Review : Sony Handycam NEX VG-10E
Share | Tweet |
…สำหรับวันนี้ก็มาถึงคิวของรีวิวอุปกรณ์ หรือจะเรียกได้ว่าเป็นของเล่นราคาแพงจากโซนี่อย่าง Handycam NEX VG-10E ที่เป็นกล้องวีดีโอใหม่ที่ยังคงจะอยู่ในไลน์ของแฮนดีแคม แต่ว่าจะเข้าไปใช้งานระบบอุปกรณ์เสริมของ NEX ได้อย่าง VG-10E ตัวนี้ กล่าวคือ Handycam ตัวนี้นั้นจะเป็นกล้องวีดีโอที่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ แบบเดียวกับกล้องตระกูล NEX ของโซนี่ และใช้เลนส์ E mount นั่นเองครับ
…เริ่มต้นจากตัวกล้อง โดยภาพรวมนั้นกล้อง Handycam NEX VG-10E นั้นก็มีขนาดที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก ตามคอนเซ็ปต์ของทั้ง NEX และ Handycam เป็นขนาดที่ยังคงสามารถใช้งานกันได้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย และยังคงสามารถถือพกพาไปเที่ยวในวันหยุดได้อย่างสะดวกสบาย ในขณะที่ยังคงคุณภาพและลูกเล่นที่ดีและหลากหลายกว่ากล้องขนาดคอมแพคทั่วๆไปไว้ได้อยู่ครับ
…การถือใช้งานนั้น สามารถถือได้โดยง่าย ใช้มือเสียบเข้ากับตัวสายรัดมือที่ติดมากับตัวกล้อง ก็สามารถถือถ่ายได้ตามปกติ
…กล้อง NEX VG-10E นั้นเป็นกล้องวีดีโอขนาดเล็ก ที่มีขนาดของเซ็นเซอร์เท่ากับฟอแมต APS-C ที่เป็นมาตรฐานของกล้อง DSLR ในทุกวันนี้ ซึ่งจากข้อมูลของทางโซนี่นั้นเคลมมาครับว่าขนาด APS-C ของตัวกล้อง VG-10E นี้นั้น ใหญ่กว่าเซ็นเซอร์ของกล้องวีดีโอขนาดเล็กทั่วไปถึง 19.5 เท่า ซึ่งผลลัพท์ที่ได้ก็คือ คุณภาพของงานที่ออกมานั้นจะให้รายละเอียดสีสันที่ดีกว่า รวมไปถึงสัญญาณรบกวนที่ต่ำกว่ากล้องวีดีโอขนาดเล็กทั่วไป รวมไปทำให้ผู้ถ่ายภาพสามารถเล่นกับมิติ หรือความชัดตื้นชัดลึก (ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ) ได้อีกด้วย
…โดยตัว Handycam NEX VG-10E ตัวนี้ จะใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ Exmor CMOS ที่เป็นเทคโนโลยีการออกแบบ CMOS ล่าสุดของโซนี่ ที่ช่วยลดสัญญาณรบกวนและเพิ่มประสิทธิภาพของตัวเซ็นเซอร์ ในขณะที่ยังคงให้ความละเอียดในระดับสูง โดยในตัว VG-10E นี้ ในโหมดภาพนิ่ง สามารถให้ความละเอียดได้มากถึง 14 ล้านพิกเซล และ วีดีโอ สามารถถ่ายได้ในระดับ 24mbps 1080 หรือในระดับ Full HD และยังสามารถเร่งความไวแสงได้มากถึงระดับ ISO 12800 อีกด้วย
