Review : Samsung WB2000
Share | Tweet |
…สวัสดีครับท่านผู้อ่าน สำหรับวันนี้ในส่วนของ Gadget Review ผมก็มีอุปกรณ์ไฮเทคน่าสนใจจากค่ายผู้ผลิตอุปกรณ์จำพวก consumer electronics มานำเสนอกัน กับกล้องดิจิตอลขนาดกระทัดรัด ลูกเล่นหลากหลายจากค่าย Samsung ในรุ่น WB2000 มาให้ได้ชมกันครับ
Model/Specifications | Samsung WB2000 |
Sensor resolution | 10.2-megapixel BSI CMOS |
Lens specifications | 5x optical zoom (24-120mm F2.8-5.8) |
LCD size | 3-inch, 641k-dot AMOLED |
Max. video resolution | 1,920 x 1,080 pixels |
RAW image capture | Yes |
Shooting modes | Program, shutter priority, aperture priority, manual, auto, scene modes |
Dimension/weight | 99.3 x 58.9 x 21.6mm/TBC |
…กล้อง Samsung WB2000 นั้น เป็นกล้องคอมแพคขนาดพกพา ที่มีลูกเล่นในระดับสูงที่หลากหลายมากๆครับ คุณสมบัติพื้นฐาน ก็ให้มาอย่างเต็มที่ไม่มีกั้กกับกล้องระดับนี้ ตั้งแต่เซ็นเซอร์ CMOS ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล สามารถดัน ISO ได้ถึง 3200 เลนซ์ซูมออฟติคัล 5 เท่า ทางยาวโฟกัสเทียบกับระบบ 35mm แล้วเป็น 24-120 ครอบคลุมช่วงการใช้งานตั้งแต่ไวด์อ่อนๆ ไปจนถึงเทเลแก่ๆเลยทีเดียว และที่สำคัญ สามารถอัดวีดีโอคุณภาพสูงระดับHD 1080P ได้อีกด้วย
โดยภาพรวมนั้น ขนาดก็เล็กพอๆเท่ากับฝ่ามือ เลนซ์นั้นยื่นออกมาจากตัวกล้องอย่างพองาม ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
อีกมุมหนึ่ง จะเห็นได้ว่าตรงบริเวณด้านหน้าของกล้องจะมีแถบยางขรุขระ ทำเป็น Grip ไว้ให้จับถือได้มั่นคงยิ่งขึ้น ผิวสัมผัสนั้นจะเหมือนยางสังเคราะห์ผิวค่อนข้างแข็ง แต่ก็มีความหนืดดี
สติกเกอร์บอกสรรพคุณเรียบร้อยครบถ้วน และตัวเลนซ์ที่พิมพ์บอกว่า 4.3-21.5 นั้นคือ Focal lenght จริงๆของตัวเลนซ์ ซึ่งเมื่อแปลงมาเป็นระบบของฟิล์ม 35mm ที่เซียนๆกล้องสมัยนี้คุ้นเคยกัน(คูณ crop factor) ก็จะได้เป็น Focal lenght เป็น 24-120 ครับ และถ้าจะให้พูดเป็นภาษาชาวบ้านง่ายๆก็คือ กล้องตัวนี้ ซูมได้ 5 เท่า จากมุมรับภาพกว้างสุดนั้นเองครับ
ด้านหลังตัวกล้องก็จะพบ LCD ขนาดใหญ่ถึง 3″ แบบ AMOLED ที่เป็นเทคโนโลยีจอใหม่จากซัมซุง ที่ให้การแสดงผลที่พริ้วไหว และสีสรร สวยงามกว่าจอ TFT ทั่วๆไปมาก ใครนึกไม่ออก ลองเดินไปตามร้านขายมือถือตอนนี้ครับ ดู spot โฆษนาของ Samsung Wave นั้นแหละครับ ก็ใช้จอ AMOLED เหมือนกัน
