Review : MSI CX640 2nd generation intel core processor notebook
Share | Tweet |
Review : MSI CX640
…ศักราชใหม่ กับสิ่งใหม่ๆ หลังจากทีได้มีการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่จากอินเทล ด้วยโค้ดเนม “Sandy Bridge” ไปแล้วเมื่อช่วงก่อนหน้านี้ ทางด้านฝั่งของเดสก์ทอพ ก็ได้มีการโหมโรงจัดหนักรีวิวกันไปแบบยกใหญ่ ถึงวันนี้ผมก็คิดว่าน่าจะใกล้เวลาที่ Core i Gen II จากอินเทลในนาม Sandy Bridge จะได้เข้ามาโลดแล่นอยู่ในตลาดโน๊ตบุ๊กบ้านเรา และค่อยๆเฟดเอา Core i รุ่นแรกออกไปจากตลาดอย่างช้าๆ ซึ่งในวันนี้ผมก็ได้รับเครื่อง Sample unit จากทาง MSI มาทำการทดสอบ ในรุ่น CX640 ซึ่งเป็นโน๊ตบุ๊กซีรียส์มาตรฐาน จอ 15.6 นิ้ว จากทาง MSI ที่เน้นในเรื่องของราคาขายที่คุ้มค่าต่อฟีเจอร์นั้นเองครับ
*รายละเอียดเชิงเทคนิคของ CX640 ในบทความนี้ เป็นรายละเอียดเฉพาะของเครื่องที่ใช้ในการทดสอบ ซึ่้งอาจแตกต่างจากรุ่นที่ขายอยู่จริง
Processor | Intel Core i5 2410M 2.3GHz |
Chipset | Intel HM65 |
Memory | 4GB DDR3-1333MHz |
Graphics Adapter | Intel GMA HD3000 / NVIDIA GeForce GT520 |
Display | 15.6″ (1366×768) |
Harddisk | 640gb 5400rpm SATA-II |
Optical Drive | Blu-Ray + DVD-RW |
Network | Atheros IEEE802.11 N |
Connection Port | SD cardreader, USB x2, USB 3.0 x2, VGA, RJ45, HDMI |
Battery | 75Wh |
Weight | 2.5kg |
OS Bundled | N/A |
…สเป็คที่ให้มานั้นถือได้ว่าไม่ธรรมดาจริงๆครับสำหรับโน๊ตบุ๊กตระกูล C series ที่ดูเหมือนจะมีดีไซน์ที่ธรรมดาๆแบบนี้ ตั้งแต่ซีพียู Core i5 2410 ผนวกกับกราฟฟิคการ์ด GeForce GT520 และเทคโนโลยี Optimus ที่สามารถสับเปลี่ยนระหว่างกราฟฟิคชิปในตัวของซีพียู Core i5 (HD3000) กับตัว GT520 ได้ รวมไปถึงพอร์ต USB ถึง 4 พอร์ต แบ่งเป็นพอร์ต 3.0 สองพอร์ต และ 2.0 อีกสองพอร์ตด้วยกัน รวมไปถึงไดร์ฟบลูเรย์ที่มีติดมาให้แต่กำเนิด เรียกได้ว่าคุ้มค่า ครบครัน เท่าที่โน๊ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง จะมีมาให้ได้ในทุกวันนี้แล้วครับ