…ตัวกล้องนั้นสามารถถอดเปลี่ยนได้ โดยใช้แปลนเมาท์แบบ Sony E-Mount ที่ใช้ร่วมกันกับกล้อง NEX ทั้งสองรุ่นก่อนหน้านี้ รองรับระบบ Auto Focus แบบ 25 จุด แบบ Contrast AF ในการถ่ายภาพนิ่ง และนอกจากนี้ ยังรองรับเลนส์จากกล้องตระกูล Alpha และ Minolta A mount ได้โดยผ่านตัวแปลงที่ต้องซื้อแยกต่างหาก โดยหากนำเลนส์ Alpha หรือ Minolta A mount มาใช้แล้วนั้น จะไม่สามารถใช้งานระบบ Auto Focus ได้
…ซึ่งผลลัพท์จากการที่มันสามารถเปลี่ยนเลนส์ได้นี้เอง จึงทำให้ NEX VG-10E นั้นเป็นกล้องวีดีโอขนาดเล็ก ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับกล้องวีดีโอระดับมืออาชีพ ในขนาดและราคาที่เล็กกว่านั้นเองครับ ซึ่งรายละเอียดลูกเล่น สำหรับท่านที่เคยถ่ายภาพด้วยกล้อง DSLR ก็คงพอจะทราบกันว่ากล้องที่เปลี่ยนเลนส์ได้ สามารถเปลี่ยนเลือกเอาเลนส์สำหรับการถ่ายภาพเฉพาะทาง หรือเลนส์ที่มีคุณสมบัติพิเศษในแบบต่างๆมาใช้สร้างสรรค์ผลงานได้มากมาย
…ตัวกล้องดีไซน์มาให้มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป ในขณะเดียวกัน ก็ยังต้องคงไว้ซึ่งฟีเจอร์การใช้งานแบบมืออาชีพ อย่างเช่นช่องมองภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) ด้านบน ที่สามารถพับขึ้นได้แบบในรูปภาพด้านบน สำหรับงานที่ต้องใช้งานกล้องวีดีโอบนขาตั้งกล้อง และตัวช่างภาพเองต้องยืนถ่ายงานอยู่ตลอดเวลา การพับช่องมองภาพขึ้นแบบนี้ก็ช่วยให้ทำงานได้สะดวกขึ้นพอสมควรเลยทีเดียว
…แปลนเมาท์เลนส์ที่เมื่อติดตั้งเลนส์คิตที่แถมมากับตัวกล้องไปบวกกับใส่ Hood ให้เรียบร้อย ก็ทำให้ตัวกล้องดูมีขนาดใหญ่และบึกบึนขึ้นมาพอสมควรเหมือนกันครับ และเมื่อไมโครโฟนถูกติดตั้งตัวกันลมไปแล้ว ก็ยิ่งทำให้ดูน่าสนใจขึ้นมาถนัดตา
…ไมค์โครโฟนติดในตัวกล้องนั้น ก็เป็นไมค์ชั้นดีพอสมควรเลยครับ รองรับการอัดเสียงมาตรฐาน Dolby Digital 7.1 กันเลยทีเดียว
…ด้านขวามือของตัวกล้อง ที่จะเป็นพื้นที่สำหรับการจับถือหลัก ก็จะเป็นวัสดุยางสังเคราะห์ที่จับค่อนข้างถนัดมือ แต่จะมีอารมณ์แข็งๆอยู่บ้าง ไม่เหมือนยางในกล้อง DSLR รุ่นใหญ่ๆ ที่แบบนั้นจะเป็นยางที่จับสบาย แต่เปื่อยง่าย
…ใต้ฝาปิดฝาแรก ก็จะมีพอร์ต USB 2.0 สำหรับเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ และ HDMI Out สำหรับต่อแสดงผลออกทางขอ LCD TV ได้โดยตรง
…บริเวณด้านบนตรงส่วนนี้ จะเป็นช่องไว้สำหรับต่อสัญญาณเสียงเข้าอัดโดยตรง ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานกับไมโครโฟนไร้สายของโซนี่เองเพื่อใช้ในการถ่ายรายการได้เช่นกัน
