…โลกของกล้องถ่ายภาพในปัจจุบันเรียกได้ว่าจากเดิมที่กล้องถ่ายภาพนั้นเป็นของที่ซื้อมาแล้ว ยังไงเสียก็จะมีสิทธิ์ที่จะเก่าตกรุ่นนั้นนานมากๆ จนมาถึงทุกวันนี้เข้าสู่โลกดิจิตอล กล้องกลายเป็นอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และจริงๆก็คือ ตกรุ่นเร็วด้วยนั้นแหละครับ วันนี้ผมก็มีกล้อง BenQ LR100 เป็นกล้องดิจิตอลคอมแพค ขนาด 14 ล้านพิกเซล รูปทรงเล็กกระทัดรัด น้ำหนักก็เบา (น่าจะไม่ถึง 200 กรัม) มาให้ได้ชมกันครับ

…ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่เคยได้ยินว่า BenQ นั้นเคยผลิตกล้องถ่ายรูป แต่ด้วยความเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการอิเลกทรอนิกส์อีกเจ้าของทางฝั่งเอเชียเรา เราก็เลยได้เห็นกล้องคอมแพคจาก BenQ มาในตลาดทุกวันนี้ด้วยนั้นเอง LR100 นั้นเป็นกล้องขนาด 14 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพแบบ CMOS ตามสมัยนิยม ที่สำหรับทุกวันนี้นั้นเทคโนโลยีการผลิต CMOS นั้นจะให้ผลลัพท์ของภาพที่ออกมาที่มีสัญญาณรบกวน(noise) เม็ดแดงๆหรือเกรนปื้นๆ น้อยกว่าเซ็นเซอร์แบบ CCD ที่เราคุ้นเคยกันอยู่มากครับ

…ตัวกล้องนั้นมีดีไซน์ที่เหมาะกับคนที่ต้องการใช้กล้องแบบพกเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกงได้ง่ายๆ โดยในขณะปิดกล้อง ตัวเลนซ์จะหุบเข้าไปเก็บเข้าประจำที่ ภาพรวมบอดี้นั้นทำมาจากพลาสติกเนื้อลื่นๆเล็กน้อย ความแน่นหนานั้นจับแล้วยังไม่ค่อยรู้สึกประทับใจนัก แต่ส่วนประกอบรอยต่อต่างๆเก็บมาได้เรียบร้อยดีในระดับหนึ่ง ส่วนของเลนซ์ที่ยื่นเข้าออกนั้นก็มีความมั่นคงแข็งแรงดีครับ

…ตัวเลนซ์เป็นเลนซ์ซูม 5x ไม่ระบุแบรนด์ ที่มีระยะ focal lenght ที่ 4.6-23mm (เทียบเท่า 26-130mm ในระบบฟิล์ม 135) ซึ่งก็ถือว่าเป็นช่วงที่ครอบคลุมการใช้งานได้ดี ทั้งช่วงมุมกว้างไปจนถึงมุมแคบ ค่า f/ไหลอยู่ระหว่างช่วง f/3.2-6.4 ซึ่งถือว่าค่อนข้างแคบไปเสียนิดหนึ่งสำหรับการถ่ายภาพกลางคืน ในขณะที่ในกล้องคอมแพคสมัยใหม่ๆหลายๆเจ้าเราจะเห็น f กว้างสุดที่ 1.8 กันมาหลายๆตัวแล้ว

…ใน BenQ LR100 นั้นชูจุดเด่นเรื่องของการเป็นกล้องที่สามารถถ่ายในสภาพแสงน้อยๆได้ดีโดยไม่ต้องพึ่งพาขาตั้ง ด้วยความไวแสงสูงสุดของเซ็นเซอร์ที่ระดับ ISO6400 อธิบายเพิ่มเติมได้ก็คือค่าความไวแสงหรือ ISO นั้นก็เหมือนกับในฟิล์มนั้นแหละครับ ยิ่งมาก ตัวรับภาพก็จะยิ่งตอบสนองต่อแสงที่เข้าไปในกล้องได้เร็วขึ้น ทำให้เกิดเป็นภาพสว่างได้ง่ายกว่าการปรับค่า ISO ต่ำๆ ทำให้เราสามารถปรับตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ให้เร็วๆ(เปิดหน้ากล้องไม่ต้องนานมาก) ภาพก็จะไม่สั่นไหวเวลาถ่ายในที่แสงน้อยนั้นเอน