ดีไซน์ของ MSI C series ในรุ่นใหม่นี้ เป็นดีไซน์ที่มาในแนวเรียบง่าย และดูลงตัวในตัวมันเอง ซึ่งมองๆไปก็จะไปคล้ายๆกับแนวทางการออกแบบของซัมซุงอยู่เล็กน้อยครับ
บอดี้นั้นเน้นลายที่ทำให้ดูแล้วคล้ายกับวัสดุที่ทำจากโลหะ แท้ที่จริงแล้วมันเป็นพลาสติกชนิดผิวมันที่ถูกเก็บงานมาค่อนข้างดี คือผิวน่ะ เป็นผิวมัน แต่เท่าที่ลองสัมผัสและจับถือดูก็จะพบว่ามันไม่ลื่นจนเกินไป ไม่เงาจนเกินไป ทำให้เวลาเปื้อนรอยมือแล้วจะไม่เห็นเป็นด่างๆดวงๆจนน่าเกลียด
ฝาจอก็จะเอนได้ราวๆ 135 องศา แบบมาตรฐานโน๊ตบุ๊กทั่วๆไป
วัสดุที่ใช้จริงๆแล้วก็ดูดีพอสมควรเลยทีเดียวครับ ลำโพงก็เป็นลำโพงที่มีขนาดใหญ่ และรองรับกับระบบ SRS Surround ที่ให้มิติและรายละเอียดเสียงที่ดีกว่าลำโพงทั่วไปพอสมควร
…คีย์บอร์ดและที่รองข้อมือก็ได้รับการออกแบบมาค่อนข้างดี เท่าที่เครื่อง 15.6″ จะให้ได้ กล่าวคือเครื่องขนาดนี้ ก็จะมีข้อได้เปรียบในเรื่องของที่ว่างในการที่จะทำคีย์บอร์ดให้ดูโปร่งใช้งานได้ง่ายเหมือนกับเครื่องเดสทอพอยู่แล้ว ซึ่งจากการใช้งานก็พบว่า ยังมีปุ่มบางจุดที่มีการอัดกันอยู่มากเกินไปเช่นตรง Numpad และตรงปุ่มลูกศร เนื่องมาจากคีย์บอร์ดนั้นยังคงใช้พื้นที่ไปไม่ถึงสุดขอบของตัวเครื่องนั้นเอง ส่วนปุ่มคีย์บอร์ดแบบปุ่มยก ก็ให้สัมผัสการใช้งานที่เรียกว่า พอใช้ได้ กดแล้วก็พลอยนึกถึงปุ่มของเครื่องยี่ห้อคู่แข่งจากไต้หวันอีกเจ้าหนึ่งเหมือนกัน คือปุ่มจะมีอาการคลอนบ้่างในบางจังหวะ แต่ก็ไม่ได้สร้างความรำคาญมากจนเกินไป จังหวะกดก็สั้นๆ เบาๆ แต่ตอบสนองได้ดีครับ
ทัชแพดนั้นเป็นพื้นผิวที่มีการเก็บงานมาดูดีสวยงามพอสมควร แต่สำหรับการใช้งานจริงนั้นผมถือว่ายังต้องปรับปรุงกันบ้าง ในเรื่องของการตอบสนองที่มีหน่วงๆอยู่ และความแม่นยำในการลาก-หยุด เคอร์เซอร์ ยังไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งหากไม่คิดอะไรมาก มันสามารถที่จะเอาไว้ใช้งานแก้ขัดเวลาเอาเครื่องไปใช้ข้างนอกได้ครับ แต่ถ้าให้ดีก็คือ ใช้เมาส์ น่าจะดีต่อสุขภาพจิตของท่านผู้ใช้มากกว่า
ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งจาก MSI ในครั้งนี้ก็คือพอร์ตเชื่อมต่อครับ ที่ให้มาแบบไม่อั้นตั้งแต่ VGA , HDMI และในด้านนี้ก็จะมี USB 3.0 ให้มาอีกถึงสองพอร์ตด้วยกัน !
ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นไดร์ฟบลูเรย์ กับ USB 2.0 อีกสองพอร์ต รวมไปถึงสวิชเปิด/ปิด ดีไซน์ใหม่ สวยงาม ให้อารมณ์เหมือนปุ่มกด Start เครื่องยนต์ของรถสมัยใหม่เลยครับ
ด้านใต้ เรามาดูกันว่าจะสามารถเปิดอะไรมาดูได้บ้าง
ฝาด้านล่าง เปิดฝาเดียว งัดเครื่องได้ทั้งยวง ดังภาพเลยครับ จะเห็นได้ว่าตัวซีพียูนั้นถูกระบายความร้อนด้วยฮีทไปป์คนละชุดกันกับตัวกราฟฟิคชิป GT520 และถูกนำไปยังฟินระบายความร้อนด้านข้างเครื่องที่ใช้พัดลมร่วมกัน
แบตเตอร์รี่ถึงแม้เลข มิลลิแอมป์จะดูไม่มาก (5200) แต่ว่าสาระสำคัญนั้นไม่ได้อยู่ที่จำนวนเซลล์ หรือเลขมิลลิแอมป์ สาระสำคัญคือตัวค่า “Wh” ที่จะเป็นตัวบอกว่าแบตเตอร์รี่นั้นแท้จริงแล้วจุไฟฟ้าได้มากน้อยแค่ไหน หน่วยพลังงานไฟฟ้า อ่านว่า วัตต์.ชั่วโมง ไม่ใช่ วัตต์/ชั่วโมง ในเครื่องนี้นั้น มีมากถึง 75Wh ซึ่งถือว่ามากกว่าโน๊ตบุ๊กตลาดทั่วไปที่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ราวๆ 38-52 Wh ครับ
น้ำหนักรวมแบต 2.65 กิโลกรัม
รวมสาย adaptor แล้วจะอยู่ที่ 3.177 กิโลกรัม ถือว่าพอรับได้ครับสำหรับเครื่องขนาด 15.6 นิ้วแบบนี้
Performance
- รายละเอียดจาก CPUZ
…Core i5 2140M “Sandy Bridge” นี้ ก็จะมีรายละเอียดที่ดูเผินๆแล้วอาจจะไม่ต่างจาก i5 รุ่นเดิมสักเท่าไหร่ครับ ตั้งแต่ขนาดของ L3 cache ที่เรียกได้ว่าเท่าๆกันเลย แต่ประเด็นสำคัญหลายๆส่วนตั้งแต่เทคโนโลยี AVX รวมไปถึงการออกแบบระบบบัสภายในใหม่เกือบทั้งหมด และการผนวกเอากราฟฟิคชิปแบบอินติเกรตที่แต่เดิมนั้นจะแยก DIE กัน ใน Sandy Bridge นี้ก็จะมีการรวมเข้าไปอยู่ใน DIE เดียวกันกับซีพียู จึงทำให้มันสามารถบริหารจัดการพลังงานได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
…นอกจากนี้ Sandy Bridge จากที่ท่านจะสามารถเห็นได้จาก CPUZ หน้า CPU ว่าตัวซีพียูนั้นจะทำงานอยู่ที่ความเร็วที่สูงกว่าค่ามาตรฐานจากโรงงาน อันเป็นผลมาจากเทคโนโลยี Turbo Boost ที่จะช่วยเร่งปรับความเร็ว ให้เหมาะสมกับโหลดของงาน โดยอิงจากอุณหภูมิของตัวซีพียูเป็นหลัก ซึ่งผมจะได้สาธิตให้ดูในบทความนี้ต่อไปครับ
…Geforce GT520 นั้นเป็นกราฟฟิคที่รองรับเทคโนโลยี Optimus ที่จะเป็นตัวคอยช่วยสับเปลี่ยนตัวประมวลผลกราฟฟิค ให้เหมาะสมกับแอพพลิเคชั่นที่ใช้ โดยที่จะไม่มีอาการจอภาพมืด หรือต้องรีสตาร์ตเครื่องใหม่แต่อย่างใด ทำให้แพลตฟอร์ใหม่ของอินเทลนี้ เมื่อผนวกกับเทคโนโลยี Optimus จาก NVIDIA แล้ว จะสามารถจัดสรรพลังงานได้อย่างดีเลยทีเดียว ซึ่งเดี้ยวผมจะมาทำการทดสอบให้ดูถึงจุดแข็งหลายๆจุดของแพลตฟอร์มใหม่นี้ เมื่อจับคู่การทำงานกับ Optimus ให้ได้ชมกันครับ