การใช้งานจอหลังกล้องนั้น พบว่าภาพที่ถ่ายออกมา ก็จะดูหลอกๆบ้างตามสไตล์กล้องขนาดเล็กๆที่ไม่ได้เอาเป็นเอาตายเรื่องคุณภาพของไฟล์มากนัก แต่โดยรวมแล้ว ก็ยังถือว่าหลอกไม่มาก สามารถดูรายละเอียดคร่าวๆได้เช่นว่าแสง over หรือ under เกินไปหรือไม่นั้นเองครับ
ด้านบนตัวกล้อง ดีไซน์ไม่ซ้ำใคร ด้วยเกจวัดปริมาณแบตเตอร์รี่ และเนื้อที่เหลือใช้ในเมมโมรีการ์ดแบบเข็ม ส่วนที่เหลือก็เป็นแป้น Dial ขวาสุด ก็จะสามารถเลือกใช้โหมดถ่ายภาพก้าวหน้า P A S M ซึ่งจะอนุญาติให้ผู้ใช้สามารถทำการปรับเปลี่ยนค่าหลายๆอย่างได้ตามความเหมาะสมของสถานการ ส่วน Scene mode ที่เลือกใช้ตามสถานการแสง ต้องเลือกใน sub menu ในหน้าจออีกทีหนึ่ง ผ่านแป้น SCN ครับ
…แป้นควบคุมบริเวณนิ้วโป้ง ก็คล้ายๆกับกล้องคอมแพคทั่วๆไปในปัจจุบัน ต่างกันก็ตรงที่ ปุ่มควบคุมสี่ทิศทาง สามารถใช้งานเป็น Command Dial ได้เหมือนกล้อง DSLR บางรุ่น คือตัวปุ่ม สามารถหมุนๆ (เหมือนโวลุ่มไอพอด) เพื่อเปลี่ยนการตั้งค่าต่างๆได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว จากการใช้งานนั้นพบว่า จริงๆแล้วก็ยังคงมีดีเลย์อยู่บ้างครับ แต่ก็พอรับได้
…ส่วนแป้นหมุนอีกแป้นหนึ่ง จะอยู่ตรงบริเวณที่พักนิ้วโป้งด้านบน ไว้สำหรับเลือกเปลี่ยนโหมดการถ่ายภาพแบบ Burst หรือ Single แปลเป็นไทยง่ายๆก็คือ ถ่ายแบบต่อเนื่อง ถ่ายภาพเดี่ยวๆ หรือจะเลือกตั้งเวลาถ่าย ก็สามารถเลือกได้โดยตรงจากแป้นหมุนรูปทรงกระบอกด้านบนนั้นเลย โดย WB 2000 นั้นมีความสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้มากถึง 10 ภาพต่อวินาที แต่หลังจาก burst ไปแล้ว 10 ภาพ จะต้องรอเขียนไฟล์ลงเมมโมรีการ์ด อยู่สักพักหนึ่งเหมือนกันครับ
ดูความบางของตัวกล้องในมุมนี้กันบ้าง
ด้านนี้จะเป็นฝาปิดช่องสำหรับเสียบสาย USB และ HDMI สำหรับต่อแสดงผลออกทางทีวี
การใช้งาน เมนู และลูกเล่น
เปิดกล้องมา ก็จะพบกับเมนูมาตรฐาน ที่ดูใส่ใจในรายละเอียดพอสมควรครับ มีเกจวัดแสง และตัวเลขแสดงค่าแสงอย่างความเร็วชัตเตอร์ และรูรับแสงด้านล่าง
ตรงนี้คือที่ผมได้อธิบายไปในส่วนก่อนหน้านี้แล้วคือ การหมุนปุ่มทรงกระบอกตรงจุดพักนิ้วโป้ง เพื่อเลือก burst mode
ขนาดของไฟล์ภาพก็มีให้เลือกหลากหลายฟอแมตหลายขนาด ตามภาพ
การตั้งชดเชยแสง ยังคงทำได้ลำบากพอสมควร เพราะต้องกดเข้าเมนูมาก่อนถึงจะสามารถตั้งชดเชยแสงได้ ซึ่งตรงนี้สำหรับผู้ที่ชำนาญในการชดเชยและวัดแสงแล้ว ผมเสนอว่าให้ใช้ Manual mode ไปเลยดีกว่า เพราะใน Manual mode นั้นเราจะสามารถปรับค่า F-stop และ shutter speed ได้อย่างง่ายด้วยปุ่ม Command dial (แป้นหมุน) ได้เหมือนในกล้อง DSLR เลย