…NEX VG-10E นั้นรองรับทั้งการถ่ายภาพเคลื่อนไหว และภาพนิ่งที่ค่อนข้างสมบูรณ์เลยครับ โดยที่หัวกล้องนั้นก็จะมี Hot shoe มาตรฐานของ Sony หรือจะใส่กับแฟลชMinolta เก่าๆก็ได้ (อันสีดำ) ส่วนอันสีเงิน ก็จะเป็น Hot shoe แบบมาตรฐาน ที่มีไว้สำหรับติดตั้งอุปกรณ์เสริมอื่นๆ แต่ไม่รองรับการสั่งยิงแฟลชแบบ Manual ใน Hot shoe สีเงินนะครับ ถ้าจะใช้แฟลช ก็ต้องไปที่อันสีดำเท่านั้น
…ในส่วนของเมมโมรีนั้น ตัวกล้อง VG-10E นั้นก็รองรับทั้งเมมโมรีแบบ SD card แบบมาตรฐาน และ Memory Stick Pro duo ซึ่งในการใช้งานจริง ผู้ที่เคยใช้กล้องฮาร์ดดิส หรือกล้อง DV มา ก็คงจะรู้สึกแปลกไปในความรู้สึกสักนิดหนึ่งครับ แต่เรื่องของความจุนั้น ทุกวันนี้เทคโนโลยีของ SD card และ Memory stick นั้นไปไกลมากๆแล้ว ชนิดที่ว่า 16gb นั้นก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่แปลก ดังนั้นวางใจได้ครับ
…จอภาพขนาด 3 นิ้ว สำหรับพรีวิวดูงาน และสำหรับการถ่ายวีดีโอและภาพนิ่ง ให้ความคมชัดที่ดี สีสันตรงกับไฟล์วิดีโอที่ถ่ายมาไม่หลอกตา ตัวจอสามารถพับหมุนได้ 180 องศา สำหรับการถ่ายภาพในมุมก้มและเงย แต่จะไม่สามารถพับกลับไปด้านหน้ากล้องเหมือนในกล้องระดับ Consumer เล็กๆได้ เพราะว่าผู้ใช้กล้อง NEX VG-10E ก็คงจะไม่ได้มีอารมณ์มาสนุกกับการ self portrait สักเท่าไหร่เป็นแน่
…ด้านหลังตัวกล้องนั้นจะเป็นช่องบรรจุแบตเตอร์รี่ ที่สามารถสไลด์ล็อคได้อย่างแน่นหนาและง่ายดาย สามารถถอดเปลี่ยนได้เร็ว ส่วนบริเวณปุ่มควบคุมนั้น ก็จะมีสวิชเปิดปิดกล้อง พร้อมล็อคสีเขียว ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานในนาทีเร่งด่วน เพราะเพียงแต่ดันปุ่มเปิด นิ้วโป้งก็จะพร้อมอยู่ที่ปุ่ม record สีแดง ทันที ส่วน Mode นั้นมีไว้สำหรับปรับเลือกว่าจะใช้การถ่ายภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหว
…แบตเตอร์รี่ขนาดมาตรฐาน ก็จะเป็นอันซ้ายมือครับ ที่แถมมากับตัวกล้อง ส่วนอันขวามือ จะเป็นแบตเตอร์รี่เสริมที่ผมได้มาทดลองใช้งาน ซึ่งจากการทดลองใช้งานในเวลาหนึ่งวันนั้น ผมได้ใช้แบตเตอร์รี่เสริมที่มีขนาดใหญ่กว่าแบตมาตรฐาน ก็พบว่า สามารถใช้งานทั้งถ่ายวีดีโอและภาพนิ่ง คู่ๆกันไปได้ทั้งวัน โดยที่แบตเตอร์รี่ลดลงมาประมาณ 60% ซึ่งก็ถือว่าการบริหารจัดการการใช้พลังงานนั้น อยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียวครับ
