มาหา Sound Card ฟังเพลงซักอันดีกว่าครับ

/ บทความโดย: admin , 01/05/2008 02:05, 8,837 views / view in EnglishEN
«»
Share

สวัสดีครับสมาชิก Vmodtech ทุกคนครับ วันนี้พื้นที่ Review Hardware ของ Vmodtech.com มาแปลกนิดครับ โดยจะขอนำเสนอกรุ๊ปเทสเล็กๆกับ Sound Card ที่กำลังอยู่ในความสนใจของหลายๆคนในขณะนี้สามตัว ซึ่งทั้งสามตัวนี้จะว่าไปแล้วระดับราคาต้องบอกว่าพอเอื้อมถึงสำหรับ user ธรรมดาที่อยากได้เสียงที่ดีกว่ามาตรฐาน sound on board ทั้งหลายแหล่ เรามาดูว่า group test ครั้งนี้เรามีอะไรมาทดลองฟังบ้าง


 



 


สำหรับกรุ๊ปเทสครั้งนี้ของผม จะขออนุญาติไม่มอง Technical Specification ทั้งหลายของการ์ดทั้งสามว่ามันจะมีอะไรพิเศษกว่า หรือว่าเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการ “สะกดจิตตัวเอง” ของตัวผมเองนะครับ


รูปแบบการเทสต์ และอุปกรณ์ในการรับฟัง


 


สำหรับอุปกรณ์ที่ผมใช้ในการทดสอบเปรียบเทียบครั้งนี้


 


- Computer System; AMD 3000+, DFI LP Ultra-D, Cosair UCCC 1+1 Gb, Galaxy 7600GS


- Burn in ระบบด้วยแผ่น Ayre กับทุกการ์ดจนพ้น Burn in และต่อเนื่องกับทุกอุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบก่อนหน้าด้วย


- Install Windows XP เอาไว้สามลูก และลงเฉพาะ Driver ที่เหมาะสมกับแต่ละการ์ดเอาไว้เพื่อให้สามารถสลับ Sound Card และสลับ Boot windows อย่างรวดเร็วจะได้ฟังความแตกต่างได้อย่างชัดเจนและถูกต้องที่สุด


- โปรแกรม ใช้ Window Media Player ตัวเดียวครับ


- ชุดที่ใช้ฟังเปรียบเทียบ ผมจะใช้ 3 ชุดในการฟัง


- สายสัญญาณที่ต่อจากการ์ดสามตัวเป็นสายธรรมดาครับ


 


ชุดแรก เป็นชุดลำโพงคอมที่ผมใช้อยู่ปกติ


Creative Inspire 2.1 แต่ได้ทำการเปลี่ยนสายลำโพงจาก control unit ไปยัง sat ทั้งสองตัวเป็นสายลำโพง Kimber Kable 4tc โดยที่วางลำโพง sat ทั้งสองตัวห่างกัน 60 เซนติเมตรและระนาบลำโพงเดินล้ำหน้าจาก Monitor ประมาณคืบนึง 


 


ชุดที่สอง เป็นชุดเครื่องเสียงที่ผมใช้ฟังเพลงและดูหนังอยู่ในห้องนอน



 


เป็นชุดที่ใหญ่ขึ้นเพื่อจะทดสอบว่า หากเรานำเอา Computer มาเล่นแบบ HTPC แล้วการรับฟังเพลงหรือดูหนังจะเด่นมากน้อย หรือว่ามีการยกระดับคุณภาพเสียงมากขึ้นหรือเปล่า โดยชุดดังกล่าวประกอบด้วย


- ลำโพง ProAc Tablette 50 Signature วางบนขาตั้ง AudioArt สูง 24 นิ้ว ใส่ทรายละเอียดนิดหน่อย


- ปรีแอมป์ Creek 4330 ต่อเฉพาะภาคปรี Passive


- พาวเวอร์แอมป์ NAD C270


- สายสัญญาณทั้งระบบ Supra EFFI หัว WBT ความยาว 75 เซนติเมตรทั้งหมด


- เครื่องเล่น CD NAD C540 สำหรับฟังเทียบ


- สายลำโพง Alpha Core MI Center Stage ต่อแบบ Single wire โดยใช้ Jumper Cardas เชื่อมขั่ว tweeter กับ Woofer เข้าด้วยกัน


- สายไฟ Supra LoRad เข้าที่ Eagle สีน้ำตาล แล้วไปเข้า FIM อีกที


- ปรับอคูสติกในห้องจำกัดได้แค่ด้านข้างด้วย Diffuser ร่องกลางตามมาตรฐาน RPG


- ลำโพงวางห่างกัน 174 เซนติเมตร ห่างผนังหลัง 135 เซนติเมตร ห้องขนาด 3.95 x 7.5 เมตรโดยประมาณ


 


