงด้วย และนอกจากนี้ก็อาจจะมีเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างความลื่นไหลของอินเตอร์เฟสที่มันสู้รุ่นพี่ในตระกูล Eee Pad ที่ออกมาก่อนหน้านี้แล้วแทบไม่ได้เลยครับ
.
.
ขอขอบคุณ Asus
…ถึงแม้ว่า Asus Eee Pad Memo ME171 นั้นจะมีจุดบกพร่องอยู่บ้างในหลายๆจุดที่ได้กล่าวไป แต่ด้วยฟีเจอร์และลูกเล่นที่ผมคิดว่าเป็นความคิดริเริ่มสร้างสรรค์อย่าง MeMic ที่ตอบโจทย์ของผู้ใช้ที่ต้องการเอาเครื่องไปใช้งานเป็นทั้งโทรศัพท์และแท็บเล็ตไปพร้อมๆกันได้อย่างดีเยี่ยม ผมจึงขอมอบรางวัล “BEST INNOVATION” ให้กับ Eee Pad Memo ME171 ไว้ ณ ที่นี้ครับ