Review : Asus PA259Q ProArt Series
Share | Tweet |
…ทุก วันนี้เราคงจะได้ยินคำว่า จอ IPS จอ IPS LED และ IPS และ IPS อีกมากมายในท้องตลาด ที่มีทั้งราคาหลักพันหาซื้อได้ม่ยาก ไปจนถึงระดับหลักหมื่นบาท ซึ่งจริงๆแล้วจอ IPS ในปัจจุบันนี้นั้นก็มีการออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานหลากหลาย ทั้งจอประเภทที่ไว้สำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่จะเน้นดีไซน์ที่บางและสวยงาม ไปจนถึงจอเกรดโปร (สำหรับผู้ที่ซีเรียสเรื่องคุณภาพการไล่โทนสี และความเที่ยงตรง) อย่างจอในตระกูล ProArt Series จาก Asus โดยในรีวิวนี้จะเป็นรุ่น PA249 ขนาด 24 นิ้ว อัตตราส่วนจอแบบ 16:10 ความละเอียด 1920×1200 และมีฟีเจอร์ต่างๆที่เอื้อต่อการทำงานด้านกราฟฟิค และที่สำคัญ มันเป็นจอที่ถูกคาลิเบรตมาจากโรงงาน ให้มีสีที่เที่ยงตรงใน Adobe RGB color space ถึง 99% และ sRGB ไปจนถึง 100% เลยทีเดียวครับ
ตัว หน้าจอนั้นมีการดีไซน์ที่เรียบง่าย เน้นความเหลี่ยมคม ซึ่งดีไซน์โดยภาพรวมนั้น ออกแบบมาให้เน้นฟังก์ชั่นในการใช้งานได้ในแทบจะทุกๆส่วน พร้อมคาดลายสีแดง ตัวถังจอนั้นเป็นพลาสติกสีดำสากๆ แน่นหนาและสวยงามดี ภายในกล่อง มีสาย DVI, DSUB, USB, Displayport ติดมาให้ครับ
แน่ นอนว่าสำหรับจอเกรดโปรแบบนี้ ขาตั้งจอนั้นก็เป็นฟีเจอร์หนึ่งที่สำคัญในการใช้งาน ในตัว Asus PA249 ตัวนี้นั้นสามารถปรับสูงต่ำ และ Tilt -5 องศาไปจนถึง 20 องศา และหมุนซ้ายขวาได้ด้านละ 60 องศา ตลอดจนสามารถตั้งจอให้เป็นในแนวตั้ง 90 องศา(Portrait view) ได้อีกด้วย
ตัว จอถูกออกแบบมาให้บึกบึนแข็งแรง และมีดีไซน์อย่างที่ได้บอกไปว่าเน้นใช้งาน มีเพาเวอร์ซัพพลายในตัว ตัวขาตั้งนั้นพูดได้เลยว่า แข็งแรงและมีน้ำหนักพอสมควรเลยครับ ผมเองใช้ Dell Ultrasharp อยู่ รู้สึกได้เลยว่าขาตั้งของ Asus นั้นออกจะดูบึกบึนมากกว่า (แต่จากการประมาณการก็คิดว่ามันก็หนักกว่าพอสมควรครับ)
แต่ ขาตั้งนี้นั้นก็มีข้อเสียในเรื่องของการติดตั้งที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก คือถ้าหากต้องการจะถอดขาตั้งเพื่อการขนย้าย ก็ต้องไขน็อตทั้งสี่ตัวเพื่อปลดตัวหน้าจอออกมา และสามารถติดตั้งเป็น VESA Mount ได้ ซึ่งตรงนี้ถ้าเทียบกับ Dell Ultrasharp ที่ผมใช้อยู่ ตรงนี้ Dell จะสะดวกกว่าครับ
