Review : Gateway NV48 Notebook
Share | Tweet |
Gateway NV48 Notebook
สวัสดีครับ สำหรับวันนี้ เราคงพบกันด้วยโน๊ตบุ๊ก แบรนด์เนมที่ดูแล้วอาจจะแปลกตาสำหรับผู้คนในบ้านเราสักนิดหนึ่งอย่าง Gateway ในรุ่น NV48 ที่กำลังจะนำเข้ามาขายในบ้านเรา ถ้าจะให้ท้าวความกันถึงก็คงต้องบอกว่า Gateway ไม่ใช่บริษัทผลิตอุปกรณ์เครือข่าย (เหมือนที่ชื่อมันน่าจะเป็นอย่างนั้น) แต่เป็นบริษัทผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลสำเร็จรูปพร้อมใช้งานในอเมริกาที่มีชื่อมาตั้งแต่ช่วงปี 1991 เลยทีเดียว โดยบริษัทผลิต และจำหน่ายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์เช่นคอมพิวเตอร์ชุด มอนิเตอร์ หรือกระทั่งเครื่องเซิฟเวอร์ด้วยครับ
.
Processor | Intel Core 2 Duo P7350 2.0Ghz L2 3mb |
Chipset | Intel PM45 |
Memory | 2GB DDR2 - 667MHz |
Graphics Adapter | nVidia Geforce G105 |
Display | 14″ 1366×768 px |
Harddisk | 320gb 5400RPM |
Optical Drive | N/A |
Network | Intel WiFi Link 5100 (IEEE802.11 B/G/N) |
Connection Port | 2 in one cardreader, USB x3, VGA, HDMI, RJ45, RJ11 |
Battery | 4400 mAh |
Weight | 2.33 kg with batterry |
OS | Windows Vista Home premium |
กล่าวถึงภาพรวมของเครื่อง ดูเหมือนว่าจะเป็นเครื่องที่อยู่ตรงกลางระหว่างเครื่องสำหรับงานของ Business Man กับงานของคนรัก Entertain เนื่องจากจอที่มีขนาดไม่ใหญ่ และไม่เล็กอย่าง 14 นิ้ว กับการ์ดจอจาก nvidia G105 ทำให้มันรองรับกราฟฟิคได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็แฝงมาด้วยความบางและน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาสำหรับโน๊ตบุ๊กที่มีจอขนาดนี้คือเพียงแค่ 2.33 กิโลกรัม กับดีไซน์ที่ออกแนวขรึมๆ ทำให้บุคลิกของมันออกมาสองแนวนักธุรกิจผสมกับความเป็นคนรัก Entertain อยู่นิดหน่อยนั่นเอง
ภาพจากโปรแกรม Everest แสดงรายละเอียดของเครื่อง
ดีไซน์โดยทั่วไปใช้พลาสติกมันเงาเป็นส่วนประกอบหลัก แฝงด้วยลายตาข่ายสีดำ บานพับเป็นลักษณะแท่งกลมทำให้สามารถกางเครื่องออกมาได้มาก
.
คาดด้วยโลโก้ Gateway วัสดุเป็นโลหะ
ยกจอขึ้นมา สามารถสัมผัสได้ว่าบานพับ ไม่แสดงอาการง่อนแง่นขณะเปิดปิดให้เห็น แต่ก็ฝืดพอสมควรระดับหนึ่ง จนทำให้ยกเครื่องลอยขึ้นมาได้หากไม่ได้ใช้มืออีกข้างจับไว้ แบบในรูป ในทีแรก คุณรี ผู้ทดสอบร่วมของเราก็พยายามจะยกจอขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว ปรากฏว่าไม่ได้ครับ ยอมถ่ายรูปกะผมแช๊ะหนึ่งก่อนที่จะใช้มืออีกข้างหนึ่งช่วยประคองเครื่องเพื่อดึงจอขึ้นมา
.
.
ภายในก็ยังคงใช้โทนสีดำในการตกแต่ง คาดด้วยโทนสีเงิน
.
คีย์บอร์ดมีการวางปุ่มชิดติดกัน(ไม่ใช่ปุ่มลอยตามสมัยนิยม) แต่เว้นระยะห่างได้ดี แต่ถ้าถามถึงความแน่นหนา ผมว่าจุดนี้ยังคงทำได้ไม่ค่อยแน่นหนามากนัก ยังคงมีอาการยวบๆให้เห็นอยู่บ้างเล็กน้อย เวลาลงน้ำหนักลงไปบนตัวคีย์บอร์ดมากๆครับ
.
