Review : Asus Eee Pad Transformer Prime
Share | Tweet |
…Asus Eee Pad Transformer Prime นั้นเรียกได้ว่าเป็นแทบเบล็ตรุ่นที่สองต่อจาก Transformer ในเจเนอร์เรชั่นแรก ที่ชูเอาความเป็นแท็บเบล็ตที่สามารถเสียบแท่น docking แปลงร่างกลายเป็นเน็ทบุคขนาดย่อมๆได้ (น่าจะเป็นที่มาของชื่อ Transformer) ใน Transformer prime นี้นั้นทาง Asus ได้มีการปรับปรุงรายละเอียดในหลายๆจุดมาให้ทรงประสิทธิภาพและทันสมัยมากขึ้น ทั้งในเรื่องของตัวประมวลผลที่อัพเกรดขึ้นมาเป็น Quadcore (NVIDIA TEGRA 3) ในขณะที่ตัวเก่าเป็น Tegra 2 Dualcore และมีดีไซน์ที่ถูกขัดเกลาให้ลงตัวขึ้นอีกด้วยครับ
Appearance
…Transformer Prime นั้นยังคงยืนยันขนาด 10.1 นิ้วเช่นเดียวกับแท็บเบล็ตตามเทรนด์ในหลายๆรุ่นหลายๆค่ายด้วยกันครับ ซึ่งขนาดระดับนี้นั้นก็น่าจะเป็นขนาดที่พอเหมาะพอดีสำหรับการใช้งานเป็นแท็บเบล็ตและเครื่องเน็ทบุคไปในคราวเดียวกัน ตัวหน้าจอนั้นมีความละเอียดผมเข้าใจว่าน่าจะเรียกว่าเกือบๆเข้าใกล้ HD 720P คือที่ความละเอียด 1280×800px ครับ
…ตัวถังโดยภาพรวมนั้นมีการปรับปรุงมาจากรุ่น Transformer รุ่นแรกให้ดีขึ้นมากเลยทีเดียวครับ ทั้งบอดี้ที่ผมสัมผัสได้ว่าเป็นวัสดุโลหะแทบทั้งแท่น ลายเครื่องด้านหลังนี้จากรุ่นแรกที่จะเป็นลายจุดๆ ที่ผมคิดว่าดูไม่ค่อยเข้าท่าเสียเท่าไหร่ เปลี่ยนมาเป็นวัสดุอะลูมิเนียมเก็บงานมาแบบ brushed วนเป็นวงกลมอย่างสวยงาม
…ขนาดนั้นเรียกได้ว่าให้ความรู้สึกเพรียวบางและลงตัวมากขึ้น ความบางอยู่ในระดับ 8.3mm และดีไซน์บริเวณขอบที่มีลักษณะแหลมๆเล็กน้อย ทำให้มันดูสวยงามดี แต่ผมคิดว่าจะทำให้การจับถือในกรณีที่เราไม่ได้ใส่ซองอะไรเอาไว้ ถือได้ลำบาก แบบเดียวกับที่ผมเคยเจอใน ipad นั้นแหละครับ
…หากสังเกตดีดีจะพบว่ากระจกของจอภาพแบบ IPS นี้นั้นก็ยังคงมีความเงาวาวในแบบฉบับจอกระจก ซึ่งกระจกแบบนี้เป็นกระจกแบบ Gorilla Glass ที่มีความแข็งแรงดี จอพาแนลแบบ IPS นั้นมีจุดแข็งในเรื่องของความคมชัด สว่าง ความเที่ยงตรงของสี มากเสียกว่าความสดใสของสีในแบบที่จอประเภทอื่นๆ ซึ่งเท่าที่ผมทดลองใช้งานดูก็พบว่ามันให้รายละเอียดสีสันที่ดูแล้วสบายตา และผมคิดว่า มันสวย ในแบบของมันเลยทีเดียวครับ กรณีเอาเครื่องไปใช้งานกลางแดด จะปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องมีแสงสะท้อนรบกวนจากจอแก้วอยู่มาก แต่ว่าตัวพาแนบ IPS ก็เปล่งแสงสู้แบบไม่ยั้ง ทำให้มันยังสามารถเรียกว่า “พอใช้งานได้” ในสภาวะกลางแจ้ง ถึงจะไม่ดีนัก
…ตัวแท่น docking ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายคีย์บอร์ดของเน็ทบุคทั่วๆไป เพียงแต่ปุ่มบางปุ่มนั้นจะมีการปรับมาให้เหมาะสำหรับเครื่อง android เช่นปุ่ม home หรือฟังก์ชั่นนั้นเองครับ
…ชุด keyboard docking นั้นเรียกได้ว่าสามารถใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาอะไรมากนักครับ เว้นเสียแต่เรื่องของความสมดุลกันระหว่างน้ำหนักของตัวแท็บเบล็ต (จอ) กับตัวคีย์บอร์ด ที่ในหลายๆครั้งจะพบได้ว่าตัวจอมีน้ำหนักมากเกินไปทำให้บานพับเกิดอาการโงนเงนบ้าง รวมไปถึงหากไม่ระวังตัวเครื่องอาจจะพลิกตกไปอีกด้านได้ ซึ่งก็เป็นเหมือนๆเช่นกับใน transformer รุ่นแรกที่ผมเคยเจอมาแล้ว
…การใส่ติดตั้งเข้าไปก็ไม่ยุ่งยากเท่าไรครับ เพียงแค่เสียบลงไปให้เสียงล็อคดัง แก๊ก ก็จะใช้งานได้ทันที ซึ่งในตัว docking นอกจากจะมีคีย์บอร์ดมาให้ใช้งานแล้ว ยังมีชุดแบตเตอร์รี่เสริม ซึ่งหลังจากเสียบ docking เข้าไปแล้วเครื่องจะสนามารถใช้งานต่อเนื่องกันได้ถึง 18 ชั่วโมง เพิ่มจากการใช้งานแบบตัว tablet เดี่ยวๆที่เดิมทีจะใช้ได้แค่ 12 ชั่วโมงครับ