…สำหรับการถ่ายภาพนิ่ง จะใช้ปุ่มชัตเตอร์แยกออกมาอีกปุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นชัตเตอร์แบบสองจังหวะ กดครึ่งแรก จะเป็นการล็อคโฟกัส ครึ่งหลัง ถึงจะเป็นการถ่ายภาพจริงๆ ซึ่งการใช้งานนั้นผมก็พบว่าสามารถกดได้สะดวกดี เมื่อทำการสอดฝ่ามือเข้ามาประคองกล้อง ตัวปุ่มนี้ จะพอดีกับนิ้วชี้ของคนส่วนใหญ่ และตัวปุ่ม record ก็จะพอดีกับนิ้วโป้งของคนส่วนใหญ่ในทันที
…ภายในชุดที่วางขายจริงนั้น ก็จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ดังภาพเลยครับ ตั้งแต่ตัวกล้องพร้อมเลนส์ 18-200 E mount นอกจากที่ที่น่าสนใจก็คือ มีชุด AC Adaptor ติดมาให้สำหรับการตั้งถ่ายต่อเนื่องโดยต่อใช้งานไฟบ้านเข้าตัวกล้องอีกด้วย เรียกได้ว่า ซื้อชุดเดียว ก็แทบจะเอาไปใช้ทำรายการทีวี ทั้งระดับมือสมัครเล่น และมืออาชีพที่มีทุนสร้างไม่สูงนักได้สบาย
…รูปร่างเลนส์ครอบจักรวาล ที่สามารถใช้ถ่ายได้แทบจะครบทุกช่วง ตั้งแต่ Wide อ่อนๆ ไปจนถึง Tele นิดๆ อย่าง 18-200 ตัวใหม่นี้ ก็ให้คุณภาพที่ดีเหลือเชื่อครับ อ้อ ตัวเลนส์ใช้ฟิลเตอร์ขนาด 67 มิลลิเมตรนะครับ ซึ่งขนาดประมาณนี้ ก็สามารถหาฟิลเตอร์โพรเทค ใส่ได้สบายๆอย่างไม่ยากเย็นแน่ๆ
ตัวเลนส์เมื่อซูมสุดแล้ว ก็ถือได้ว่ายาวพอสมควร จากช่วงที่ค่อนข้างที่จะครอบจักรวาลของมัน
…การใช้งานนั้น ผมจะขอเริ่มจากการกด และเข้าถึงโหมดการถ่ายภาพ และการปรับตั้งค่าแบบง่ายๆก่อน ซึ่งในส่วนนี้ ก็คงจะไม่ละเอียดมากนัก เพราะรายละเอียดทั้งหมดสำหรับตัวกล้อง ก็น่าจะสามารถเปิดหาอ่านได้จากคู่มืออยู่แล้ว
…การใช้งานปุ่มควบคุมนั้น เอาเข้าจริงแล้ว ก็ต้องใช้ความพยายามในการกดสักเล็กน้อยครับปุ่มกดก็มีมาให้มากพอที่กล้องวีดีโอตัวแบบแฮนดีแคมตัวหนึ่งควรจะมี ตัวเมนูและการปรับเปลี่ยนค่านั้น สามารถใช้ Dial ปรับหมุนได้เหมือนกับกล้อง DSLR ราคาแพงๆ ซึ่งก็ทำได้สะดวกดี รวมไปถึงสิ่งที่ค่อนข้างสำคัญมากในการถ่ายวีดีโออย่าง White balance ก็มีปุ่มให้กดปรับ Gain และ WB กันได้โดยตรงเลย ส่วนปุ่มอื่นๆเช่นการปรับชดเชยแสง และโหมดวัดแสง ก็จะเป็นปุ่มรอง (ลูกศรชี้ลง) ส่วนปุ่ม FOCUS นั้นก็จะมีเอาไว้สำหรับเลือกระบบการโฟกัส ว่าจะเป็น Auto focus หรือ manual focus
…เปิดมาที่โหมดการถ่ายภาพนิ่ง ตัวกล้องแสดงภาพพร้อมจุดโฟกัส และค่าแสงต่างๆได้ โดยการถ่ายภาพนิ่งนั้นมีโหมด P A S M ที่ผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพน่าจะทราบกันดีเราจะสังเกตได้ว่า ในโหมดการถ่ายภาพนิ่งนั้น มีตัวเลือก ให้เลือกปรับค่ากันมากมาย ทั้ง ISO ความเร็วชัตเตอร์ รูรับแสง ไวท์บาลานซ์หรือโหมดโฟกัสสำหรับระบบ Auto focus แบบ 25 จุด ใหได้เลือกตั้งค่ากัน และยังรองรับทั้งการโฟกัสแบบครั้งเดียว (AF-S) และ AF-C สำหรับการโฟกัสแบบติดตามวัตถุอีกด้วย
