Review : CoolerMaster Elite 431 plus
Share | Tweet |
…ผมเฝ้าดูพัฒนาการของเคสราคาประหยัดในตลาดบ้านเรามาตั้งแต่ที่ CoolerMaster เริ่มทำเคสตระกูล Elite ครั้งแรกที่ผมเห็นนั้นผมคิดว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ค่ายผู้ผลิตระดับ CoomerMaster จะหันมาสนใจกลุ่มผู้ใช้ที่ไม่ได้ต้องการจะเสียเงินกับพีซีเครื่องใหม่ไปกับเคสในราคาที่แพงเกินไป แต่ครั้งนั้นผมคิดว่า Elite ยังมีภาพลักษณ์ที่ดูแล้วไม่ค่อยจะโดดเด่นอะไรเสียเท่าไหร่ ซึ่งผมก็ค้นพบว่า CoolerMaster ได้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาเรื่อยๆ
…ซึ่งนั้นแหละครับคือสิ่งที่วันนี้เราจะมาชมกัน Elite 431plus เคสราคาประหยัดจาก CoolerMaster ที่เป็นเคสเหล็กขนาดไม่ใหญ่มากนัก (Mid-Tower) ใส่เมนบอร์ด ATX ไซส์ปกติได้ โดยรุ่น 431 ตัวนี้จะเป็นตัวฝาข้างใส และ Plus คือรุ่นเพิ่มฟีเจอร์พิเศษ ทั้ง USB 3.0 พัดลมไฟ LED และ SATA x-Dock
…จากการสำรวจรอบๆตัวบอดี้ของ Elite 431 ก็พบว่าเหล็กแผ่นขนาด 0.5mm ที่เอามาทำเป็นเคสตัวนี้นั้นถึงแม้จะให้ความรู้สึกเมื่อกดสัมผัสลงไปแล้วรู้ว่าเป็นเคสราคาไม่แพงมากนัก แต่ก็ให้สัมผัสที่ดี สีที่พ่นมานั้นถึงจะไม่เงา แต่ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเคสรุ่นราคาแพงกว่านี้มากนัก เอามือลูบไปตอบขอบก็พบว่ารอยต่อต่างๆทำมาได้เรียบร้อยสมกับความเป็นเคสแบรนด์เนมดีอยู่ระดับหนึ่ง
…หน้ากากด้านหน้าทำมาจากพลาสติก ABS คุณภาพค่อนข้างดีเลยทีเดียว สีดำนี้จะออกแนวสีดำด้านๆเสียหน่อย ซึ่งก็น่าจะทำให้ดูแลรักษากันได้ง่ายๆไม่เหมือนพวกที่มีหน้ากากสีดำเงาๆที่เวลาฝุ่นจับก็จะเห็นกันแบบชัดๆ
…ตรงนี้น่าจะเป็นจุดเด่นของคำว่า “Plus” ในรุ่น 431 นี้ ก็คือฟีเจอร์เรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อ ทั้ง USB 3.0 แบบที่มีเคเบิลสำหรับเสียบลงบอร์ดได้ และแถมยังมี USB2.0 มาให้อีกตั้งสองพอร์ตด้วยกันครับ
…ตะแกรงรังผึ้งด้านหน้านั้นก็ดูแน่นหนาไม่ต่างจากเคสรุ่นใหญ่มากนัก และนอกจากนี้ช่อง 5.25bay นี้ยังมีช่องสำหรับเสียบ SATA x-Dock อันล่างสุด ที่จะทำให้เราสามารถนำเอาฮาร์ดไดร์ฟขนาด 2.5หรือ 3.5 นิ้ว เสียบเข้าไปจากด้านนอกเคสโดยไม่ต้องเปิดฝาเคสได้เลย ซึ่งจะทำให้ฟีเจอร์ Hot-Swap ของชิปเซ็ตอินเทลรุ่นใหม่ๆ และ NVIDIA ที่มีมานานแล้วสำหรับ SATA ดูมีประโยชน์ขึ้นมาในบัดดล !
