Review : Asus VivoTab RT
Share | Tweet |
…ทุกวันนี้นอกจากแท็บเล็ตจากค่ายแอปเปิลแหว่งอย่าง iPad หรือแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Android ที่กำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน ก็ได้มีแท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการจากทางฝั่งไมโครซอฟท์ หลังจากการเปิดตัว Windows 8 ซึ่งในวันนี้ผมก็ได้รับแท็บเล็ต Windows RT (Windows 8 เวอร์ชั่นสำหรับซีพียูตระกูล ARM) มารีวิวกันในรุ่น Asus VivoTab RT พร้อมกับตัว Keyboard Docking (Tablet 600 for Windows RT) มารีวิวไปพร้อมๆกันด้วยครับ
….VivoTab เป็นชื่อผลิตภัณฑ์แท็บเล็ตที่มีการนำเอาระบบปฏิบัติการ Windows 8/RT มาใช้ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นสองตระกูลหลักๆด้วยกันคือ VivoTab และ VivoTab RT ที่มีความแตกต่างกันตรงที่ VivoTab นั้นจะใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 8 ทำงานร่วมกับโปรเซสเซอร์ Intel Atom ส่วนตัว RT นั้นจะทำงานกับ Windows 8 RT ที่ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการวินโดวส์ที่ออกแบบมาให้รองรับการทำงานกับซีพียู ตระกูล ARM ซึ่งใน VivoTab นั้นจะเป็น NVIDIA Tegra 3 Quadcore ครับ
…ตัวเครื่องแท็บเล็ตนั้นก็มีลักษณะรูปทรงคล้ายๆกับแท็บเล็ตแอนดรอยด์ของทาง Asus ทั่วๆไป ไม่แตกต่างกันมาก ตัวเครื่องมีขนาด 10.1 นิ้ว หน้าจอแบบ IPS ความละเอียด 1366×768 พิกเซล ที่มีมุมมองรับภาพกว้างถึง 178 องศา ด้านหน้าเครื่องนี้ก็จะพบกับสัญลักษณ์วินโดวส์รูปแบบใหม่ ซึ่งทำหน้าที่เป็นปุ่มสัมผัสไว้สำหรับเรียกหน้า Home ของ Metro UI ครับ
…ด้านหลังเครื่องนั้นก็มาสไตล์ของ Asus นั้นคือมีพื้นผิวเป็นแบบอะลูมิเนียม สีออกเงินๆอมน้ำเงินเล็กน้อย ส่วนพื้นผิวบริเวณแถบด้านบนนั้นจะให้สัมผัสเหมือนเป็นพลาสติก บริเวณพลาสติกก็จะห่อหุ้มเอากล้องด้านหลังขนาด 8 ล้านพิกเซล บอดี้โดยภาพรวมแล้วก็ให้ความรู้สึกพรีเมียมดีพอสมควร แต่ถ้าให้ความรู้สึกส่วนตัวแล้วผมคิดว่า การเก็บงานตามฝาปิดรอยต่อต่างๆนั้นก็ยังทำได้แค่ดีในระดับหนึ่ง ไม่ถึงกับน่าตื่นเต้นอะไรครับ น้ำหนักตัวเครื่องนี้อยู่ที่เพียง 525 กรัมเท่านั้นครับ
และแน่นอนตามสไตล์ของแท็บเล็ตจากค่าย Asus ที่จะต้องมีความสามารถในการใช้งานในทำนอง Convertible เสียบแท่นแล้วแปลงร่างกลายเป็นโน๊ตบุ๊คได้ ซึ่งด้านล่างเครื่องตามภาพนี้ก็จะเป็นสลอตสำหรับเสียบเข้าแท่นคีย์บอร์ด และพอร์ตสำหรับเสียบชาร์จไฟ ที่เมื่อเสียบเข้ากับตัวคีย์บอร์ดแล้วตัวคีย์บอร์ดจะมีแบตเตอร์รี่เสริมคอยจ่ายไฟให้ด้วยครับ