…ภาพด้านบนนี้จะเป็นในส่วนของโหมดถ่ายภาพวีดีโอ จะสังเกตได้ว่า ยังคงมีค่าเกี่ยวกับการถ่ายภาพนิ่ง ปรากฏอยู่บ้าง แต่โหมดโฟกัสละเอียดๆนั้นจะหายไป เหลือไว้แต่เพียงให้เลือก Auto Focus หรือ Manual Focus และค่า ISO ก็ไม่ปรากฏให้เห็นกันในโหมดวีดีโอด้วย
…ในการทดสอบการใช้งานจริง ทางทีมงานก็ได้รับชุดไมโครโฟนไร้สายแบบ Bluetooth มาร่วมใช้งานกับตัวกล้อง VG-10E ด้วยครับ
…ชุดไมโครโฟน ประกอบไปด้วยภาครับส่ง และตัวไมโครโฟน โดยชุดรับส่งจะต่อเข้ากับตัวกล้องด้วยสาย Audio ธรรมดา และจะ pair กับตัวไมค์โครโฟนไร้สาย ที่ใช้แหล่งพลังงานจากแบตเตอร์รี่แบบ AAA ซึ่งคลิปวีดีโอตัวอย่าง ก็จะใช้ตัว Wireless Microphone ตัวนี้ด้วย
Sample Photo
…ภาพสามารถคลิกดูขนาดเต็ม 14 ล้านพิกเซลได้ด้านบนนะครับ โดยภาพนี้เป็นภาพที่ถ่ายด้วยสภาพแสงส่องเข้าจากทางด้านซ้ายมือ เป็นแดดตอนบ่ายๆ แต่ถ่ายด้วยค่า ISO 3200 ซึ่งจะสังเกตได้เลยว่าผลลัพท์ที่ได้นั้น ภาพออกมายังคงสีสันสวยงามสดใส และรายละเอียดยังคงชัดเจน แทบจะไม่ปรากฏ noise และ grain ให้เห็นเลย
…ส่วนสามภาพด้านบนนี้ เป็นภาพที่ถ่ายภายใต้แสงแดดยามบ่าย ที่ฝนทำท่าตั้งเค้าจะตกลงมา แต่ใช้ ISO ต่ำหน่อยครับคือ 400 ก็ให้สีสันที่สวยงาม แม้อยู่ภายใต้สภาวะแสงที่ค่อนข้างมัวหม่น นอกจากนี้เรายังจะสังเกตเห็นได้ว่า ระยะชัดที่ค่อนข้างน้อย (หน้าชัด หลังเบลอ) เป็นผลพลอยได้มาจากเซ็นเซอร์ขนาด APS-C ของตัวกล้องวีดีโอตัวนี้ ที่มีขนาดเท่ากับกล้อง DSLR มาตรฐาน ทำให้ภาพที่ออกมานั้นดูมีมิติที่สวยงามแทบจะเหมือนกับกล้อง DSLR ทั่วไปเลยทีเดียว โดยท่านสามารถคลิกขยายดูไฟล์จริงได้ที่ภาพด้านบน
…ภายใต้สภาพแสงที่ซับซ้อน ดังภาพด้านบน ระบบ Auto White balance นั้นก็อาจจะมีอาการมึนงงได้บ้างเล็กน้อยครับ เป็นเรื่องปกติของทั้งกล้องวีดีโอและ DSLR ปกติทั่วไป ซึ่งสิ่งที่น่าประทับใจก็คือ ถึงแม้แสงจะน้อย จนเหลือแค่หลอดไฟแบบ Incandescent แค่สามหรือสี่ดวง ตัวกล้องก็ยังสามารถจับภาพได้ ในภาพนี้ผมเพียงแค่เร่ง ISO ไปที่ 3200 เท่านั้นครับ Noise นี่แทบจะต้องเพ่งมองกันนานสักหน่อย กว่าจะหาเจอ
ภาพด้านบนก็ ISO 3200 เช่นกัน ลองคลิกดูรายละเอียดของตัวหุ่นช้างเอราวัณดูนะครับ
Sample Video
Vmodtech ชวนชิม from northbridge on Vimeo.