ISO ดันได้ถึง 3200 เดี้ยวมาดูกันครับว่าจะพอใช้ได้มั้ย
ถึงจะเป็นกล้องตัวเล็ก แต่ก็มีวัดแสงแบบจุดมาให้ด้วย น่าชื่นชมครับ
ส่วนเมนูที่อยู่ลึกกว่านั้น ก็ทำออกมาได้สวยงามมากๆ ดังภาพ ซึ่งผมคิดว่าผู้ใช้ทั่วๆไปก็๕งจะไม่ได้เข้าไปยุ่งเท่าไหร่
————————————————–
Sample Picture
ภาพนี้ถ่ายด้วยมือ ในห้องแสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์สีขาว ตั้งค่า ISO ไว้ที่ 400 ในโหมด P จะเห็นได้ว่าตัวกล้องนั้นสามารถวัดแสงเฉลี่ยได้ค่อนข้างดี และ White balance นั้นก็ทำได้ค่อนข้างดี ส่วนหนึ่งก็คงมาจากตัววัตถุที่ถ่ายนั้นไม่ค่อยจะมีสีอะไรให้ชวนปวดหัวด้วยครับ ส่วนนอยซ์นั้น ก็แทบจะหาไม่เจอ ถ้าเป็นคอมแพคยุคเมื่อ 6 ปีก่อนล่ะก็ รับรองว่าแค่ ISO400 นี่นับเม็ดกันไม่ถ้วนเลยทีเดียว
ภาพนี้ที่ ISO400 เช่นกัน จะเห็นได้ว่าพอเจอสีดำๆ ก็จะมีจุดนอยซ์แบบสีๆให้เห็นบ้างพองาม ไม่น่าเกลียดมากนัก
พบว่าในวันฟ้าหม่นแบบนี้ กล้องนั้นถูกแสงโดยรอบหลอกไปพอสมควร จนต้องไปตั้ง white balance ในตัวกล้องช่วย เพื่อให้ได้สีออกมาใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด ภาพด้านบน ถ่ายด้วย white balance แบบ Cloudy และยังคงใช้งาน ISOที่ 400 อยู่เช่นเดิม
มาลองดูสีผิวคนกันบ้างครับ … ช่วงที่ผมได้รับกล้องมาทดลองนั้น บอกตรงๆเลยว่าเสียดายมากครับ แทบจะหาวันฟ้าเปิดไม่ได้เลย แล้วภาระกิจก็เยอะมาก จึงมีภาพมาให้ได้ชมน้อยไปเสียนิดหนึ่ง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
Video Test @ 1080P (click utube HD)
วีดีโอนั้นก็ให้รายละเอียดดีเหมาะสมกับกล้องเลยครับ เสียงที่อัดก็ถือได้ว่าพอฟังเอางานเอาการใช้ได้เลยทีเดียว
————————————————–
Noise test
ISO-80
ISO-100
ISO-200
ISO-400
ISO-800
ISO-1600
.
.
.
ใใใSamsung WB2000 นั้นถือได้ว่าเป็นกล้องคอมแพคขนาดกระทัดรัด ที่มีลูกเล่นที่คนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพที่เคยใช้กล้อง DSLR มาก่อน น่าจะชื่นชอบมากเลยทีเดียวครับ ตั้งแต่การจัดเรียงปุ่ม และการเข้าถึงเมนูที่เข้าใจง่าย และรวดเร็ว เป็นมิตรกับผู้ใช้ทั้งผู้ใช้ระดับเริ่มต้นและผู้ใช้ระดับสูง คุณภาพของไฟล์นั้นก็ทำออกมาได้ในระดับที่ค่อนข้างดี ตัวกล้องนั้นก็มีดีไซน์เรียบง่าย แต่เก๋ไก๋ด้วยเกจวัดระดับแบตเตอร์รี่และระดับเมมโมรีเหลือใช้ ด้านบน ใครที่กำลังมองหากล้องคอมแพคเล็กๆ ลูกเล่นใช้งานแบบเต็มที่ และราคาไม่สูงเกินไป WB2000 ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวครับ
ใ