Review : Sony VAIO Duo 11 SVD11215CHB
Share | Tweet |
Review : Sony VAIO Duo
…สวัสดี กันอีกครั้ง ผมเองได้อัพเดตบทความเป็นผลิตภัณฑ์จากโซนี่ ติดกันสองอันเลย ซึ่งครั้งนี้วันนี้ก็เป็นคู่หูของ VAIO Tap (ที่เรียกว่าคู่หูเพราะมันเปิดตัวไล่ๆกัน) นั้นก็คือเจ้า VAIO DUO ซึ่งน่าจะเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากผลพวงของเทรนด์ของระบบปฏิบัติ การ Windows 8 อีกนั้นแหละครับ เราจะเรียก VAIO Duo กันว่ามันคือ Convertible Ultrabook แต่มันไม่ใช่ Convertible แบบที่เราคุ้นเคยกันในสมัยก่อนที่เราจะเห็นตัวโน๊ตบุ๊ก สามารถพับจอกลับมาเป็นแท็บเล็ตได้ เพราะในกรณีของ VAIO Duo นั้นรูปทรงมันจะมาในรูปแบบของ Tablet และสามารถยกจอขึ้นมาพร้อมคีย์บอร์ดขนาดพอประมาณ ให้เป็นเครื่องนั่งใช้งานได้ในตัวเดียวกัน
Processor | Intel Core i5 3317U |
Chipset | Intel HM76 |
Memory | 4GB DDR3-1600MHz |
Graphics Adapter | Intel HD4000 |
Display | 11.6″ Touch Screen Capacitive 1920×1080px |
Harddisk | SSD 128GB |
Optical Drive | N/A |
Network | Centrino Wireless-N 6235 (Wireless N 2.4+5GHz) and Gigabit Ethernet |
Connection Port | USB3.0×2 ,HDMI,Cardreader, LAN, DSUB |
Battery | UNKNOWN |
Weight | 1.3Kg |
OS Bundled | Windows 8 Single Language |
…ซี พียู Core i5 ในรุ่น Generation ที่ 3 ในรุ่น 3317 ที่จะพบว่าเป็นรุ่นประหยัดพลังงานพิเศษ (เลขรุ่นลงท้ายด้วย 7) กราฟฟิคอินติเกรต HD4000 ซึ่งก็แน่นอนว่านี่คือสเป็คที่ควรจะเป็นของอัลตราบุค ตลอดจนฮาร์ดไดร์ฟแบบ SSD 128GB !!..ในรายละเอียดส่วนใหญ่ ทั้งหมดทั้งปวงนั้น ผมสะดุดที่หน้าจอขนาด 11.6 นิ้ว ที่มีความละเอียดถึง 1920×1080px ซึ่งเรียกได้ว่าละเอียดมาก สำหรับจอขนาดเล็กแบบนี้ และตัวการ์ดไวเรสนั้นก็เป็นของดีอย่าง Intel Centrino Advance Wireless N 6235 ที่รองรับการทำงานทั้งกับ Wireless N 2.4 และ 5 GHz ที่จะกลายมาเป็นมาตรฐานในอนาคตอันใกล้นี้ครับ
…ครั้ง แรกที่แกะหีบห่อและยกเครื่องขึ้นมาดู ก็พบว่าลักษณะนั้นเหมือนกับแท็บเล็ตที่เราคุ้นเคยกันครับ แต่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก คือ 1.3 กิโลกรัม ความรู้สึกที่ได้จับเครื่องนั้นก็เรียกได้ว่า รู้สึกได้ถึงความพิถีพิถันในการประกอบพอสมควร วัสดุที่ใช้ผมเข้าใจว่าในโครงสร้างเครื่องน่าจะเป็นพวกอะลูมิเนียมประกอบ อยู่ด้วยกับพลาสติกในหลายๆส่วนครับ
