…สวัสดีท่านผู้อ่านอีกครั้งครับ วันนี้ผมก็กลับมาพร้อมกับคีย์บอร์ดรุ่นสำคัญรุ่นหนึ่งของทาง Razer ครับ นั้นก็คือ BlackWidow Ultimate ซึ่งตัวคีย์บอร์ดรุ่นนี้นั้นถูกวางตำแหน่งไว้ให้เป็นคีย์บอร์ดสำหรับเกมเมอร์ในระดับพรีเมียมในระดับหนึ่ง ที่ใช้เทคโนโลยีปุ่มกด พิเศษคือภายในปุ่ม แทนที่จะเป็นปุ่มร่องแบบ chicklet แบบที่ตอนนี้กำลังนิยมกันในโน๊ตบุ๊ก หรือเป็นแบบปุ่มยางเมมเบรน แบบคีย์บอร์ดบ้านๆทั่วๆไป เจ้า BlackWidow Ultimate ตัวนี้ ต่างไปจากคีย์บอร์ดทั้งๆไป ทั้งในเรื่องของกลไกการกดปุ่ม การเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ Anti Ghosting และมาโครคีย์ต่างๆมากมาย อย่างที่คีย์บอร์ดระดับพรีเมียมสำหรับเกมเมอร์ควรจะมี เรามาชมกันครับ

ตัวคีย์บอร์ดทำมาจากวัสดุคล้ายพลาสติก แต่แข็งแรงทนทาน และเงางามสวยดีครับ ภาพรวมการจัดวางปุ่มทั่วๆไป ดูเผินๆแล้ว ก็จะไม่มีอะไรแปลกตาไปมากนักครับ

โลโก Razer ตรงนี้ จะมีไฟแบกไลท์ส่องอยู่ด้วย ซึ่งเลื่อนลงไปดูภาพได้ด้านล่างๆของบทความนี้ครับ

…จุดเด่นอย่างแรกที่ต้องแนะนำและอธิบายให้เข้าใจกันก็คือ ระบบกลไกการกดปุ่มแบบ Mechanical Key หรือกระบวนการกดปุ่มแบบกลไก ซึ่งภายใต้ปุ่มกดหน้าตาสวยๆเหล่านี้นั้น แทนที่ภายในนั้นมันจะมีเจ้าตัวลูกยาง หรือวัสดุอะไรก็แล้วแต่ที่มีลักษณะคล้าย “Membrane” นิ่มๆใช้ในการรีบาวปุ่มขึ้นมา มันจะใช้สปริงในการรีบาวปุ่มขึ้นมาแทนนั้นเองครับ

…ซึ่งผลลัพท์ที่ได้จากการใช้เทคโนโลยีนี้ เท่าที่ผมสัมผัสและรู้สึกจากการทดลองใช้งานนั้น ก็พบว่าเสียงรบกวนจากการพิมพ์งานเอกสารต่อเนื่องกันนั้น มีเสียงรบกวนอยู่ก็จริง แต่เสียงนั้นฟังดูแล้ว ไพเราะเสนาะหูกว่าคีย์บอร์ดบ้านๆเดิมๆของ DELL ที่ผมใช้อยู่นี้มากเลยทีเดียว กล่าวคือ คีย์บอร์ดบ้านๆที่ผมใช้อยู่ เสียงปุ่มมันจะออกแนว ดังแล้วลากยาว มีเสียงพลาสติกกรอบแกรบๆ แต่สำหรับ Mechanical key ใน BlackWidow นี้ จะทำให้เกิดเสียงคลิกที่หนักแน่น เป็นเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกมั่นคงและหนักแน่นกว่าคีย์ทั่วๆไป

…การตอบสนองของปุ่มนั้น แน่นอนว่าการนำสปริงมาใช้ ทำให้ตัวปุ่มในจังหวะรีบาวนั้น มีชีวิตชีวาขึ้นมากว่าคีย์บอร์ดทั่วๆไปอยู่พอสมควร ใครที่ชอบพิมพ์งานเร็วๆ หรือเล่นเกมที่ต้องมีการใช้คีย์กดหลายๆคีย์ ทำคอมโบพร้อมกันมากๆ อาจจะพอรับรู้ความรู้สึกแตกต่างตรงนี้ได้ครับ รวมไปถึงจังหวะการกดนั้น ก็ค่อนข้างที่จะสั้นกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปอยู่พอสมควร ทำให้ถ้าหากไม่คุ้นเคย อาจจะเผลอไปกดโดนปุ่มโดยไม่ตั้งใจได้ ซึ่งสาเหต มันมีคำอธิบายอยู่จากทาง Razer อยู่แล้วด้านล่างนี้แหละครับ

…ซึ่งระบบ Mechanical Key ของ Razer นั้น Razer เคลมว่า เป็นระบบที่เกิดมาเพื่อให้ประโยชน์ต่อเกมเมอร์อย่างแท้จริง เมื่อเทียบกับคีย์บอร์ดแบบ Mechanical ทั่วไป คือใช้แรงกดที่น้อยกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปที่จะอยู่ที่ 60-80G แต่ของ BlackWidow ตัวนี้อยู่ที่ 50G และเรื่องของการตอบสนองต่อการกด ในจังหวะที่กดปุ่มลง คีย์บอร์ดทั่วไป จะยังไม่รับคำสั่ง แต่สำหรับใน BlackWidow นั้น จังหวะที่กด(ขาลง) ตัวปุ่มจะรับคำสั่งและส่งไปยังเครื่องพีซีในทันทีครับ ซึ่งแน่นอนว่า เทคโนโลยีไฮเทคขนาดนี้ ก็ยังขาดอีกข้อหนึ่งไม่ได้ก็คือเรื่องของระบบคีย์ที่มีการออกแบบให้รองรับ Anti Ghosting แล้วเรียบร้อยด้วยครับ