…การเชื่อมต่อด้านซ้ายเครื่องนั้นจะมีสลอตสำหรับใส่ซิมการ์ด สเป็คในเว็บไซต์ของทาง Asus บอกว่ารองรับ 4G LTE เรียบร้อยแล้วครับ ส่วนอีกสองอันนั้นคือ Micro SD และ Micro HDMI ซึ่งต้องติตรงนี้มากเลยเพราะว่าสลอต Micro SD นั้นดูเหมือนว่าจะทำมาให้สามารถกดออกได้ง่ายจนเกินไป คนที่ใช้งานไม่คุ้นเคยส่วนใหญ่ มักจะพยายามกดบริเวณนี้ เพราะเข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นปุ่มกดปลดล็อค ซึ่งจริงๆแล้วปุ่มเพาเวอร์/ปลดล็อค จะอยู่อีกด้านบนของตัวเครื่องครับ
ปุ่มปรับโวลุ่ม ที่ผมคิดว่ากดยากไปนิดหนึ่ง และช่องสำหรับเสียบแจ๊กหูฟังขนาด 3.5mm ส่วนปุ่มเพาเวอร์จะอยู่ด้านบนเครื่อง
…เมื่อทดลองต่อ Docking ก็จะพบว่าหน้าจอนั้นก็จะเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา แน่นอนครับว่าหน้าจอ IPS+ ของ Asus ที่ผมเคยชื่นชมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ Transformer และ Transformer Prime จนมาถึง VivoTab ตัวนี้ มันก็ยังคงมีสีสันที่สวยงามและมุมมองการรับภาพที่ยอดเยี่ยม ตลอดจนแสงแบ๊กไลท์ ถึงแม้หน้าจอจะเป็นจอกระจก แต่ก็สามารถสู้แสงแดดตอนกลางวันในสภาพแวดล้อมแบบใต้ต้นไม้แดดรำไรๆได้สบายๆครับ
…จะพูดถึง Docking ดันเลยเถิดไปถึงเรื่องความประทับใจจอภาพจนเพลิน ตัว Keyboard Docking นั้นนอกจากจะทำหน้าที่เป็นคีย์บอร์ด และทัชแพดแล้ว ภายในตัวยังมีอินเตอร์เฟสพอร์ต USB ตลอดจนการ์ดรีดเดอร์แบบ SD แบบเต็มใบมาให้อีกด้วย ตลอดจนแบตเตอร์รี่เพิ่มเติม ซึ่งตัว VivoTab RT เนี่ยจะมีแบตเตอร์รี่แบบลิเธียมโพลิเมอร์ ขนาด 25Wh อยู่ในตัว และตัวคีย์บอร์ดก็จะมีขนาด 22Wh คอยช่วยเกื้อหนุนกันอีก ซึ่งรวมๆแล้วแบตเตอร์รี่ถ้าไม่รวม Docking ทาง Asus เคลมว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 9 ชั่วโมง และหากต่อ Docking จะใช้งานได้ถึง 16 ชั่วโมงด้วยกันครับ
หลังจากต่อ Docking แล้วตัวเครื่องก็จะมีความหนาเพิ่มขึ้นมาพอสมควร ดูเผินๆก็จะกลายร่างเป็นโน๊ตบุ๊กไปเลยนั้นแหละครับ
ปัญหาเดิมๆที่เคยพบใน Transformer / Transformer prime นั้นก็คือบานพับจอนั้นดูทีท่าเหมือนจะไม่มั่นคง มีการโยกเยกไปมาได้ง่าย ก็จะยังพบได้ใน VivoTab แต่ไม่มากเท่าใน Transformer ครับ