หน้า จอขนาด 11.6 ที่รองรับการทัชได้ถึง 10 จุด พร้อมกับปุ่ม Start สำหรับเรียกหน้า Metro ขึ้นมา ปุ่มที่ว่านั้นเป็นปุ่ม hard key นะครับ คือกดแล้วจะดังแก่กๆๆ ไม่ใช่ปุ่มทัช หรือซอฟท์คีย์
…ตัว เครื่องนั้นมีความบางอยู่ในเกณฑ์ที่ผมขอเรียกว่าพอประมาณ คือถ้านำไปใช้งานเป็นแบบแท็บเล็ตเลยเนี่ย ผมถือว่ามันหนาพอสมควร แต่ก็ไม่ทำให้รู้สึกรำคาญมากนัก แต่ถ้านำไปใช้งานเป็นแล็ปท็อป ซึ่งก็ต้องลองดูสภาพตอนที่มันกลายร่างกลายเป็นแล็บทอป ก็มีขนาดเล็กกระทัดรัดดี เรียกได้ว่า พกไปใช้งานทำงานได้ทั้งวัน โดยที่ไม่รู้สึกเลยว่าพกโน๊ตบุ๊กที่มีซีพียูสมรรถนะสูงมาอยู่ในขนาดเพียงแค่ นี้
…ผม เคยอ่านรีวิวของสื่อเมืองนอกเขาบอกว่า สมัยก่อนเรามักจะตื่นเต้นกับกราฟฟิคชิปที่สามารถเปลี่ยนไปมาระหว่างตัวออ นบอร์ด กับตัวชิปแยกสมรรถนะสูงได้ ! ทริคแบบนั้น กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับโน๊ตบุ๊กทุกวันนี้ สิ่งที่กำลังจะมาเป็นเทรนด์ใหม่ คือทริคที่ผู้ผลิตเล่นแร่แปรธาตุ ให้โน๊ตบุ๊ก กลายร่างเป็นแท็บเล็ต หรือแท็บเล็ต กลายร่างเป็นโนีตบุ๊กได้ อย่างที่โซนี่ก็ทำออกมาใน VAIO Duo 11 เครื่องนี้แหละครับ โซนี่เรียกการออกแบบของพวกเขาว่า Surf Slider ซึ่งอ่านชื่อแล้วผมก็นึกถึง เหมือนการโต้คลื่น อะไรสักอย่าง … แต่ก็นั้นแหละครับ Surf Slider ก็มีการออกแบบให้มีลักษณะการใช้งานดังภาพที่ท่านเห็น คือหน้าจอ จะสามารถกางสไลด์ขึ้นมา ทำมุมราว 45องศา รับกับการวางลงบนโต๊ะทำงาน พร้อมมีคีย์บอร์ดขนาดพอดีมือ แสดงออกมาให้เราใช้งานได้
…ดู กลไกของการสไลด์กางจอขึ้นมา ก็พบว่าแข็งแรงแน่นหนาดี ชิ้นส่วนที่นำมาทำเป็นกลไก จะได้ยินเสียงเหมือนดัง แคร๊ก นึง เวลาที่เราจับมันสไลด์ขึ้น ซึ่งก็น่าจะเข้าใจได้ว่าเป็นวัสดุโลหะที่มีความทนทานพอสมควร ข้อเสียของเจ้าจอที่กางขึ้นมาได้แบบนี้คือ มันจะไม่สามารถปรับองศาจอให้ก้มหรือเงยได้ตามใจเรานักครับ แต่จริงๆแล้วก็ไม่น่าจะเป็นอะไรเพราะจอตัวนี้มีมุมมองการรับภาพที่อยู่ใน เกณฑ์ที่ดีมากอยู่แล้ว จอพอกางสุด จอก็จะล็อคเข้ากับกระเดื่อง ดัง กึก เบาๆ ซึ่งกระเดื่องล็อคที่ว่า ก็ไม่ได้ล็อคจนแน่นมากนัก ทำให้การปลดเพื่อกับเก็บลงเป็นแท็บเล็ตทำได้ง่ายและคล่องตัว แต่อาจจะน่าเป็นห่วงเวลาที่เรายกจอขึ้น แล้วถือเครื่องแกว่งไปแกว่งมาในเวลาใช้งานนั้นแหละครับ จอมันจะเคลื่อนๆเหมือนจะขยับๆเลื่อนลงเลื่อนขึ้นได้บ้าง กลไกในการดันเครื่องขึ้นนั้น ส่องๆดูก็จะพบว่าเป็นสปริงนะครับ
