…สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ กลับมาพบกันอีกแล้ว สำหรับวันนี้ก็พักเรื่องของโน๊ตบุ๊กกันไว้บ้าง แล้วก็มาพบกับหูฟังดีไซน์สุดแนว สีสรรสดใส ในตระกูล Sony PIIQ ซึ่งวันนี้ก็จะมีทั้งหมดสามรุ่นด้วยกันครับ ซึ่งเราจะมาเริ่มจาก PQ1 ซึ่งเป็นหูฟังในตระกูล PIIQ ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวที่มีขนาดใหญ่โตที่สุดในตระกูลแล้ว เราลองมาดูกันครับ

PQ1 ตัวที่ผมได้มานั้นเป็นสีโทนชมพู ดำ เป็นหูฟังขนาดครอบหูแบบเต็มขนาด ดีไซน์โดดเด่นเอาเรื่องเลยทีเดียว

วัสดุที่ใช้นั้นทำมาจากพลาสติกและเนื้อผ้าอย่างดี ให้สัมผัสที่นุ่มนิ่ม และหรูหรามากพอสมควรเลยทีเดียว

แม้กระทั่งด้านบนก็ยังคงใช้วัสดุเป็นผ้าเนื้อนุ่มไม่แข็งจนเกินไป ทำเป็นลวดลายสวยงามน่าใช้งานเลยทีเดียวครับ

สัมผัสของส่วนที่สัมผัสกับหูและแก้มของเรา ก็ทำออกมาได้สบายๆ และดีมากๆเลยทีเดียวครับ ใช้แล้วไม่รู้สึกอับจนเกินไป ถือว่าดีกว่าหูฟังแบบครอบหูหลายๆตัวที่ผมเคยทดลองมา ตำแหน่งของตัวลำโพงข้างในนั้นก็มีการเอียงเข้าหาหู

นอกจากนี้ตัวหูฟังนั้นสามารถถอดสายสัญญาณที่มีความยาวถึง 1.2 เมตรออกได้อีกด้วยครับ ซึ่งถือได้ว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่งถ้ากรณีที่เราต้องการจะขยับไปเล่นสายสัญญาณดีๆกว่าของมาตรฐาน หรือกรณีสายหักใน ก็ไม่ต้องถอดฝาออกมาบัดกรีสายใหม่ให้มากเรื่อง

ทดลองฟัง

…เนื่องจากส่วนตัวแล้วต้องยอมรับว่าผมไม่มีประสบการณ์ในเรื่องของเครื่องเสียงมากนักครับ จะนำประสบการณ์ที่ฟังที่ผ่านๆมา มาเล่าให้ฟังเท่าที่จะทำได้ก็แล้วกัน การทดลองฟังผมใช้ iPod Touch 4 ฟังกับไฟล์ที่แปลงมาจาก MP3 320kbps กับ พวก FLAC ทั้งหลายนะครับ ก็คือในตัว PQ1 นี้ผมเห็นว่า เป็นหูฟังที่ดี ! ครับ หนักไปทางด้านเบส ที่นุ่มลึกได้เรื่องพอสมควรเลยทีเดียว แต่ฟังๆไปบางมุมก็จะรู้สึกว่าเสียงมันแข็งๆบ้างเล็กน้อย แต่รายละเอียดเสียงอื่นๆนั้นก็ถือได้ว่าทำได้ดี สมราคาค่าตัว และสมกับความเป็นโซนี่จริงๆครับ และด้วยการดีไซน์หูฟังให้มีลักษณะครอบหู และโปร่งสบาย ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนเฮดเซ็ตหลายๆรุ่นที่มักจะมีปัญหากับหูของผม แต่ก็นั้นแหละครับ ความรู้สึกโปร่งโล่ง ก็มีคนที่นั่งใกล้ๆกัน ทักมาเหมือนกันว่า หูฟังตัวนี้ มีเสียงรั่วรบกวนคนบริเวณรอบๆอยู่เล็กน้อยเหมือนกันครับ

MDR PQ2

สำหรับตัว PQ2 นี้ก็จะเป็นตัวที่มีขนาดนั้นเล็กลงมาจาก PQ1 อีกระดับหนึ่งครับ ขนาดพอที่จะไว้ครอบหูได้ แต่ก็ไม่ใหญ่มากเหมือนตัว PQ1 พกพาได้สะดวกกว่ากันเยอะครับ

ตัวถังนั้นก็ยังคงเป็นพลาสติกหุ้มด้วยผ้าและฟองน้ำคุณภาพดี สีสรร สวยงามสะใจเด็กแนวแน่นอนตามสไตล์ PIIQ ครับ