…คีย์บอร์ดนั้นจะสังเกตได้ว่าเหมือนๆกับคีย์บอร์ดพีซีทั่วไปที่เราคุ้นเคยเลย เลย์เอาท์ที่วางมาก็ถือได้ว่าใช้พื้นที่ที่มีอยู่จำกัดเพียง 10.1 นิ้วได้อย่างคุ้มค่าเลยทีเดียว ส่วนทัชแพดนั้นเป็นสิ่งที่ต้องเร่งปรับปรุงทางด้านซอฟท์แวรือย่างเร่งด่วน เพราะว่ามันไม่สามารถที่จะใช้งานฟีเจอร์ส่วนใหญ่ของเครื่องได้เลย ทำได้แค่เพียงรูดสกอร์ลโดยใช้ 2 นิ้วเท่านั้น แม้แต่ทำ pinch zoom ก็ยังทำไม่ได้ และปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือขนาดที่ค่อนข้างเล็กเกินไปสำหรับการใช้งานกับ Metro UI แต่ถ้าถามถึงการใช้งานบน Desktop Mode แบบวินโดวส์ทั่วๆไปแล้วก็ถือได้ว่าใช้งานได้แม่นยำดีครับ
…ภายในกล่องนั้นมีอะแดปเตอร์สำหรับเสียบท้ายเครื่องเพื่อใช้งานพอร์ต USB สำหรับการเสียบอุปกรณ์ภายนอกอย่างเมาส์ หรือคีย์บอร์ด หรือจะเป็นพวกแฟลชไดร์ฟก็ได้เช่นกัน ส่วนอันขวามือนั้นจะเป็นอะแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟครับ การชาร์จถ้าเสียบเข้ากับเครื่องพีซี จะชาร์จไม่เข้า แต่ใช้งานได้แบตจะไม่ค่อยลดลง ต้องชาร์จกับตัวอะแดปเตอร์ตัวนี้เท่านั้นครับไฟถึงจะเข้าแบบเต็มที่ เพราะว่าพอรฺ์ต USB ในพีซีของเรานั้นจ่ายกระแสได้ไม่มากพอนั้นเอง
ลองมาดูอินเตอร์เฟสกันบ้างดีกว่าครับ ก็อย่างที่น่าจะเคยเห็นกันคือ อินเตอร์เฟสของ Windows RT นั้นก็แทบจะไม่ต่างอะไรจาก Windows 8 และ Windows Phone 8 ไอคอนสไตล์ Metro ที่เป็น live tiles และมีแอพ Social ที่สามารถดึงฟีดข่าวมาจากทั้งเฟสบุค และทวิตเตอร์มารวมไว้ในที่เดียวกันได้เหมือนๆกับใน Windows Phone 7 และ 8 ครับ
บราวเซอร์ Internet Explorer ที่ติดมาให้ก็ใช้งานได้ดีเลยทีเดียวครับ ซึ่งบราวเซอร์เนี่ย จะมีสองตัวคือแบบในภาพด้านบนคือเป็น IE สำหรับ Metro UI แต่จะมีบราเซอร์ IE แบบเวอร์ชั่นวินโดวส์ธรรมดา ซึ่งแบบหลังเนี่ยเวลาเรา browse มันจะไม่มีการเก็บค่ารหัสผ่าน หรือเซสชั่นการใช้งานหรือประวัติการใช้ใดๆเอาไว้ครับ
แอพพลิเคชั่นที่ติดมาให้เท่าที่เห็นนั้นคือจะมี Microsoft Office 2013 เวอร์ชั่นสำหรับ Windows RT ที่สามารถทำงานร่วมกับ Metro UI และระบบ Cloud ของทางไมโครซอฟท์ได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ได้รวมเอา Outlook มาให้ ซึ่งใน Windows RT นี้จะมีโปรแกรมสำหรับพุชอีเมล แถมมาให้ต่างหากครับ
นอกจากหน้าตาของ Metro UI อันน่าตื่นตาตื่นใจ ที่ทำให้เราสามารถใช้งานกิจกรรมโซเชียลในชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็วแล้ว ไมโครซอฟท์ยังคงมีอินเตอร์เฟสวินโดวส์แบบดั้งเดิมติดมาให้ใน Windows RT ด้วยครับ ซึ่งเราสามารถเปิด explorer หรือมายคอมพิวเตอร์ ที่เราคุ้นเคย และมีการแบ่งไดร์ฟเป็น A B C D แบบทีเราคุ้นเคยบนเครื่องพีซี ทำให้การใช้งานในรูปแบบของการต่อ docking keyboard ดูมีประโยชน์ขึ้นมามากเลยทีเดียว