…ตัว แขนที่ใช้เป็นบานพับนั้นจับๆดูเข้าใจว่าน่าจะทำมาจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ หรือวัสดุในแนวๆนั้น ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร เอาเป็นว่ามันให้สัมผัสที่ดี และดูสวยงามเมื่อยกขึ้นมาแล้ว จะเห็นตรา VAIO อันเป็นเอกลักษณ์ขึ้นมาหราเลยครับ แล้วก็จะพบโลโก ULTRABOOK INSPIRED BY INTEL อยู่ด้านหลังจอ
พอร์ต เชื่อมต่อ ก็เรียกได้ว่าทำออกมาครบครันจนน่าตกใจ กับเครื่องที่เหมือนจะเป็น Convertible เล็กๆแบบนี้ เพราะมี RJ45 มาให้ด้วย ในจุดนี้ และก็จะมองเห็นว่าภายในนั้นใช้ฮีทซิงค์ครีบระบายความร้อนทองแดง และใช้พัดลมเป่าลม เสียงรบกวนขณะทำงาน มีให้ได้ยินบ้างตามประสาโน๊ตบุ๊กทั่วไปครับ ไม่ดังมากนัก
…ข้าง ซ้ายตัวเครื่องจะเห็นว่ามีพอร์ต DSUB เต็มขนาดไม่ต้องใช้หัวแปลงอะไรติดมาให้ พร้อมกับช่องเสียบหูฟังที่รองรับระบบ Noise Canceling ของทางโซนี่ ตลอดจนการ์ดรีดเดอร์ที่อ่านได้ตั้งแต่ SD และ MS Pro-Duo
ส่วน อีกด้านหนึ่งก็จะมี USB3.0 สองพอร์ต พอร์ตหนึ่งเป็นพอร์ตที่สามารถใช้ชาร์จไฟได้ขณะที่ไม่ได้เปิดเครื่องอยู่ และพอร์ต HDMI ไซส์ปกติเลยครับ
ใน ส่วนของระบบตัดเสียงรบกวนที่มีมาให้ ผมเข้าใจว่ามันจะทำงานร่วมกับตัวไมโครโฟนที่คอยจับเสียงรบกวนบริเวณรอบๆ และกลไกภายในเครื่อง VAIO เครื่องนี้จะทำการสร้างสัญญาณเสียงที่มาหักล้างกับเสียงรบกวนดังกล่าว ทำให้สามารถตัดเสียงรบกวนที่ไม่ต้องการออกไปได้ครับ
…หู ฟังที่ให้มานั้นก็มีคุณภาพเสียงที่ดีพอสมควร นิสัยมันเท่าที่ฟังคร่าวๆสไตล์ผมคือไม่ยังไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ เพราะเสียงเหมือนจะไปเทอยู่ในย่านกลางและย่านเสียงทุ้มมาก เบสดีครับ แต่ผมดันไม่ชอบเบส เลยรู้สึกเฉยๆกับมัน … ซึ่งตรงนี้ผมให้รายละเอียดมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะว่าไม่เชี่ยวชาญเรื่องเครื่องเสียงเท่าไรนักครับ
อีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือมีปากกาแถมมาให้ด้วยครับ ปากกานี้ ทำหน้าที่ในการขีดๆเขียนๆ หรือจิ้มเคอร์เซอร์ได้เพียงเท่านั้น ไม่สามารถจับ scroll ได้ ซึ่งความแม่นยำนั้นจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเหมือนปากการาคาแพงเลยทีเดียวครับ เหมาะสำหรับหน้าจอที่มีความหนาแน่นของพิกเซลมากๆแบบนี้ ตัวด้ามทำจากอะลูมิเนียม และต้องใส่แบตเตอร์รี ในการใช้งาน มีน้ำหนักพอประมาณ แต่เสียอย่างเดียวตรงที่ไม่สามารถสอดเก็บเข้ากับตัวเครือ่งได้ ถ้าจะพกก็ต้องร้อยเชือกผูกไว้กับอะไรสักอย่าง อย่าเงดียว ซึ่งก็น่ากลัวหายเหมือนกันครับ
…ปุ่ม ปรับโวลุม และปุ่มเปิดปิดการทำ auto rotate หน้าจอ วางมาอยู่ในตำแหน่งที่กดได้ลำบากพอสมควร จุดนี้ควรปรับปรุงในรุ่นต่อไป ส่วนปุ่ม assist ก็จะเหมือนกับไวโอ้ทั่วๆไปคือใช้เรียกโปรแกรม VAIO Care ขึ้น
ผม ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทดสอบกล้องที่ติดมากับเครื่องพวกนี้นัก แต่จากการที่ได้ลองถ่ายภาพในห้องรกๆของตัวเอง แล้วก็พบว่า คุณภาพนั้นยังอยู่ในเกณฑ์แค่พอถ่ายได้ ไม่ได้ดีอย่างที่หวังไว้ครับ ส่วนจุกลูกยางที่เห็นอยู่ในภาพนี้ สามารถดึงออกมาตั้งเป็นขาตั้ง เพิ่มมุมเอียงรับกับการใช้งานพิมพ์ในโหมดโน๊ตบุ๊คได้
คีย์บอร์ด มีปุ่มมาให้ครบเท่าที่โน๊ตบุ๊กเครื่องหนึ่งควรจะมี และมีขนาดที่ดูแล้วไม่น่าจะเหมาะสมกับการใช้งานป็นเวลานานๆ แต่เอาเข้าจริงแล้ว ผมเข้าใจว่าโซนี่พยายามออกแบบมาให้ดีที่สุด เพื่อให้มันสะดวกต่อการใช้งาน ซึ่งผมเองเท่าที่ทดลองใช้ก็พบว่าไม่รู้สึกรำคาญอะไรมากนักกับขนาดที่ถูกบีบ มาให้เล็กเท่านี้ แต่ถ้าใช้พิมพ์อะไรไปนานๆก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ สิ่งที่ผมชอบก็คือตัวปุ่มเนี่ย ถึงแม้ว่าจะมีจังหวะการกดที่ห้วนๆสั้นๆ ปุ่มก็ค่อนข้างเตี้ยพอสมควร แต่ว่ามันให้น้ำหนักในการกดที่ดีกว่าที่คาด กดแล้วจะรู้สึกดังคลิกๆ เวลาที่เราวางนิ้วในลักษณะของพิมพ์ดีด (นิ้วชี้ลงหาแป้น ไม่ใช่วางราบไปกับแป้น) จะให้ความรู้สึกที่หนักแน่นดีพอสมควร เรียกได้ว่าปรับน้ำหนักปุ่มมาได้ดีกว่าที่คาด ด้วยข้อจำกัดของปุ่มที่มีจังหวะการกดที่ไม่ลึกนักแบบนี้
ทัช แพด หรือแทรคแพด ตัวนี้ ไม่มีครับ … แต่มันจะเป็นลักษณะของ Optical Trackpad แทน ใครที่เคยใช้โน๊ตบุ๊กธุรกิจกันนั้นน่าจะพอนึกออก การใช้งานนั้นจะไม่เหมือนกับก้านโยกของพวกโน๊ตบุ๊กธุรกิจไปเสียทีเดียว เพราะจะใช้ลักษณะการสัมผัส เลื่อนๆเคอร์เซอร์เอา (แบบแป้นของ Blackberry) ซึ่งสามารถใช้งานได้ดีครับ ผมชอบแบบนี้มากกว่าแบบก้านโยกเสียอีก และมันสามารถใช้ดับเบิลคลิก หรือทำคลิกซ้ายได้ด้วยบนตัว pad ส่วนปุ่มคลิกซ้าย ปุ่ม scroll และคลิกขวาก็มีมาให้ในตำแหน่งด้านล่างปุ่ม space bar