…การออกแบบคีย์อื่นๆมาสำหรับเกมเมอร์นั้นใน BlackWidow ตัวนี้ ก็มีการออกแบบมาได้อย่างเรียบง่ายครับ Macro Key มีมาให้ห้าปุ่ม ตั้งได้ 10 profile ซึ่งปุ่มทั้งห้าปุ่มนี้ ไม่จำเป็นจะต้องบันทึกการทำงานผ่านทางหน้าต่างไดร์เวอร์ของตัวคีย์บอร์ด เพราะในตัวคีย์บอร์ด จะมีปุ่ม record สำหรับ macrokey นี้อยู่แล้ว (อยู่ตรงปุ่ม Right ALT) ซึ่งนอกจากความสามารถในการจัดเก็บ Macro key สิบโปรไฟล์แล้ว Razer ยังมี Gaming Mode สำหรับคีย์บอร์ด ที่จะช่วยปิดการทำงานของ Windows Hot key ขณะเล่นเกมอยู่ เช่น ไม่ให้เราเผลอไปกดปุ่ม alt+tab ระหว่างเล่นเกมเป็นต้นครับ

…ดีไซน์เบ็ดเตล็ดปลีกย่อยอื่นๆก็อย่างเช่น ปุ่ม Function Key (F1 - F12) ที่สามารถทำงานได้เหมือนกับ fn key ในเครื่องโน๊ตบุ๊ก รวมไปถึงปุ่ม F1 ที่ถูกวางตำแหน่งให้เยื้องไปทางขวามือเล็กน้อย ตรงนี้ ทีมออกแบบของทาง Razer ได้ให้เหตุผลไว้ว่า เมื่อผู้เล่นกำลังใช้ปุ่ม W A S D จะได้เอื้อมขึ้นไปกดทั้ง fn key และ Fx key ได้สะดวกและง่ายขึ้นกว่าเดิมนั้นเองครับ

ภาพเมื่อไฟแบกไลท์ถูกเปิดการทำงาน ในเวลาใช้งานที่มืด ผมว่ามองเห็นแต่ละปุ่มยากไปนิดนึง แต่ก็สวยงามดีครับ

ตัวคีย์บอร์ดแสดงความเป็นคีย์บอร์ดพรีเมียมอย่างแท้จริง มีพอร์ต USB ในตัวสำหรับเสียบเมาส์ หรือแฟลชไดร์ฟง่ายๆกินพลังงานไม่สูงนักมาให้ด้วยพอร์ตหนึ่ง รวมไปถึงช่องสำหรับหูฟังและไมค์

…ทางด้านกายภาพเท่าที่เราเห็นตอนนี้คือ สายนั้นจะใช้เป็นสายถักคุณภาพดี ทนทานต่อการบิดไปบิดมาพอสมควรครับสายถักแบบนี้ ส่วนแจ๊กสำหรับหูฟังและไมค์ รวมไปถึงยูเอสบี มีการชุบทองเพื่อเพิ่มคววามสามารถในการนำไฟฟ้าที่ดีกว่า และเพื่อความสวยงามอีกด้วยครับ

…การเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB สองพอร์ตด้วยกัน ซึ่งสายเส้นหนึ่งจะทำหน้าที่รับส่งข้อมูล กับอีกเส้นหนึ่งทำหน้าที่จ่ายไฟเลี้ยงเสริม ซึ่งหากเสียบเพียงแค่สายที่เป็นสายรับส่งข้อมูลเพียงอย่างเดียว คีย์บอร์ดจะถูก detect เจอแค่ในไบออสตอนเครื่องทำการเปิดขึ้นมาเพื่อทำการ POST เท่านั้นครับ ใช้ในวินโดวส์ ผมยังไม่พบว่ามันทำได้ (หรือใครลองแล้วทำได้มาบอกผมด้วยนะ)

.

..

.

…สำหรับ BlackWidow Ultimate ก็เป็นคีย์บอร์ดสำหรับเกมเมอร์ระดับพรีเมียม ที่ผมคิดว่า ใครที่เป็นแฟนของจากแบรนด์นี้ แล้วกำลังจะมองหาคีย์บอร์ดมาใช้เสริมทัพ หรือว่ากำลังจะมองหาคีย์บอร์ดใหม่ให้เข้าชุดกับเมาส์จากค่าย Razer อยู่แล้ว ลงทุนกับคีย์บอร์ดระดับพรีเมียมแบบนี้ แล้วก็จะเข้าใจครับ ว่าทำไมมันถึงมีราคาที่แตกต่างไปจากชาวบ้านเขา งานประกอบ การบังคับควบคุม มันทำได้ดีจริงๆ ซึ่งคนที่ซีเรียสในเรื่องของจังหวะการกด ความรวดเร็วในการทำคอมโบในเกม รวมไปถึงสัมผัสที่ได้จากการพิมพ์งานอย่างต่อเนื่อง นี่คือจุดเด่นมากๆจุดหนึ่งเลยของเจ้า BlackWidow ครับ ส่วนที่ผมคิดว่าน่าจะต้องปรับปรุงก็คือ พอร์ต USB น่าจะมีมาให้มากกว่านี้หน่อยนึง กับไฟแบกไลท์ที่ผมคิดว่า มันก็สว่างแล้วนะ แต่ผมยังรู้สึกว่าในที่มืด มันก็ยังมองยากพอสมควรเหมือนกัน

.

.

สำหรับวันนี้ก็ต้องขอลาไปก่อน สวัสดี

.

ขอขอบคุณ ARC ผู้แทนจำหน่าย