…การใช้งานนั้นก็ไม่ยุ่งยากครับ สามารถดึงเอาฝาพลาสติกในรูปออกมาได้เลยก็จะเห็นเป็นรูลึกเข้าไปแบบนี้ หน้าที่ของเราก็แค่เสียบ HDD เข้าไปและเชื่อมต่อสายภายในเคสให้เรียบร้อยตอนประกอบเครื่อง ซึ่งต้องให้แน่ใจว่าได้ทำการเปิดโหมด AHCI อยู่ด้วยนะครับ ถึงจะสามารถใช้ฟีเจอร์ Hot-Swap ได้
ด้านข้างเคสเป็นฝาเหล็กเจาะแล้วแปะอะครีลิคเอาไว้ตามสมัยนิยม
ด้านบนมีช่องสำหรับติดตั้งพัดลมขนาด 120MM ได้สองตัว พร้อมแผ่นฟิลเตอร์กันฝุ่น
…ฟิลเตอร์กันฝุ่นดังกล่าวนั้นสามารถถอดออกมาได้แบบนี้ครับ จะมีมาให้ทั้งด้านบนและรูดูดลมจาก PSU ด้านล่าง ซึ่งจะไม่เหมือนกับในเคสรุ่นใหญ่ๆอย่าง CMstrom Trooper ที่จะเป็นแผงที่ดึงออกมาได้เหมือนฟิลเตอร์เครือ่งปรับอากาศเลย แต่สำหรับเคสรุ่นเหล็กแบบนี้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว
…ด้านหลังติดตั้งพัดลมขนาด 120mm ได้อีกหนึ่งตัว แผงปิด expansion slot นั้นยังคงเป็นแบบใช้มือหักออกมาแล้วเสียบกลับคืนไม่ได้อยู่ หรือถ้าจะเอาเสียบคืนได้ก็คงลำบากพอสมควร
…ภายในนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสำหรับเครื่องที่มีสายเคเบิลเยอะแยะมากมาย เพราะดูแล้วการลอดสายไปด้านหลังเมนบอร์ดคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างไรก็ดี การจับเอา PSU มาวางไว้ด้านล่างตามสมัยนิยมแบบนี้ก็น่าจะทำให้อะไรๆดูง่ายขึ้นพอสมควรครับ ระบบยึด-ล็อค อุปกรณ์ต่างๆก็ติดตั้งมาให้แบบพอเพียง ช่อง expansion slot นั้นไม่มี tools-free มาให้ แต่ช่อง 5.25 และ 3.5 นิ้ว มี Tools free มาให้ ซึ่้งก็ยังคงเป็นแบบที่เคสราคาประหยัดนิยมใช้กัน (บิด - หมุน) ไม่ใช่แบบสไลด์ล็อคแบบที่เรามักจะเจอกันในเคสราคาแพงๆ
ด้านบนจะพบฟิลเตอร์กันฝุ่นทั้งสองช่อง ที่ไม่มีพัดลมแถมมาให้ สามารถติดตั้งพัดลมขนาด 120mm ได้อีกสองตัวด้วยกัน โดยพัดลมที่แถมมาให้ในเคสตัวนี้จะมีเพียงพัดลมขนาด 120mm พร้อม LED สีฟ้าติดตั้งไว้ด้านหน้าเคส ตัวเดียวเท่านั้นครับ
…พอร์ตเชื่อมต่อภายใน สายที่ท่านเห็นในมือของผมนั้นคือสาย USB 3.0 สำหรับเสียบลงเมนบอร์ดโดยตรง ที่ผมบอกได้เลยว่าชั่วโมงนี้ เคส High-end บางรุ่นนั้นยังคงเป็นแบบสายลากไปเสียบด้านหลังเคสอยู่เลยครับ ส่วนแผง pcb สีเขียวๆนั้นคืออินเตอร์เฟสเชื่อมต่อของพอร์ต SATA x-dock ด้านหน้าที่ผมได้อธิบายไปแล้ว ที่เพียงแค่เสียบสาย SATA กับสาย Power (Molex) ก็สามารถใช้งานได้เลย
…เมื่อจับเมนบอร์ดลงวางก็จะพบว่าเหลือพื้นที่อยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนัก พอๆกันกับเคส Mid-Tower พื้นฐานทั่วๆไป โดยภาพรวมแล้วผมคิดว่ามันสามารถติดตั้งกราฟฟิคการ์ดระดับไฮเอนด์ได้ แต่คงจะมีปัญหาไประรานติดกับฮาร์ดไดร์ฟ 3.5นิ้วในช่องปกติบ้างเล็กน้อย ซึ่งก็คงต้องจัดกันดีดี แต่ขอยืนยันว่าติดตั้งได้แน่นอน เพราะผมเคยไปเห็นตัวจริงที่ติดตั้ง system ทั้งระบบที่ไต้หวันตอนไป Computex มาแล้วครับ
.
.
…สรุปความคิดเห็นของผมต่อเจ้า Elite 431 plus ตัวนี้ผมว่ามันเป็นเคสที่โดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่ดูดุดันไม่แพ้เคสราคาแพง ฟีเจอร์ที่ได้เมื่อเทียบกับงบประมาณที่ต้องจ่ายนั้น เรียกได้ว่า แน่นเอี้ยดเต็มเคส ตั้งแต่ USB3.0 แบบที่ไม่ต้องโยงสายไปหลังเคส หรือไม่ว่าจะเป็น SATA x-dock ที่ทำให้สามารถติดตั้งฮาร์ดไดร์ฟได้ยืดหยุ่นมากขึ้น ฟิลเตอร์กันฝุ่นที่ติดตั้งมาให้แบบไม่ขี้เหนียวกันเลย สำหรับราคา ส่วนตัวผมคาดเดาว่าไม่น่าจะเกิน 1500 บาท หรือต่ำกว่านี้ครับ ซึ่งก็ต้องคอยดูตามร้านขายปลีกที่จะเอามาขายจริงๆกันต่อไปว่าจะขายกันที่ราคาเท่าไหร่
.
.