อย่าลืมกดที่ปุ่ม HD เพื่อดูไฟล์วีดีโอที่สมบูรณ์แบบด้วยนะครับ
…จากการได้นำกล้องวีดีโอออกไปใช้งานเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม ทีมงานก็ได้มีโอกาสได้ทดลองทำรายการกึ่งสารคดี พาเที่ยวชวนชิมกันไปตามเรื่องตามราวครับ ซึ่งตัวกล้อง Handycam NEX VG-10E นั้นก็ทำผลงานออกมาได้น่าสนใจ น่าสนใจกว่ากล้องแฮนดี้แคมเล็กๆทั่วไปตรงที่ตัววีดีโอที่ออกมานั้น นอกจากจะสามารถชมได้ที่ความละเอียด 1080p แล้ว ยังให้มิติและสีสันของภาพที่ดีกว่ากล้องตัวเล็กๆทั่วไปอีกด้วย แต่จะมีปัญหาในบางช่วงของการถ่ายทำก็ตรงที่ระบบ Auto Focus ของโหมดถ่ายภาพวีดีโอ จะพยายามโฟกัสเข้าที่ตรงกลางภาพตลอดเวลา ซึ่งการแก้ไขปัญหาที่น่าจะง่ายที่สุดก็คือการเปลี่ยนไปใช้ Manual Focus ซึ่งทางผู้ถ่ายเองก็ไม่ได้มีความชำนาญทางด้านการถ่าวีดีโอมาก่อน จึงไม่สามารถใช้งานระบบ Focus แบบ Manual ได้ เพราะการถ่ายภาพในสถานที่จริงด้วย Manual Focus นั้น ต้องใช้ความชำนาญในการถ่ายพอสมควร
…การถ่ายวีดีโอในสภาพแสงน้อยๆนั้นก็เป็นไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะฉากในร้านอาหาร ช่วง นาทีที่ 7.21 ที่แสงไฟโดยรอบนั้น ส่องเข้ามาแบบสลัวๆ แต่ตัวกล้องก็ยังคงสามารถที่จะถ่ายออกมาให้เห็นตัวคนได้อย่างชัดเจน และสัญญาณรบกวนก็ค่อนข้างต่ำมาก สีสันที่ได้จากการถ่าย อยากจะให้ลองดูฉากที่ถ่ายตอนพิธีกร พาไปไหว้พระ (1.00) ฉากนั้นน่าจะเป็นฉากที่สภาพแสงเอื้ออำนวยมากที่สุดเท่าที่พอจะหาได้ในวันที่ทางทีมงานออกไปถ่ายทำกัน
.
.
.
…สำหรับรีวิวกล้อง Handycam NEX VG-10E นั้นก็คงจะต้องจบไว้แต่เพียงเท่านี้ บทสรุปของตัวกล้อง NEX VG-10E นั้น น่าจะกล่าวได้ว่า เป็นกล้องวีดีโอขนาดพกพาที่ผมคิดว่าคนทั้งโลกน่าจะเรียกติดปากกันว่า แฮนดีแคม กันไปเสียแล้ว ที่มีลูกเล่นที่น่าสนใจ ยืดหยุ่น ให้คุณภาพของภาพที่ดีทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว ให้มิติของภาพที่ดีคล้ายกล้อง DSLR ในบอดี้กล้องวีดีโอแบบนี้ เรียกได้ว่า ถ้าจะหาสินค้าแบรนด์อื่นมาเปรียบเทียบ ก็คงจะยังไม่มีในตอนนี้
…จุดอ่อนของกล้องตัวนี้ ถึงแม้ว่าดูๆไปแล้ว น่าจะมีความดี เกทับไปเสียหมด แต่ก็ยังคงมีบ้าง เช่นปุ่มกดที่อาจจะมีน้อยเกินไปสำหรับงานมืออาชีพ หรือแม้กระทั่งระบบโฟกัส ที่ดูเหมือนว่าจะมีลูกเล่นให้เลือกเยอะในโหมดถ่ายภาพนิ่ง แต่ในโหมดภาพเคลื่อนไหว ดูเหมือนจะจงใจบีบบังคับเราให้ไปใช้ Manual Focus เสียจะดีกว่า ซึ่งนอกจากนี้แล้ว ผมเองก็ยังคงนึกไม่ออกเช่นกันว่า จะหาข้อเสียอะไรของเจ้ากล้องตัวนี้ออกมาบอกกันอีก
.
.
.
ขอขอบคุณ Sony Thai
.
Special Thanks
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สมุทรปราการ
PaRaNoid
2jz_turbo
ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูหน้าวัดกลาง
ร้านไอศกรีมเจ๊หุย
ร้านโรตีโอ่ง หน้าตลาดใหม่ทุ่งครุ
ร้านชูบาชาบู โคโควอล์ค (รถไฟฟ้าราชเทวี)