Performance
- รายละเอียดเครื่อง
…เรา ลองมาตรวจสอบรายละเอียดเครื่องด้วยโปรแกรม CPUZ ก็จะพบว่าซีพียูตัวนี้เป็น i5 3317U แน่ล่ะครับ หลายๆท่านคงจะคุ้นเคยมันในฐานะที่เป็นขุมพลังประจำในอัลตราบุคระดับเมนสตรีม เสียส่วนใหญ่ เพราะมันคือซีพียู i5 ในรุ่นประหยัดพลังงานนั้นเอง เมมโมรีก็มีมาให้ 4GB แบบซิงเกิลชาแนล ตลอดจนกราฟฟิคอินติเกรตมาตรฐาน HD4000
Super PI 1M
…การ ทดสอบ Super PI 1M ที่เหล่าโอเวอร์คลอกเกอร์รู้จักกันดี ก็ทำเวลาได้ราว 15 วินาที ซึ่งก็ถือว่าปกติสำหรับ i5 รุ่นนี้ที่จะทำเวลาได้อยู่ในห้วงราวๆ 14-15 วินาทีครับ
Cinebench R10
Cinebench R11.5
…
การ ทดสอบในโปรแกรม Cinebench ก็พบว่าทำคะแนนซีพียูออกมาได้ในระดับที่เกาะกลุ่มกับ Core i5 ทั่วๆไป หลายๆท่านก็คงจะเห็นผลทดสอบอัลตราบุคในระดับที่เป็น i5 มาแล้ว บอกได้เลยครับว่าคะแนน ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ใช้งานจริงๆได้ลื่นไหลสบายมาก
AIDA64 Benchmark
CACHE & MEMORY BENCHMARK
DISK BENCHMARK
…การ ทดสอบฮาร์ดดิสก์ ทำได้เร็วพอสมควรเลยทีเดียวกับอัตตราการอ่านในระดับ 500mb/s ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นมาตรฐานของ SSD ระดับ mainstreme ค่อนไปทาง high-end ในตลาดทุกวันนี้ครับ
PCMark 05
…ส่วน คะแนน PCmark 05 ก็มีแนวโน้มที่จะพุ่งแรงแซงเครื่องที่ใช้ HDD ธรรมดา ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนครับว่าคะแนนของ PCmark จะสะท้อนให้เห็นถึงความลื่นไหลในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี เพราะในการทดสอบ PCmark เนี่ยมันจะมีการจำลองการใช้งานในชีวิตประจำวัน พวกเปิดหน้าเว็บ หรือเรียกโปรแกรมต่างๆขึ้นมารันพร้อมๆกันครับ
3Dmark06
3Dmark 11
…ส่วน คะแนน 3Dmark ทั้งสองรุ่นนั้นก็ทำออกมาได้ในเกณฑ์ที่เครื่องระดับนี้ควรจะทำได้ซึ่งคะแนน แบบนี้ ผมก็เห็นจนคุ้นชินตาไปแล้ว ไม่ใช่อะไรแปลกครับ การใช้งานเล่นเกมสำหรับเครื่องที่ได้คะแนนระดับนี้ก็คงจะสามารถนำไปใช้เล่น เกมยุคสัก 2-3 ปีก่อนได้ลื่นไหล และเกมในปัจจุบันก็น่าจะพอเล่นได้ในระดับที่กลางๆ
.