แวะมาดู System Info ก็มีลักษณะแบบเดียวกับ Windows 8 หรือ Windows 7 เลยครับ แต่เห็นแล้วก็อาจจะรู้สึกจักกะจี้ที่พีซีวินโดวส์ของเรา มีซีพียูเป็น NVIDIA Tegra 3 1.3GHz แบบนี้
แต่อย่างไรก็ดี Windows RT นั้นเป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับซีพียูตระกูล ARM (ซีพียูพวกมือถือ/แท็บเล็ต) ทำให้มันไม่สามารถรันโปรแกรม .exe ทั่วๆไปที่เราใช้กันบนพีซีแบบ X86 ทั่วๆไปได้ ในภาพนี้คือเป็นภาพที่ผมทำการรันโปรแกรม .exe ลองดูครับ ผลก็คือไม่ได้ตามภาพเลย
อันนี้เป็น Task Manager แบบใหม่ ก็สามารถเรียกใช้งานได้ในวินโดวส์ตัวนี้ผมลองดูโหลดระหว่างการใช้งานก็พบว่าซีพียู Tegra 3 ก็ดูเหมือนจะรับศึกหนักพอสมควรครับ มีโหลดเด้งขึ้นตลอดเวลา แต่การใช้งานอินเตอร์เฟสโดยทั่วๆไปถือได้ว่าลื่นไหลดีมากครับ
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแอพพลิเคชั่นสำหรับ Windows RT ตอนนี้ก็มีให้เล่นไม่มากนัก ผมลองเล่นเกม Dredd vs Zombies ซึ่งจริงๆผมก็เล่นไม่ค่อยเป็นครับ ก็พบว่าการตอบสนองของเกมก็ทำได้ลื่นไหลดีกับซีพียู Tegra ตัวนี้
ส่วนหน้าต่างซ้ายมือเป็นตัวแสดงสถานะการคัดลอกไฟล์แบบใหม่ แสดงผลเป็นกราฟ สวยงามอลังการเลยทีเดียว
บราวเซอร์ในหน้าวินโดวส์ทั่วไป ที่ผมบอกไปตอนแรกว่ามันจะไม่เก็บค่าอะไรเอาไว้ ส่วนการเข้า Control Panel ผมคิดว่ามันกลายเป็นเรื่องยุ่งยากกว่าใน Windows 7 ที่เราแค่กด Start Menu ขึ้นมา (ใน 8 ไม่มี Start Menu แบบเดิมแล้ว) ในภาพนี้ผมทำการรูดหน้าจอด้านขวามือออกมา ก็จะมีโชว์ในเรื่องของการปรับตั้งค่าคอมพิวเตอร์ขึ้นมาครับ
การเชื่อมต่อ WiFi ผมคิดว่ามีขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยากกว่าพวกแอนดรอย เพราะต้องสลับเปลี่ยนมาหน้าเดสก์ทอพอันนี้ แล้วทำการกดคอนเน็คที่ไอคอนเล็กๆด้านล่าง ซึ่งผมจำได้ไม่แน่ชัดว่ามันสามารถเรียกคอนเน็กจาก Metro UI ได้หรือไม่
การเรียกใช้งานโปรแกรมออฟฟิศทั้งหลาย ก็จะถูกเรียกขึ้นมาใช้งานในหน้าต่างเดสก์ทอพแบบปกติครับ
กล้องด้านหน้า 8 ล้านพิกเซล ความชัดก็อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ไมได้หวือหวาอะไร แต่ถ้าหากต้องการกล้องดีดี ในตระกูล VivoTab นี้ก็จะมีรุ่น VivoTab Smart ที่เพิ่มกล้องและชิ้นเลนซ์พิเศษที่มีค่ารูรับแสงกว้างถึง f/2.2 ให้ได้ใช้กัน แต่จะเป็นรุ่นที่เป็นซีพียู Intel Atom เท่านั้นนะครับ
…
.