นอกจากนี้จุดเด่นอีกเรื่องหนึ่งก็คือเอ็ฟเฟ็ค Water Color ในโหมดการอัดวีดีโอ ที่ผมดูแล้วคิดว่าน่าจะเป็นของเล่นเอาไว้ถ่ายเล่นเพลินๆให้ดูกันต่างหน้า ความละเอียดวีดีโอนั้นทำได้ที่ระดับ 1080P เรียบร้อยแล้วครับ

ด้านใต้ตัวกล้องนั้นเราจะพบว่ามีช่องสำหรับลำโพงขนาดเล็กไว้เปล่งเสียงที่อัดมาจากวีดีโอหรือเสียงบี้บต่างๆ รูสำหรับเม้าท์ขาตั้งก็มีมาให้เป็นมาตรฐาน ส่วนฝาปิดแบตเตอร์รี่นั้นใช้วิธีการสไลด์ออกได้เลย อ้อ ไมค์โฟรโฟนจะอยู่ด้านหน้าตรงจุดเล็กๆที่เขียนว่า “Stereo MIC” ตรงนั้นครับ

แบตเตอร์รี่นั้นมีขนาด 2.6Wh ซึ่งจากการทดลองใช้งานก็พบว่าสำหรับการใช้งานแบบถ่ายเล่นประปรายตลอดทั้งวัน แบตเตอร์รี่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่เช้าจนเย็น โดยไม่ต้องพึ่งพาที่ชาร์จครับ

พอร์ตเชื่อมต่อนั้นจะมี HDMI และ USB เป็นหัวแบบพิเศษที่ต้องใช้สายที่แถมมาเท่านั้น

…การควบคุมหลังกล้องนั้นก็มีง่ายๆแบบที่กล้องคอมแพคทั่วไปมี ปุ่ม 4 ทิศทางสามารถปรับค่าโหมดโฟกัสมาโคร โหมดโฟกัสแบบต่อเนื่องหรือโฟกัสครั้งเดียว ตั้งค่า drive mode (หน่วงเวลา 10 วิ หรือจะ burst shot) และปรับตั้งค่าแฟลช (เปิด ปิด สโลว์ rear sync) ส่วนปุ่มที่มีประโยชน์มากที่ผมชอบก็คือ fn ครับ มีไว้สำหรับเข้าไปปรับตั้งค่าที่จำเป็นในการถ่ายรูปต่างๆได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเข้าเมนูให้วุ่นวาย เช่นตั้ง ISO, Scenemode หรือจะตั้งโหมดสีของภาพ ที่ใน LR100 นี้มีมาให้เลือกเล่นมากมาย (พวก Lomo, Sepia หรืออื่นๆ)

ผมได้มีโอกาสพกเจ้า BenQ LR100 ไปในหลายๆที่ที่ผมไปในช่วงเวลาที่ผมได้รับมาทดลองใช้ ในภาพนี้ผมตั้ง ISO 800 ซึ่งถือได้ว่าค่อนข้างสูงแล้วนะครับสำหรับกล้องคอมแพคดิจิตอล จะเห็นได้ว่าเริ่มมีเกรนเป็นเม็ดๆขาวๆขึ้นมาบนพื้นผิวสีดำ แต่ที่น่าประทับใจคือ มีนอยซ์แบบเม็ดสีแดงขึ้นมาน้อยมากๆ (ซึ่งปกติดูไม่งาม เม็ดสีขาวแบบเกรนจะยอมรับได้มากกว่า)

ส่วนรูปนี้ก็ ISO-800 เช่นกันครับ ก็คือตามคาดว่ามีเกรนขึ้นมาให้เห็นแบบภาพด้านบน แต่จะสังเกตว่ารูปนี้จะเยอะกว่าหน่อย เพราะตามปกติแล้วเกรนมักจะมีขึ้นมาให้เห็นในส่วนมืดของภาพ มากกว่าส่วนสว่างของภาพอยู่แล้ว รูปป้ายบอกทางรูปแรกบริเวณฉากหลังจะรู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีเกรน เพราะเป็นส่วนสว่างของภาพ แต่ในรูปใบนี้นั้นออกมาเป็นภาพมืดๆเสียส่วนใหญ่