ส่งท้าย …VAIO Duo 11 นั้นเป็นอีกหนึ่ง Convertible Ultrabook หรือท่านใดจะเรียกเป็น Laptop Notebook อะไรก็ตามทีนะครับ เป็นเจ้าที่เลือกใช้กระบวนวิธีในการพับเก็บจอแบบสไลด์ ซึ่งส่งผลให้เครื่องนั้นสามารถถ่วงดุลความคล่องตัวในการใช้งานในรูปแบบของ Tablet กับ Metro UI กับการใช้งานแนวๆงานนั่งโต๊ะได้ดีในระดับหนึ่งเลย และยังทำให้สามารถบรรจุเอาซีพียูและฮาร์ดแวร์สมรรถนะสูงต่างๆไว้ได้ใน เครื่องที่มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไปได้อีกด้วย
การใช้งานนั้นผมขอสรุปให้ เข้าใจง่ายๆว่า มันคล่องตัวเหมือน Tablet และหลากหลายเหมือน Laptop PC ทั่วไปเลยทีเดียวครับ ที่ว่าคล่องตัวคือความรวดเร็วในการบู้ตเครื่อง และ resume จาก sleep mode ซึ่งทำได้เร็วด้วยฮาร์ดไดร์ฟแบบ SSD ซึ่งตรงนี้มันเป็นข้อกำหนดของ Ultrabook จากอินเทลอยู่แล้ว การมีหน้าจอทัชสกรีน แล้วแถมกับปากกา stylus ทำให้การใช้งานในโหมด Tablet ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การจิ้มๆถูๆไถๆ เล่นเกม แต่ยังสามารถใช้ทำงานจริงๆได้
และ เมื่อกางจอขึ้นมานั่งทำงานแบบ PC ขุมพลังภายในของมันก็สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้ดี ด้วยความเร็วของฮาร์ดไดร์ฟแบบ SSD และคะแนนผลการทดสอบที่ทำได้ดีตามที่เราหวังๆกันไว้จากซีพียู Core i5 ส่วนคีย์บอร์ดนั้นทีแรกผมไม่ได้คาดหวังอะไรไว้มากนัก แต่พอมาใช้งานจริงๆแล้วก็พบว่ามันสามารถใช้งานได้ง่ายและดีกว่าที่คาดไว้มาก เลยทีเดียว แต่ระวังไว้ให้ดีครับ แบตเตอร์รี่ที่ติดมาเนี่ย เท่าที่ผมลองใช้งาน มันไม่อึดเหมือนกับพวกแท็บเล็ตที่เป็นแอนดรอยด์นักครับ ใช้งานต่อเนื่อง 3-5 ชั่วโมงเนี่ย แบตเตอร์รี่หมดเกลี้ยงแน่นอน และถ้าใช้งาน productivity หนักๆ แบตเตอร์รี่ก็น่าจะหมดลงเร็วกว่านี้แน่นอน ซึ่งก็ถือว่าเป็น trade off กันไปครับสำหรับเรื่องของความสามารถในการใช้งานที่หลากหลาย ก็อาจจะต้องแลกมากับข้อเสียเรื่องนี้
งานประกอบโดยรวมๆก็เรียกได้ว่าเรียบร้อยดีมาก ให้ความรู้สึกเป็น premium feeling ได้ดีครับ
ซึ่ง ข้อเสียเล็กๆน้อยๆหลายๆจุด ที่อาจจะทำให้ผมรู้สึกขัดใจก็คงจะมีไม่กี่เรื่อง อย่างเช่นเรื่องของปุ่มโวลุมและปุ่มล็อคการหมุนของจอ ที่ไปอยู่ในตำแหน่งที่คลำหาได้ยาก ตัวปากกา stylus ที่ทีแรกคิดว่ามัน cool สุดๆแล้วทั้งเรื่องงานประกอบ ความว่องไวและแม่นยำในการจิ้ม และมีน้ำหนักในการจิ้ม แต่ดันไม่มีช่องไว้สำหรับเก็บปาากาในตัวเครื่อง อันนี้ก็น่าเสียดาย ส่วนเรื่องสุดท้ายคงเป็นเรื่องที่ผมไมได้พูดถึงในส่วนกลางบทความนั้นคือระบบ หมุนหน้าจออัตโนมัตินั้น มันจะไม่ปิดการทำงานเอง เมื่อเราสไลด์เครื่องขึ้นมาเป็นแบบ laptop ทำให้บางทีถ้าเราขยับเครื่องไปๆมาๆ ในขณะที่ยังกางคีย์บอร์ดอยู่ หน้าจอก็จะกลับไปกลับมาตามเหมือนกัน ตรงนี้เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ผมคิดว่ามันยังไม่สมบูรณ์ แต่ไม่ใช่สาระสำคัญอะไรนักครับ
.
.