ที่ครอบหูนั้นก็ยังคงคุณภาพที่ดีตามแบบฉบับของโซนี่สัมผัสนุ่มหูใช้ได้ครับ แต่ว่าค่อนข้างจะอับไปสักหน่อย

…PQ2 นั้นยังคงสไตล์เดียวกับรุ่นพี่อย่าง PQ1 ครับ คือหนักไปทางเบสเสียเยอะ ในเรื่องของรายละเอียดของเสียงนั้นก็ถือได้ว่าลดหลั่นไปตามราคาเล็กน้อยครับ คือในย่านเสียงที่เป็นเสียงคนร้องนั้นเสียงจะมีพร่าๆบ้างในบางที แต่ถ้าไม่ฟังแบบจับผิดอะไร ก็ถือได้ว่าคุณภาพเกินร้อย ประกอบกับขนาดที่กำลังดี ทำให้ผมในฐานะผู้ฟังนั้นรู้สึกใกล้ชิดกับแหล่งกำเหนิดเสียงมากขึ้นกว่าหูฟังตัวใหญ่ๆครับ โดยส่วนตัวแล้วผมจะชอบ PQ2 มากกว่า PQ1 เสียด้วยซ้ำ ซึ่งโดยภาพรวมนั้นผมให้เลยว่า เกินราคาแน่นอนครับ PQ2 นั้นราคาประมาณ 18xx เท่านั้นเอง

MDR-PQ3

ส่วนของ PQ3 นั้นก็จะเป็นหูฟังครอบหูอีกตัวหนึ่งครับที่มีไซส์เล็กลงไปอีก ก็คือตัวก้านนั้นจะเป็นก้านบางๆธรรมดา ไม่มีผ้าหุ้ม แต่ยังคงให้สัมผัสที่นิ่มนวล และดีไซน์ก็ยังคงเก๋เหมือนๆกับ PIIQ รุ่นอื่นๆเช่นเดิม

ตัวหูฟังนั้นถ้าพูดถึงเรื่องวัสดุผมคิดว่าค่อนข้างจะธรรมดาๆครับ แต่ถ้าหากได้ลองสัมผัสดูแล้วก็จะพบว่า วัสดุที่ใช้ถึงแม้ว่าจะทำออกมาให้ดูธรรมดาๆ(ท่ามกลางสีสรรที่แสบสรวง) แต่คุณภาพนั้นก็ยังคงความเป็นโซนี่ไว้ไม่มีเสื่อมคลาย

ขนาดนั้นค่อนข้างเล็ก และเบากว่า PQ1 และ PQ2 อยู่มากเลยทีเดียวครับ

วัสดุที่ใช้นั้นคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ดีสมกับเป็นโซนี่ ตัวข้อหูฟังก็หักได้ 90 องศา แต่ที่น่าเป็นห่วงใน PIIQ ทุกรุ่นก็คือเรื่องของการรักษาความสะอาด ที่ผมว่าวัสดุแบบนี้ น่าจะเลอะคราบเหงื่อไคลได้ง่ายๆไปหน่อย

ทดลองฟัง

คุณภาพของเสียงที่ออกมาก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีตามสไตล์หูฟังแบรนด์เนมแบบนี้แหละครับ สไตล์ของเสียงใน PQ3 นั้นจะออกมาแนวกลางๆ คือไม่มีย่านไหนที่ฟังแล้วรู้สึกว่าเด่นออกมาเป็นพิเศษ เรื่องของมิติของเสียงนั้นก็ทำได้ตามขนาด และระดับของมันครับ คือเรียกได้ว่ายังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เอาไว้ใช้ฟังเพลงหรือเล่นเกมธรรมดาๆ ก็เรียกได้ว่าใช้งานได้ดี แต่ถ้าจะให้เอาไปดูหนัง ก็คงจะไม่เหมาะนัก

.

.

สำหรับ PIIQ ทั้งสามตัวนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นหูฟังที่มีดีไซน์ที่ดูดีและสวยอยู่มากๆเลยทีเดียวครับ การดีไซน์และคุณภาพของวัสดุที่ใช้ก็เป็นจุดแข็ง รวมไปถึงคุณภาพเสียง ที่มีทั้งชื่อโซนี่มาการันตี และเสียงที่ฟังได้จริงๆ ก็อยู่ในระดับที่ถือว่าดีมากเลยทีเดียวในความคิดของผม ข้อเสียอย่างหนึ่งที่ผมเองคิดว่าน่าจะเป็นปัญหาในระยะยาวก็คือเรื่องของการดูแลรักษาให้ตัวหูฟังมีสภาพใหม่ดูแล้วน่าใช้ไปตลอด ก็คือตัวหูฟังอาจจะเปรอะรอยมือ คราบดำๆได้ง่ายกว่าหูฟังปกติเสียหน่อย

.

.

ขอขอบคุณ Sony Thai