ทัชแพดขนาดใหญ่ ทำให้สะดวกใช้งานพอสมควร แต่ก็ไม่ใหญ่จนเกะกะแบบโน๊ตบุ๊กบางรุ่น และจะสังเกตเห็นสติกเกอร์ Dolby ระบบเสียงในเครื่องนี้ ผมเองกล้าพูดได้เลยว่า ถึงจะไม่ได้ดีเลิศอย่างลำโพงติดโน๊ตบุ๊กตีแบรนด์พวก Altec หรือ Harman แต่เสียงที่ได้ พบว่ามีมิติดีเวลาดูหนัง DVD ผ่านโปรแกรม Power DVD และให้รายละเอียดเสียงที่ค่อนข้างดีกว่าลำโพงที่นิยมฝังลงไปในโน๊ตบุ๊คครับ
.
ตรงจุดนี้เป็นจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือปุ่ม hot key เปิดปิดระบบต่างๆ เช่น Touchpad WiFi ระบบประหยัดพลังงาน หรือmute เสียง ก็สามารถทำได้ผ่านตรงนี้ ทำดีไซน์ออกมาได้กลมกลืนกับไฟแสดงสถานะต่างๆ ด้านซ้ายมือ
สวิชเปิดปิดแบบที่ฝังลงไปตรงก้านบานพับของบานพับแบบทรงกระบอกตามเทรนด์ที่กำลังนิยมกันช่วงนี้ครับ
.
พอร์ตเชื่อมต่อด้านหลังจะเป็นตำแหน่งของ Phone (สำหรับโมเด็ม) และช่องสำหรับต่อไฟ DC
.
ด้านซ้ายมือจะมีช่องลมระบายความร้อน DSUB HDMI พอร์ตแลน RJ45 และ USB อีกหนึ่งพอร์ต รวมไปถึงแจ๊กไมค์และหูฟัง
.
ดูเหมือนว่า USB จะมีมาให้อย่างพอเพียงจริงๆ ด้านนี้มีอีก 2 พอร์ต รวมกับอีกฝั่งเป็น 3 ส่วนไดร์ฟ DVD ก็ยังคงเป็น DVD-RW DL ธรรมดาอยู่ครับ รู้สึกมั้ยครับ ว่ามันเหมือนขาดอะไรไปอีก
.
ดูเหมือนว่าจะขาดเจ้านี่ไม่ได้ครับ มันคือ Cardreader นั่นเอง ตำแหน่งอาจจะอยู่ลึกลับสักนิดหนึ่งนะครับ โดยเจ้า Reader ตัวนี้อ่าน SD/MMC ได้เท่านั้นนะครับ
.
ฝาด้านหลังจริงๆน่าจะเปิดจนสามารถอัพเกรดMemory และ HDD ได้ แต่ติดสติกเกอร์รับประกัน ผมเลยลองเปิดอีกฝานึงออกมา (ไม่มีสติกเกอร์) ปรากฏว่าเป็น Wireless Card ของดีจาก Intel เป็น WiFi Link 5100 ครับ
แบตเตอร์รี่ 4400 มิลลิแอมป์-ชั่วโมง ซึ่งผมอยากจะบอกว่า อึดเอาเรื่องครับ (ลองคลิกไปดูหน้า 4)
.
น้ำหนักรวมแบตเตอร์รี่ 2.333 กิโลกรัม
.
รวมแบตเตอร์รี่ รวมสายชาร์จ 2.7 กิโลกรัม
.
ทดสอบจอในแต่ละมุมมอง
.
.
.
.
จอสว่างดีในระดับหนึ่ง แต่เมื่อเอนในมุมก้มเงยยังทำได้ไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่ในมุมซ้ายขวา ถือว่าทำได้ดีแล้วครับ
.
Super PI 1mb
ประสิทธิภาพใน Benchmark ตัวนี้ถือได้ว่า P7350 อยู่ในระดับรั้งท้ายของกลุ่ม Core 2 Duo ที่เป็นรุ่นปกติ (ไม่นับรวมพวก U series ที่จะประหยัดพลังงานเป็นพิเศษ) แต่ก็เร็วกว่า Pentium Dualcore T4200 อยู่ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
.
Cinebench R10
.