การจับ ตัวจอหมุนด้านข้าง และในมุมต่างๆ ผมถ่ายรูปมาไว้ประมาณหนึ่งเพื่อไว้ดูเป็น reference ว่าขาตั้งของ ProArt series ตัวนี้มีความยืดหยุ่นในการจัดวางมากน้อยเพียงใด
นอก จากขาตั้งที่สามารถปรับได้อย่างอิสระแล้ว แต่ละบริเวณที่ตัวจอสามารถปรับหมุนได้ไม่ว่าจะเป็นในด้านแนวนอนและแนวตั้ง บริเวณแกนหมุนก็จะมีสเกลตลอดจน center line ระบุไว้ชัดเจนด้วย ซึ่งก็เป็นลูกเล่นที่แปลกตาดีครับ
ถึง แม้จะเป็นจออัตตราส่วน 16:10 ที่ให้มุมมองรับชมภาพในแนวตั้งที่ดีกว่าจอสำหรับ consumer ทั่วๆไปที่มักจะเป็น 16:9 แล้ว แต่ก็ยังสามารถจัดวางในลักษณะ Portrait ได้อีกด้วย ซึ่งทำให้สามารถมองภาพในแนวตั้งได้อย่างสะดวก หรือจะไว้เปิด news feed ต่างๆได้อย่างสะดวกอีกด้วย
ใน แง่คุณภาพของภาพ เป็นที่รู้กันว่าผมเองก็ไม่ใช่มืออาชีพในด้านงานกราฟฟิคหรือการทดสอบจอ ทำได้เพียงแค่ทดสอบด้วยตาเปล่า ไม่มีเครื่องมือวัดใดๆทั้งสิ้นนะครับ เริ่มจากภาพรวมมุมมองรับภาพตรงๆกันก่อน แสดงให้เห็นว่าพาแนล AH-IPS ที่ใช้แบคไลท์แบบ LED ตัวนี้ ก็ให้แสงสว่างบนตัวจอภาพที่สม่ำเสมอดีในระดับหนึ่ง ส่วนสว่างส่วนใหญ่จะตกไปอยู่ที่บริเวณกลางจอค่อนไปทางด้านบนๆเสียหน่อย หากสังเกตกันดีดี ส่วนขอบจอด้านล่างก็จะมืดกว่าเล็กน้อย ซึ่งก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรนักครับ
ลองหมุนจอสู้แสงจากเพดานดู หน้าจอด้านแบบ hard coat ก็แสดงแสงสะท้อนเล็กน้อยดังภาพที่เห็น โดยรวมก็เรียกว่าน่าประทับใจเลยทีเดียวครับ
ใน เรื่องของมุมมองรับภาพ เรียกได้ว่าพาแนลแบบ IPS ผมไม่เคยมีข้อตะขิดตะขวงใจในเรื่องนี้อยู่แล้ว รวมๆก็คือมันมีมุมมองรับภาพที่กว้างหายห่วง และในการมองจากด้านข้าง แสงไฟแบคไลท์ ก็ยังคงสามารถสว่างสู้แสงรอบๆได้อย่างดีอีกด้วย
ตัว จอนั้นมาพร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อที่จะเป็นประโยชน์บนโต๊ะทำงานของมืออาชีพ หลายๆท่าน อย่าง USB 3.0 hub ที่มีมาให้ถึง 4 ports ด้วยกัน และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
ส่วน Input port ก็มีมาให้ครบครันไม่ว่าจะเป็น DVI, Displayport, DVI, DSUB และ USB hub สำหรับเชื่อมเข้ากับคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ก็ยังมีช่องสำหรับเสียบหูฟัง (ในกรณีที่ใช้สัญญาณ HDMI ที่มีเสียงออกมาด้วย) ติดมาให้อีกด้วย
ตรง นี้เป็นจุดที่ผมชอบมาก คือฟีเจอร์ hard switch สำหรับเพาเวอร์ซัพพลายภายใน เหมาะกับองค์กรที่ซีเรียสเรื่องการประหยัดพลังงานจริงๆครับ !