ผมลองเร่งขึ้นไปในระดับ ISO-1600 ก็พบว่าเริ่มมีรายละเอียดความคมชัดของภาพหลายๆส่วนหายไป เข้าใจว่าตัวเอนจินประมวลผลของกล้องพยายามที่จะกำจัดดน๊อยซ์ในภาพออกไป ซึ่งผลลัพท์ที่ได้นั้นก็คือภาพจะดูซอฟท์ๆลงไป แบบในภาพด้านบนนี้แหละครับ

แต่เอาเข้าจริงแล้ว ISO-1600 ของกล้องตัวนี้ ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้งานได้ดีเลยนะครับ โดยเฉพาะหากเราอยู่ในสภาพแสงที่ดี แต่ต้องการความเร็วชัตเตอร์สูงๆ ตัวกล้องสามารถตอบสนองได้ดี พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ เวลาถ่ายที่ความไวแสง ISO-1600 ถ้าจะให้ได้ผลลัพท์ที่ดูสวยก็เลือกๆฉากประกอบที่ดูแล้วสว่างๆเสียหน่อย หรือถ่ายให้ติดโอเวอร์ (over exposure) เล็กน้อย ก็จะพอช่วยได้ครับ

ส่วนความสามารถในเชิง dynamic range ก็อยากให้ลองดูภาพด้านบนเอาเองนะครับ

รูปนี้ผมทดลองถ่ายดอกไม้ที่มีสีสันสดใส ด้วยการปรับค่าสีไปที่ LOMO ก็พบว่าสีสันที่ได้นั้นอาจจะไม่เหมือนกับโลโม่ที่หลายๆคนชอบ (สีติดอมเหลือง เหมือนภาพเก่าๆในฝัน) แต่จะสังเกตได้ว่ามีเอ็ฟเฟ็คขอบภาพมืด (Vignette) เพิ่มมาให้เล็กน้อย

ส่วนรูปนี้ถ่ายปกติ เอาเอ็ฟเฟ็คสีทุกอย่างออกหมดครับ LR100 สามารถถ่ายมาโครได้ใกล้สุดเพียง 5 เซนติเมตร ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับการถ่ายดอกไม้ในสวนแบบไม่จริงจังมากนัก หรือจะเอาไว้ถ่ายตัวอักษร ลายเซ็น ภาพบนหนังสือต่างๆได้อย่างง่ายดายครับ

รูปนี้ถ่ายที่ ISO 200 ด้วยโหมดสี LOMO จะพบว่าไวท์บาลานซ์ออโต้ในสภาพแสงครึ้มฟ้าครึ้มฝน จะพบว่ามีสีเพี้ยนๆอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงขั้นแย่มากนัก รายละเอียดของภาพหากซูมดูก็อยู่ในเกณฑ์ปกติของคอมแพ็คทั่วไป

ส่วนรูปต่อไปนี้จะแสดงให้ดูความต่างของโหมดสีแต่ละโหมด รูปบนนี้ใช้โหมด LOMO

รูปนี้ใช้ AUTO scene mode ปกติ บังคับปิดแฟลช

ส่วนรูปนี้ยอมให้ตัวกล้องทำการยิงฟิลแฟลช ไวท์บาลานซ์เพี้ยนไปบ้างเล็กน้อย

รูปนี้ถ่ายในโหมด Program Auto (โหมด P) ที่จะทำให้สามารถปรับตั้งค่าอะไรหลายๆอย่างได้สะดวกมากขึ้น

.

.

…เรียกได้ว่าเป็นกล้องตัวเล็กๆที่มีราคาไม่แพงมาก ราวๆ 4000 บาท ที่ทำผลงานออกมาได้ค่อนข้างน่าประทับใจมากๆเลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะเรื่องของความสามารถในการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยๆ BenQ LR100 ทำให้ผลเปลี่ยนทัศนะคติเกี่ยวกับกล้องตัวเล็กๆราคาไม่แพงไปได้มากเลยทีเดียว ใครที่มีงบในการซื้อไม่มากนัก แต่อยากได้กล้องที่พอที่จะใช้งานถ่ายภาพในสภาพแสงตอนกลางคืนได้ดีๆ เร่ง ISO ได้สูงๆในระดับหนึ่งโดยไม่ต้องกลัว noise มากนัก ความเร็วในการถ่าย การโฟกัสก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากเลยทีเดียวสำหรับกล้องระดับนี้ สำหรับวันนี้ก็คงต้องหมดเนื้อหาลงแต่เพียงเท่านี้ครับ สวัสดีครับ

.

.

ขอขอบคุณ BenQ