Review : Microlab SOLO 7C

/ บทความโดย: Northbridge , 20/09/2009 22:29, 21,248 views / view in EnglishEN
Share

สวัสดีครับ วันนี้พักรีวิวยาวๆ มาชมรีวิวของลำโพงชุดจาก Microlab สั้นๆง่ายๆกันสักบทหนึ่งดีกว่าครับ หลายท่าน คงจะเคยได้ยินชื่อของ Microlab ในบ้านเรา ลำโพงตัวที่สร้างชื่อเสียงให้ Microlab มากที่สุดก็เห็นจะเป็นลำโพง 2.1 ที่มีราคาไม่ถึง 2 พันบาท แต่ให้คุณภาพเสียงที่ค่อนข้างดี และมีซับวูฟเฟอร์ที่ดีพอใช้ได้ หลายๆท่านคงอาจจะเคยเห็นวางขายกันให้เกลื่อนพันทิพย์ จริงๆแล้ว Microlab เป็นบริษัทจากประเทศจีนระดับพรีเมียม ที่มีชื่อโดยได้โดยหัวหน้าทีมวิศวกรออกแบบ Driver ชาวเดนมาร์ค ชื่อนาย Peter Larsen ที่ออกแบบให้ลำโพงค่ายนี้ มีชื่อมาจนถึงทุกวันนี้ครับ

สำหรับที่เราได้รับมาวันนี้ เป็นลำโพงแบบ 2 ชาแนล ขนาด Half Tower เป็นลำโพงที่มีภาคขยายภายในตัว กำลังขับ 110Watt RMS (ข้่างละ 55) ซึ่งเป็นลำโพงที่มีความก้ำกึ่งกันระหว่างความเป็นลำโพงคอม หรือจะเป็นลำโพงสำหรับระบบโฮมเทียเตอร์อยู่นิดหนึ่ง อย่างไรก็ดี เรามาดูเสป็ค และภาพรวมของตัวลำโพงกันดีกว่าครับ ด้านล่างเลย …

untitled 13 Review : Microlab SOLO 7C

ดูจากเสป็คแล้ว นับได้ว่าไม่ธรรมดาจริงๆครับสำหรับลำโพงสองชาแนล แต่ละชาแนล มีดอกลำโพงถึง 3 ดอก เป็น Tweeter Driver ขนาด 1 นิ้ว (สำหรับเสียงแหลม) และ Driver อีกสองตัวเป็นสำหรับเสียงย่านเสียงกลางและเสียงเบส โดยมีขนาดและน้ำหนัก เอาการเลยทีเดียวครับ โดยหนัก 22.4 กิโลกรัม และขนาด 220×325x558 มิลลิเมตรครับ

114 Review : Microlab SOLO 7C

มาดูหลักๆของลำโพง ถูกออกแบบอย่างเรียบง่าย เป็นกล่องสี่เหลี่ยมธรรมดาๆ วัสดุที่ใช้เป็นไม้หนาและแข็ง ผลลัพท์ที่ได้ น่าจะเป็นการออกแบบที่เน้นให้เสียงมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุดครับ โดยสิ่งที่ตามมานั้นก็คือ น้ำหนัก ที่เมื่อลำโพงทั้งสองข้างรวมกัน ก็จะมากถึง 22.4 กิโลกรัมครับ

24 Review : Microlab SOLO 7C

บริเวณด้านหน้าลำโพง เมื่อเปิดฝาครอบออกมาดู ก็จะพบ driver ขนาด 6.5 นิ้วคาดว่าจะเป็นสำหรับเสียงทุ้ม หรือไม่ก็เสียงกลางครับ

35 Review : Microlab SOLO 7C

ส่วนด้านบนนั้นจะเป็นไดร์เวอร์ขนาด 6.5 นิ้วอีกตัวหนึ่งสำหรับทุ้ม หรือกลาง และทวีตเตอร์บนสุด 1 นิ้ว สำหรับเสียงแหลม

42 Review : Microlab SOLO 7C

ด้านหน้าของตัวลำโพง มีโลโก microlab และสติกเกอร์ลายเซ็น Peter Larsen ติดอยู่ด้วยครับ

53 Review : Microlab SOLO 7C

ส่วนลำโพงข้างหลักนั้น จะมีจอ LED แบบ 7 segment สำหรับแสดงสถาละโวลุ่ม และระดับเสียงทุ้มแหลม ที่สามารถปรับเองได้ อยู่ดังภาพครับ

