Review : Sony Walkman Z series (Z1050)
Share | Tweet |
…มาถึงในส่วของการใช้งานในฐานะที่ Walkman Z series ของเรานั้นเป็น Android Device ทั่วๆไปครับ โดยรวมแล้วผมถือว่าอินเตอร์เฟสต่างๆนั้นสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างลื่นไหล ตอบสนองต่อการทัชได้ในขั้นดีมาก ! การตอบสนองดังกล่าวไม่ใช่เฉพาะแอพเล่นเพลงของ Walkman เอง แต่รวมถึงหน้าจอของ Android ด้วยครับ ในภาพนั้นจะเห็นว่า Widget ต่างๆสามารถปรับตั้งค่าได้ตามใจชอบเหมือนกับแอนดรอยทั่วๆไป
…หากสังเกตดีดีก็จะพบว่า Widget สำหรับจัดการเปิดปิดระบบต่างๆในเครือ่งก็จะมีตั้งแต่ Wireless Lan, Bluetooth, GPS, Data และอันสุดท้ายจะเป็นปุ่มสำหรับปรับความสว่างของ backlight ที่การกด 1 ครั้งคือการเปลี่ยนระดับความสว่าง สามารถเปลี่ยนได้ 3 ระดับด้วยกัน
…การใช้งานนั้นสามารถใช้บริการดาวโหลดแอพอย่าง Play Store ของ Google และ Sync กับแอกเคาท์ของ Google ได้ตามปกติเลยครับ นอกจากนี้ยังสามารถใช้บริการ NVIDIA Tegra Zone ในฐานะที่ Z series เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ซีพียู Tegra 2 ได้อีกด้วย
ผมทดลองเปิดหน้าเว็บของเรา ก็พบว่าซีพียู Tegra 2 นั้นทำหน้าที่ของมันได้ดีตามที่เราได้เคยสัมผัสกันมาหลายครั้งแล้ว ทั้งในงาน showcase ต่างๆและอุปกรณ์หลายๆตัวที่ใช้ซีพียูตัวนี้
การ browse หน้าเว็บโดยรวมแล้วทำได้อย่างลื่นไหลครับถึงแม้จะมีสคริปต์ ajax ต่างๆมากๆมาย หรือแม้กระทั่ง Adobe Flash ก็สามารถแสดงผลได้ (แต่ไม่ครบทุกตัว) ซึ่งนอกจาก flash แล้วก็ยังมีอีกเทรนด์หนึ่งก็คือ HTML5 ก็รองรับแล้วเช่นกัน
ส่วนแอพโซเชียลเนทเวิร์คต่างๆนั้นก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ และลื่นไหลดีมากๆเหมือนกับอินเตอร์เฟสส่วนอื่นๆ เบื้องหลังความลื่นไหลคงจะต้องยกความดีให้กับซีพียู Tegra 2 ที่ถึงแม้ว่าจะเปิดตัวมานานและทุกวันนี้มี Tegra 3 ออกมาแล้ว แต่เมื่อเทียบกับซีพียูหลายๆรุ่นที่อยู่ใน Android Device ทุกวันนี้ มันก็ยังจัดได้ว่าเป็นซีพียูที่มีความเร็วอยู่มากครับ
แน่นอนว่านอกจาก Google Play Store แล้ว Walkman Z series ยังสามารถเข้าไปใช้บริการของ NVIDIA Tegra Zone ได้อีกด้วย ในภาพนั้นเป็นเกม Fruit Ninja THD (Tegra Optimized HD version) เล่นในจอขนาด 4.3 นิ้ว ก็ทำให้ผมฟันคอมโบได้เร็วดีกว่าพวกเครื่อง tablet ใหญ่ๆพอสมควรเลยครับ
เกมเด็ดๆอีกเกมอย่าง GTA 3 ที่มีรายละเอียดเนื้อเรื่องเหมือนๆกับที่หลายๆท่านเคยเล่นใน PC ก็ถูกพอร์ตลงมาบน Tegra Devices เรียบร้อยนานมากแล้ว ก่อนนี้ผมเคยเล่นแต่บน Tegra 3 แต่พอมาอยู่ในเครื่อง Walkman ที่เป็น Tegra 2 เครื่องนี้ก็พบว่าความลื่นไหล แทบจะไม่ต่างกันเลยครับ โดยรวมๆแล้วก็ถือว่าถึงแม้ Tegra 2 จะเป็นซีพียูที่น่าจะเรียกได้ว่ามีอายุแล้ว แต่ก็ยังถือได้ว่าทรงประสิทธิภาพอยู่มากเลยทีเดียว
ทดลองดูวีดีโอ HD ความละเอียด 720P บนหน้าจอก็พบว่าลื่นไหลดีไม่มีสะดุดครับ ซึ่งจริงๆแล้ว Tegra 2 นั้นทาง NVIDIA ก็เคลมว่าสามารถเล่นวีดีโอละเอียดได้ถึง 1080P ทำให้พอร์ต HDMI ที่ติดมากับเครื่อง ดูมีคุณค่าขึ้นมาถนัดตาเลยทีเดียว
.