นอก จากนี้ตัวจอก็ยังมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในเรื่องของสเกลไม้บรรทัดรอบๆขอบจอ ส่วนปุ่มควบคุมสั่งงาน OSD นั้นก็เป็น hard switch ที่สามารถกดได้ง่าย แต่จริงๆน่าจะเอาไปวางไว้ด้านข้าง น่าจะกดง่ายกว่า และมีก้านคันโยกคล้ายๆกับก้านโยกของเครื่อง Thinkpad ไว้สำหรับเลื่อนเมนูอีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมี hot-key ที่สามารถตั้งค่าไว้สำหรับฟังก์ชั่นที่ใช้บ่อยๆได้ถึง 2 ปุ่มด้วยกัน
OSD นั้นจะมี Alignment Grid มาให้เลือกใช้งานหลายรูปแบบครับ ซึ่งตัว grid นี้จะสามารถใช้งานร่วมกับสเกลที่บริเวณขอบจอได้ง่าย และมีรูปแบบให้เลือกใช้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกริดแบบบอกหน่วยความยาวมิลลิเมตร นิ้ว หรืออื่นๆ
ดังรูปนี้เป็นกริดระบุขนาดภาพถ่าย 4×6 และขนาดๆอื่นๆที่นิยมใช้กัน
PIP/PBP Mode เหมือนๆกับที่เราจะพบได้ในจอ HDTV รุ่นใหม่ๆที่สามารถรับอินพุตมาได้จากหลายช่องทาง และสามารถนำเอาอิตพุตหลายๆช่อง มาแสดงผลพร้อมๆกันบนหน้าจอหน้าจอเดียวได้ ดังภาพด้านบนจะเป็นโหมด PIP (Picture in Picture) ที่จะแสดงสัญญาณภาพหลักเป็นภาพหลักด้านหลัง และมีสัญญาณภาพรองเป็นตัวหน้าต่างสีดำ ลอยขึ้นมาด้านหน้า
ส่วนอันนี้จะเป็นโหมด PBP (Picture by Picture) ที่จะแสดงสัญญาณภาพทั้งสองแหล่ง เรียงต่อกัน
Splendid Picture mode ทั้งหลายก็มีให้เลือกกันหลายแบบ โดยใน standard mode นั้นจะมีลักษณะสีที่กระเดียดไปทาง Adobe RGB Mode โดยในโหมด sRGB และ Adobe RGB Mode นั้นจะถูกคาลิเบรคมาจากโรงงาน (ทั้งสี และ Gamma) โดย sRGB ถูกคาลิเบรตมาในระดับที่เคลมว่า 100% และ 99% ในโหมด Adobe RGB
นอกจากนี้ก็ยังสามารถตั้งค่าหลายๆอย่างเองได้ด้วยตนเองดังภาพ
…
…
…เรียก ได้ว่าเป็นจอไซส์ที่น่าจะพอเหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานนั่งโต๊ะที่มีพื้นที่ กลางๆ และมีฟีเจอร์ลูกเล่นต่างๆที่ครบครันดี พอร์ตเชื่อมต่อที่มีประโยชน์ก็ติดมาให้เยอะแยะมากมาย ตลอดจนคุณภาพของภาพก็น่าจะอยู่ในระดับที่ดี มีการคาลิเบรตค่าสีมาจากโรงงาน ซึ่งราคานั้นก็เรียกได้ว่า ห่างไกลจากราคาของจอในระดับ Consumer ทั่วๆไปอยู่พอสมควร ในต่างประเทศนั้นวางขายกันอยู่ที่ราวๆ 15000-17000 บาทเลยทีเดียวครับ แต่สำหรับงานระดับมืออาชีพ ที่คุณภาพจะต้องมาก่อนปัจจัยด้านราคา ก็ไม่น่าจะใช่ปัญหาอะไร สำหรับวันนี้เนื้อหาก็คงจะหมดลงแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ…
,
,