สาธิตการทำงานของ Turbo Boost ใน Intel 2nd Generation Core i processor
โดยปกติแล้ว Turbo boost ของเดิมใน Intel Core i series แรกนั้น จะทำการเร่งความเร็วเข้าสู่โหมด Turbo ก็ต่อเมื่อซีพียูนั้นมี Load ไม่ครบ หรือไม่เต็ม 100% กล่าวคือ มีการทำงานแบบ Single thread (ทำงานใช้ซีพียูแค่คอร์เดียว หัวเดียว) Turbo boost ก็จะทำการเร่งความเร็วซีพียูให้ โดยอิงจากเกณฑ์ของค่า TDP หรือค่าพลังงานความร้อนสูญเสียจากตัวซีพียูเป็นหลักซึ่ง ในกรณีที่มีโหลดซีพียูทำงานเต็มครบ 100% นั้นหมายความว่าค่า TDP ที่ปล่อยออกมาที่ความเร็วที่ตั้งไว้เป็นค่าเริ่มต้น ก็จะสูงถึงเกณฑ์ จึงทำให้ซีพียูกลับมาทำงานในโหมดความเร็วค่าเริ่มต้น
แต่สำหรับ Turbo Boost ใน Gen II นี้ จะอิงการทำงานจากอุณหภูมิของซีพียูเป็นหลักครับ กล่าวคือตราบใดที่อุณหภูมิยังไม่ถึงเกณฑ์ของมัน มันก็จะยังคงทำงานอยู่ในโหมด Turbo ต่อไป โดยไม่สนว่าจะมีโหลดเต็ม 100% ทั้งสองหรือสี่หัว หรือจะมีค่า TDP เกิน
รุปภาพด้านบน ผมใช้โปรแกรม Prime 95 ทำการรัน Torture test แบบ 4 Threads หากคลิกซูมดูก็จะพบว่า ซีพียูทำงานเต็ม 100% ทั้งสี่หัว แต่ว่าความเร็วที่โชว์ใน CPUZ ก็ยังคงเป็นความเร็วที่มากกว่าค่าเริ่มต้น (2.3GHz) อยู่พอสมควรเลยทีเดียวครับ
และเมื่อสั่งให้หยุดการคำณวน ใน Worker ที่ 4 3 เพื่อให้ซีพียูทำงานเต็ม 100% แค่สองหัวก็จะพบว่า ความเร็วทำงานจริงของซีพียู เพิ่มขึ้นไปอีก 1 ตัวคูณสัญญาณนาฬิกาเลยทีเดียว ซึ่งทั้งสองรุปนี้ก็ให้ลองสังเกตดูอุณหภูมิซีพียูประกอบด้วยครับ
WinRAR
เปิด WinRAR มาก็พบว่าทำความเร็วออกมาในระดับที่น่าสนใจ เร็วกว่า Core i7 720QM ที่ทำการ Overclock แล้วเสียอีก
- Cinebench R10
Cinebench R10 คะแนนในส่วน Multi CPU ก็ทะลุ 8 พันคะแนนไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนกราฟฟิคทดสอบโดยใช้ GT520 ก็ทำคะแนนออกมาได้ดีเกินหน้าเกินตา ถึงแม้ GT520 นั้นจะถือเป็นกราฟฟิคระดับกลาง-ต่ำ ของซีรียส์ 5 แต่ก็ทำผลงานได้ดีกว่าซีรียส์ 4 อย่างชัดเจนในระดับเดียวกันครับ
Cinebench R11.5 ก็ออกมาในแนวทางเดียวกัน และคะแนน Open GL ที่แต่ก่อนเราอาจจะเคยเห็นเลข 9 - 10 FPS ในการืดจอระดับกลาง-ต่ำในโน๊ตบุ๊ก คราวนี้พุ่งมาเป็น 13Fps เลยทีเดียว ถือว่าเยี่ยมครับ
Batterry Eater (100-5%) ทดสอบในโหมดประหยัดพลังงาน
การทดสอบ ล็อคความเร็วซีพียูในโหมดประหยัดพลังงานให้ได้ความเร็วต่ำที่สุด รวมไปถึงใช้กราฟฟิคชิปภายในซีพียู (ประหยัดพลังงาน) และ ทดสอบด้วยโปรแกรม Batterry Eater ในโหมด Classic ซึ่งซีพียูและกราฟฟิคจะทำงานเต็ม 100% เวลาที่ได้ สามารถบ่งบอกได้ถึงเวลาที่สามารถนำเครื่องออกไปใช้งานในสถานการณ์จริงได้ ค่อนข้างใกล้เคียง