63 Review : Microlab SOLO 7C

ด้านหลังของลำโพงตัวหลัก (ชาแนลขวา) มี Audio Input แบบ RCA มาให้ถึงสองชุดด้วยกัน สามารถเลือกได้ครับว่าจะใช้อินพุตช่องไหน (จากตัวรีโมต) มีปุ่มหมุนปรับโวลุมมาให้ และช่องสำหรับสายสัญญาณส่งไปยังลำโพงด้านซ้าย แบบ Screw เราจะเห็นได้ว่ามีฮีทซิงค์ระบายความร้อน ของตัวภาคขยาย ติดมาให้ด้านนอกด้วย

74 Review : Microlab SOLO 7C

อันนี้เป็นรูปร่างหน้าตาของรีโมตควบคุม ตัวนี้เน้นว่า ห้ามหายนะครับ เพราะถ้าไม่มีรีโมตตัวนี้ เราจะไม่สามารถปรับเสียงทุ้ม แหลมได้เอง หรือว่าจะไม่สามารถเลือก input source ได้เลย

85 Review : Microlab SOLO 7C

มาดูขนาดของลำโพงบนโต๊ะกันครับ ขนาดระดับนี้ คงจะวางไว้บนโต๊ะทำงาน ลำบากเสียหน่อย เพราะดูขนาดแล้ว ใหญ่กว่าเคสขนาด MId tower มาตรฐานเสียอีกนะครับเนี่ย

ทดลองฟัง

ทันทีที่ผมได้รับ ผมก็ได้นำมันมาต่อเข้ากับชุดคอมพิวเตอร์ของผม ต้องยอมรับว่า ชุดทดสอบที่ผมทดลองฟังคร่าวๆนี้ ไม่ได้มีคุณภาพที่ดีอะไรมากมายนัก เป็นชุดคอมบ้านๆ กับซาวการ์ดออนบอร์ด และสายสัญญาณธรรมดาๆ เสียงที่ผมได้ิิยิน และพอจะมาเล่าให้ฟังได้ก็คือ เสียงนั้น ให้ความดังที่ดีครับ (ฮ่าๆ) เนื่องด้วยตัวลำโพงขนาดใหญ่ และภาคขยายขนาด 110 วัตต์ ให้พลังเสียงที่ดังสะใจดีมากๆเลยทีเดียว ค่าเดิมๆของตัวลำโพง หากไม่ทำการปรับ เพิ่ม หรือลดเสียงทุ้มหรือแหลม จะให้เสียงที่ติดเบสออกมามากไปสักนิดตามรสนิยมการฟังของผม แต่พอลองปรับเสียงแหลมเพิ่มขึ้นมาสัก 4 ระดับ พบว่าเสียงแหลม และเสียงกลาง จะเริ่มแสดงพลังออกมาได้มากขึ้น เรื่องของการแยกชิ้นเครื่องดนตรี พบว่าทำได้ดีเลยทีเดียวครับ เสียงเบสที่ออกมา ถ้าจะว่ากันจริงๆ ก็ดีและแสดงพลังออกมาได้ต่อเนื่องไม่แพ้ลำโพงพวก 2.1 เลยทีเดียว ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบด้วยซ้ำครับ เพราะว่าำลำโพง 2.1 นั้นจะลำบากในเรื่องของการหาที่จัดวางตัว subwoofer ถ้าวางไม่ดี เสียงเบสมันจะเหมือนกับว่า ล่องลอย สะเทือนออกมาจากอีกที่หนึ่งซึ่งผมไม่ชอบ ! ส่วนเสียงกลางและเสียงแหลม ผมก็ฟังแล้วรู้สึก สนุกไปกับเพลงได้ดีครับ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ผมเองก็คงไม่กล้าวิจาร์ณไปมากกว่านี้ เพราะว่ายอมรับเลยว่า “หูไม่ถึง” จริงๆครับ

สรุปโดยภาพรวมแล้ว SOLO7C นั้นเป็นลำโพง 2 ชาแนลที่คุ้มค่ามากตัวหนึ่ง เหมาะสำหรับการนำไปวางใช้งานในห้องรับแขกที่มีพื้นที่ไม่มากนัก หรือวางคู่กับห้องคอมพิวเตอร์ มีพื้นที่มากพอ ก็ใช้งานได้ดีเหมือนกัน กับราคาประมาณ 5000 บาท นับได้ว่าคุ้มค่าเลยทีเดียวครับ

.

ขอขอบคุณ

eXMORY

ร่วมแสดงความคิดเห็นหรือวิจารณ์ Click!!!
Bookmark บทความ : Zickr Kudd Duocore Techkr aJigg Oncake Lefthit Meetgamer Siamcollective TagToKnow Dunweb Digza