HDTune Benchmark (Disk Read performance)
อันนี้ก็น่าตกใจเล็กน้อย กราฟของ Acess time นั้นทำได้ดีนั่นก็คือค่อนข้างต่ำ(เข้าถึงข้อมูลได้เร็ว) สำหรับฮาร์ดดิสต์ 5400rpm คงจะเป็นเพราะใช้ฮาร์ดดิสก์จากค่าย Hitachi จึงทำให้ได้ความเร็วที่ค่อนข้างดี
Temperature torture test
ทดสอบด้วยโปรแกรม Orthos เป็นเวลาประมาณ 5 นาที ภายใต้ห้องปรับอากาศตั้งที่ 25 c จับด้วยโปรแกรม speed fan วัด Core 0 และ 1
คลิกเพื่อดู screen shot เต็ม
Full load ~ 58c
IDLE ~ 38c
Battery Time
ทดสอบด้วยโปรแกรม Batterry Eater Pro ในโหมดประหยัดพลังงาน(มีการลิมิตความเร็วซีพียูตลอดเวลา) โปรแกรมจะรันกราฟฟิค Open GL ให้ซีพียูมีโหลดต่อเนื่องและกราฟฟิคการ์ดทำงานอยู่ตลอดเวลา และปรับ Brightness จออยู่ที่ 50% ตลอดการทดสอบ
นับว่าไม่ธรรมดาครับ แบต 4400 มิลลิแอมป์ กับโน๊ตบุ๊กจอ 14 นิ้ว การ์ดจอแยก อาจจะเป็นไปได้ว่าซีพียูเป็นรุ่นเล็กอย่าง P7350 แต่ก็ถือว่าทำได้ดีครับกับระดับเวลา 3 ชั่วโมงนิดๆ
Synthetic Benchmark
Sisoft Sandra 2009
.
.
.
PCmark05
.
ผลคะแนนของ PCmark ถือว่าทำได้ดีขึ้นไปเทียบเชิงกะรุ่นพี่ได้เลยเช่นกัน แต่ถ้าสังเกตกันโดยละเอียดจะพบว่าคะแนนของ Graphics Score นั้นต่ำอยู่พอสมควร แต่ที่คะแนนไล่เลี่ยกันทั้งสามระบบ ก็เพราะว่า PCmark นั้นไม่ได้อิงคะแนนจากซีพียูและกราฟฟิคเพียงอย่างเดียว แต่ PCmark (คะแนนหลัก) จะไปอิงในส่วนของ Harddisk Access ด้วยเสียเยอะ ทำให้คะแนนไม่ต่างกันมากเท่าที่ควรครับ
.
3Dmark06
.
ในส่วนของ 3Dmark จะเห็นได้ชัดเจนว่า Geforce G105 นั้นก็ไม่ได้สามารถทำผลงานไปได้ดีกว่า Geforce 9300 ตัวเก่ามากนัก แต่ข้อดีจะอยู่ที่ทำให้ประหยัดไฟกว่า (เพราะเทคโนโลยีการผลิตใหม่กว่า)
.
.
…สุดท้ายนี้ก็คงจะเป็นกลารกล่าวสรุป Gateway NV48 นั้นเรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุกระดับ Mainstreme ที่มีการออกแบบบอดี้ที่สวย เนื้องานก็ทำได้ดีเกินราคาค่าตัวที่ไม่สูงมากนัก โดยภาพรวมยังมีจุดสังเกตอยู่บ้าง ตรงคีย์บอร์ดที่มีการยุบๆตัวลงไปได้บ้าง แต่ลูกเล่นของปุ่ม hot key ที่สวยงามหรูหราและใช้ประโยชน์ได้ Touchpadที่มีขนาดกำลังดี ในส่วนของฟีเจอร์ต่างๆถือว่ายังมีให้เล่นไม่มากนัก แต่ก็ถือว่าเพียงพอ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบเครื่องที่มีลูกเล่นหวือหวาจนใช้งานกันไม่หมด แต่ก็มีอะไรที่ได้ใช้งานจริงครบครัน เช่น HDMI หรือพอร์ตเก่าๆอย่าง RJ11 ไว้สำหรับโมเด็มก็ยังคงมีมาให้ เรื่องสุดท้ายคือ Performance ถือว่าทำได้ในระดับปานกลาง สมราคา แต่ไม่เกินราคา ที่โดดเด่นก็คือแบตเตอร์รี่ที่ใช้งานได้ยาวถึงสามชั่วโมง (ในการทดสอบ) ทำให้ดูน่าสนใจพอสมควรในสนนราคาระดับนี้
กล่าวคือทั้งหมดที่ว่ามา กับราคาตลาดประมาณ 35,000 บาท(โดยประมาณ) ท่านคิดว่าจะคุ้มหรือไม่ สุดท้ายท่านก็ต้องลองไปสัมผัส และพิจารณากันที่Shopกันเองอีกทีก็แล้วกันนะครับ
สำหรับวันนี้ก็ต้องขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
.
ขอขอบคุณ
Gateway Thailand
.
.
Special Thanks
“คุณรี” ที่สละเวลามาร่วมรีวิวและเก็บภาพกับ Gateway NV48 เครื่องนี้ครับ