.
…ผมเองก็รีวิวในส่วนของลูกเล่นต่างๆและความสามารถในเชิงที่มันเป็น Android device ไปเสียจนลืมว่า คนที่จะซื้อ Z series คงต้องเป็นกลุ่มที่รักการฟังเพลง หรือเผลอๆอาจจะเป็น Audiophile เสียด้วยซ้ำ ส่วนตัวแล้วผมไม่สามารถอธิบายอะไรเกี่ยวกับเสียงได้อย่างชัดเจนมาก จึงจะขอกล่าวแต่เพียงคร่าวๆ เสียงเท่าที่ฟังนั้นก็พบว่าจากที่เคยใช้งาน ipod touch มาแบบผ่านๆ เสียงใน Walkman Z นี้จะมีลักษณะที่คมและโฟกัสมากกว่าเพื่อน ชุดหูฟังที่แถมติดมากับตัวเครื่องนั้นทำหน้าที่ของมันได้ดี มีเบสออกมาให้ได้ฟังกันแบบหอมปากหอมคอ ซึ่งผมชอบเสียงเบสที่ไม่มากเกินไปแบบนี้อยู่แล้ว โดยรวมๆแล้วก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ฟังแล้วรู้สึกว่าเป็นพรีเมียมจริงๆครับ ไม่กิ๊กก๊อกแน่นอน โซนี่เรียกส่วน amplifier ของเขาว่า S-Master MX หูฟังที่แถมมาให้นั้นการสวมใส่ หากเลือกชุดยาง (buds) ให้เหมาะสมกับขนาดรูหูแล้วล่ะก็จะพบว่ามันสามารถสวมใส่ได้อย่างสบาย ไม่อึดอัด และสามารถทำให้เสียงที่ปล่อยเข้ารูหูเรานั้นดูมีโฟกัสที่ดีมากเลยทีเดียว
…แบตเตอร์รี่ เท่าที่เปิดใช้งานดู พบว่าอึดกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปอยู่ในระดับหนึ่ง ในกรณีที่เปิดๆปิดๆ WiFi นะครับ อันนี้คือการใช้งานบราวซ์เว็บทั่วๆไป ประกอบกับฟังเพลง แบตอยู่ได้ราวๆ 12 ชั่วโมงก็จะเริ่มเตือนใกล้หมด แต่ถ้าหากเล่นเกมหนักๆอย่างตอนที่ผมได้เครื่องมา พบว่าตัวเองติด GTA 3 ในเครื่องนี้มาก ราวๆสองสามชั่วโมง ก็พบว่าแบตเตอร์รี่ก็จะเริ่มอ่อนแรงลงมากแล้วล่ะครับ
…เท่าที่ทดลองเปิดเว็บ store ของทางโซนี่อเมริกา ราคาขายของเขาจะอยู่ที่ราวๆ 280 ดอลล่าสหรัฐ ซึ่งตีเป็นเงินไทยน่าจะราวๆ 8 พันกว่าบาท กับขนาด 16GB ซึ่งหลายๆคนจะมองว่ามันแพงไปสักนิดหนึ่ง สำหรับเครื่องเล่นเพลงหนึ่งเครื่อง แต่ถ้าหากมองกันด้วยแก่นสารจริงๆแล้ว Walkman Z series ให้อะไรได้มากกว่าความเป็น Walkman แน่นอนด้วยความที่เป็นแพลตฟอร์ม Android และมีซีพียูที่ทรงพลัง ดังที่ผมได้สาธิตให้ดูในรีวิวนี้ ประกอบกับหน้าจอขนาดมหึมา ผมคิดว่าน่าจะเหมาะกับคนที่ยังไม่มีสมาร์ทโฟนใช้ แล้วยังคงยืนยันอยากที่จะใช้ฟีเจอร์โฟนต่อไป แล้วอยากได้อุปกรณ์ขนาดพกพาไว้เล่นเกมหรือใช้งานแบบที่คนใช้ smartphone เขาใช้กัน
…นอกจากเรื่องราคา ผมอยากเสียดายที่มันไม่มีกล้องถ่ายรูปครับ ถึงจะเข้าใจว่ามันไม่ใช่อุปกรณ์ที่น่าจะมีกล้องถ่ายรูปติดมา แต่ถ้ามีติดมาได้นี่รับรองได้ว่า มันจะเป็น multimedia player ที่ครบเครื่องทำหน้าที่แทนโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนสมัยนี้ได้อย่างเต็มตัวเลยจริงๆ นอกจากนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องของระบบปฏิบัติการ ที่ยังคงยึดอยู่กับ Android 2.3 ที่ถือว่าเริ่มจะล้าสมัยไปเสียแล้ว แต่โดยภาพรวมแล้วก็ยังตอบสนองการใช้งาน และมีความลื่นไหลอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากเลยทีเดียว
.
.
ขอขอบคุณ Sony Thai