…แท็บเล็ตวินโดวส์สำหรับทุกวันนี้ มีให้เลือก 2 ตัวเลือกหลักๆคือที่เป็นวินโดวส์แบบดั้งเดิม (รันบนซีพียู X86) อย่าง VivoTab ตัวที่เป็น Intel Atom ซึ่งก็จะมีข้อดีที่สามารถนำเอาโปรแกรมต่างๆที่เราเคยใช้บนเครื่องพีซีที่บ้าน มาใช้งานบนแท็บเล็ตได้แน่นอน แต่ก็ยังคงมี Metro UI และ Metro Apps สนุกๆที่ยังมีให้เลือกไม่มากนักใช้งานอยู่ด้วย ความลื่นไหลของอินเตอร์เฟสนั้นเป็นสิ่งที่ผมยังเล่าให้ฟังไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าความสามารถดังกล่าวที่ผมว่ามา ก็ต้องแลกกับความสามารถในการจัดการพลังงานที่อาจจะสู้ซีพียูของทางแพลตฟอร์ม ARM ไม่ได้
…แต่ถ้าหากเลือกที่จะมาเป็นทางฝั่ง ARM ซึ่งตอนนี้ก็ดูเหมือนจะมีเพียงแต่ซีพียูจาก NVIDIA Tegra 3 Quad Core ซึ่งสมรรถนะของมันก็ถือได้ว่าเป็นที่ยอมรับจากเดิมที่มีผู้เล่นอย่างแอนดรอยด์ใช้ซีพียูตัวนี้มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แอพพลิเคชั่นที่มีให้เลือกใช้บนแพลตฟอร์ม Windows RT นั้นก็เรียกได้ว่าพอมีใช้บ้าง แต่ก็ยังถือว่าไม่มาก และรันโปรแกรมสำหรับวินโดวส์ปกติไม่ได้ ซึ่งจุดแข็งของแพลตฟอร์มนี้ก็จะไปอยู่ที่ความสามารถในการจัดการพลังงานได้อย่างคุ้มค่า ในขณะที่ยังคงมีสมรรถนะ สำหรับการใช้งานอินเตอร์เฟสพื้นฐานได้อย่างดีเยี่ยม
…ณ ตอนนี้ VivoTab RT นั้นก็เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตที่น่าสนใจในแง่ความสดใหม่ และอินเตอร์เฟส Metro ของไมโครซอฟท์ ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่หลายคนน่าจะชื่นชอบ รวมถึงตัวผมด้วย การใช้งานโดยรวมๆนั้นถือได้ว่าลื่นไหลกว่าแท็บเล็ตแอนดรอยด์รุ่นเก่าๆหลายๆรุ่นเลยทีเดียวครับ เรียกได้ว่าหากวางเทียบกับไอแพด ความลื่น ใช้ความรู้สึกส่วนตัวผมตัดสิน ผมคิดว่ามันลื่นพอกัน ตลอดจนความยืดหยุ่นในการใช้งานที่น่าจะมีมากกว่า iOS และ Android ในเรื่องของแอพพลิเคชั่นอย่างไมโครซอฟท์ออฟฟิศ และหน้าเดสก์ทอพแบบวินโดวส์ที่เราคุ้นเคย
…แต่ปัญหาก็มีไม่ใช่ว่าจะดีไปเสียทั้งหมด ทั้งในเรื่องของแอพพลิเคชั่นที่ยังมีให้เลือกเล่นไม่มากนัก และทัชแพดบนตัวคีย์บอร์ดที่ยังใช้งาน gesture ได้เพียงแค่การรูดสองนิ้ว แม้แต่จะทำ pinch zoom ก็ยังทำไม่ได้ ปัญหาเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ และสุดท้ายคือ ผมยังหวังที่จะเห็น VivoTab RT มี Keyboard Cover สวยๆแบบซ่อนบานพับแบบที่ Microsoft Surface หรือจะเป็นแบบที่ VivoTab Smart มีใช้กันก็น่าจะดีมากครับ
.
.
ขอขอบคุณ Asus