http://vmodtech.com/main/wp-content/uploads/northbridge/msicx640/b/3_2_2011_2/Report.html
ทดสอบ ออกได้ 5.4 ชั่วโมงเลยทีเดียวครับ สำหรับแบตเตอร์รี่ขนาด 75Wh
ในประเด็นเรื่องของแบตเตอร์รี่นั้น มันมีปัจจัยเสริมหลายประการครับ หลักๆก็คือโมเดลการทดสอบของเรานั้นเป็นการตั้งค่าในวินโดวส์ให้ใช้ความเร็วต่ำที่สุดของตัวซีพียู (ตั้งค่าไว้ที่ 50%) ซึ่งใน Sandy Bridge นี้นอกจากตัวกราฟฟิคชิปภายในของมันจะรวมอยู่ใน DIE เดียวกัน ทำให้มันประหยัดไฟมาก แล้ว ตัวไฟเลี้ยงของซีพียูก็ยังจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ เมื่อมันทำงานอยู่ที่ความเร็วต่ำๆอีกด้วย
Sisoft Sandra
PCmark 05
คะแนนระดับเกิน เกือบแตะ 7 พันแต้มไปแล้ว งาน Content creation หรือจะตัดต่อวีดีโอแนวไหน ก็ไม่มีกระตุกกันแล้ว นี่ขนาดแค่ Core i5 แบบ Dualcore + HT ธรรมดานะครับ ถ้าเป็น i7 ก็ลองจินตนาการเอาเองก่อนที่จะมีผลการทดสอบก็แล้วกัน …
3Dmark06
คะแนนแบบนี้ ก็อยู่สามารถจะเอาไปใช้เล่นเกมที่ไม่หนักมาก หรือเกมออนไลน์ได้สบายๆแล้วครับ
.
.
…จากประสิทธิภาพของ Core i5 Gen II ดังการทดสอบที่ท่านเห็นนี้ ก็ถือได้ว่าอินเทลนั้นมีพัฒนาการที่ดีพอสมควรเลยทีเดียว ในการลบข้อบกพร่องใน Core i ในรุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่ง MSI นั้นก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งค่ายที่มือไว และมีความพร้อมในการที่จะปล่อย Sample product ออกมาให้สื่อได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพกันอีกเช่นเคย
…MSI CX640 เครื่องนี้จุดเด่นนอกจากจะเป็นเรื่องประสิทธิภาพแล้ว ยังคงจะมีเรื่องของจอขนาด 15.6″ ที่ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกกว่าโน๊ตบุ๊ก 14 นิ้วทั่วๆไป รวมไปถึงดีไซน์ที่ออกแบบมาได้ค่อนข้างดี เหมาะสำหรับการใช้งานจริงๆอยู่หลายอย่าง พอร์ต USB ที่มีมาให้แบบครบๆตั้งแต่ 2.0 และ 3.0 มากถึง 4พอร์ต เท่านั้นยังไม่พอ แบตเตอร์รี่ขนาด 75Wh ที่เมื่อประกอบกับความสามารถในการจัดการพลังงานที่ดีเยี่ยมของ Sandy Bridge และเทคโนโลยี NVIDIA Optimus แล้ว ทำให้ MSI CX640 เป็นโน๊ตบุ๊กที่มีจุดแข็งแทบจะครบถ้วนรอบด้าน เหมาะสมกับการเป็นโน๊ตบุ๊กเจเนอร์เรชั่นใหม่สำหรับปี 2011 นี้จริงๆครับ ซึ่งถ้าสเป็คทั้งหมดนี้ ออกมาอยู่ในรุ่นที่ออกวางจำหน่ายจริงในท้องตลาด ผมเชื่อว่า CX640 จะเป็นตัวเลือกอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มโน๊ตบุ๊ก 15.6″ สำหรับการใช้งานแบบรอบด้านเลยทีเดียวครับ
ขอขอบคุณ MSI Thailand
fgsdfgsd