ชุดที่สาม เป็นชุดเครื่องเสียงของเพื่อนผมท่านนึงที่เซตระบบอย่างเต็มที่



 


ลำโพง Acustik-Lab Stella Melody วางบนขาตั้ง AudioArt สูง 20 นิ้ว


ปรีแอมป์ Mc Cormack


- พาวเวอร์แอมป์ Mc Cormack DNA 1


สายสัญญาณ Cardas Cross ทั้งระบบ


สายลำโพง Cardas Cross


สายไฟ Hovlan Mainline, Cardas Cross, Vandenhul Mainstreem, และ JPS เข้าปลั๊กลอย Watt Gate แล้วไปเข้า Watt Gate อีกที


ปรับอคูสติกห้องทั้งระบบด้วย Diffuser ตามมาตรฐาน RPG ทั้งสี่ด้าน และมี absorber ปรับจูนอคูสติกเต็มที่ ภายในห้องขนาด 4 เมตร x 5.5 เมตรโดยประมาณ


 


ตามผมมาฟังด้วยกันเลยครับ

————————————————–

 


 


Creative X-Fi Extreme Music


 



 




 


เปิดมาครั้งแรกต้องบอกว่าเสียงสดมากครับ ผมลองฟังเพลงไทยตลาดทั่วๆไป เสียงที่ได้จาก x fi แตกต่างจาก sound card ระดับพื้นฐานอย่าง live ชัดเจน สิ่งที่ได้ยินแว๊ปแรกคือ เสียงบางลงเยอะ ก็ลองนั่งฟังเพื่อจับประเด็นของมันก็พบว่า เสียงมันไม่ได้บางหรอกครับ ที่ฟังเผินๆเหมือนบางคือ ตัว x fi ให้เสียงที่ชัดเจนมาก เปิดเผย ไม่มีอาการเบลอของเสียง ซึ่ง live จะออกเบลอทุกย่านเสียง รายละเอียดเสียง x fi กินขาดชนิดต้องยอมเลย (ก็แน่ละครับ ราคามันแพงกว่านี่) เบสกระชับ เวทีเสียงถอยจากระนาบลำโพงไปประมาณคืบนึง โดยรวมแล้ว x fi มีรายละเอียดเสียงทีดี สด เสียงแหลมคมๆที่ปลายเล็กน้อย


 


ย้ายมาที่อีกชุดเพื่อฝังรายละเอียดลึกๆ หลังจากเสียบและฟัง เสียงชัดสดเหมือนเดิม มวลเสียงของหัวโน๊ตมีบรรยากาศสมจริงมากขึ้น ฟังจากเสียงกระเดื่องในเพลงเกิดมาแค่รักกันที่โรส ศริณทิพย์ร้อง cover Big Ass หรือเสียงคีย์บอร์ดรวมทั้งเสียงร้องจากแผ่น the well ของ jenifer warnes x fi แสดงให้เห็นการยกระดับคุณภาพของเสียงเมื่อชุดที่ใช้ฟังใหญ่ขึ้น เสียงร้องของนักร้องหญิงอย่าง jenifer warnes หรือว่า Olivia Ong (the girl meets Bossa) ชัดเจนดีแต่ฟังว่าฮาร์โมนิกของเสียงนี่ถ้าเทียบกับฟังจากเครื่องเล่น CD บ้านของผมมันจะน้อยไปนิด แต่ไม่ขี้เหร่ครับ (ฮาร์โมนิกเสียงคืออะไร: อธิบายเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆคือ ท่านเคยเคาะระฆังหรือเปล่าครับ ระฆังที่มันมีเสียงก็เนื่องมาจากการสั่นสะเทือนของโลหะผสมกับการกำทอนจากรูปทรงของมัน พอเราเคาะปั๊บ หางเสียงที่กังวาลแว๊บแรกแผ่ตามมานั่นละครับเราเรียกฮาร์โมนิก แล้วถ้าเราเอามือไปแตะไว้ที่ระฆังแล้วตี เสียงจะทึบลงความกังวาลน้อยลงและหางเสียงที่เรียกว่า sustain จะสั่นลง นั่นละครับคือลักษณะเสียงที่เรียกว่าฮาร์โมนิกน้อยหรือว่าเสียงแห้ง) ลองกับแผ่น Patricia barber: café blue เพลงแรกเลย what a shame เสียงร้องมีลักษณะค่อนข้างเล็ก และรู้สึกว่าเร็วกว่าที่ผมฟังกับเครื่องเล่น CD บ้าน เสียงความถี่กลางต่ำค่อนข้างเบาและออกบางไปนิดรวมทั้งจางหายไปเร็ว แต่ก็ชัดเจน 


 


ผมลองเปลี่ยนแผ่นหลายๆแผ่นเพื่อฟังรายละเอียดของมิติและวง x fi ผ่านชุดที่ใหญ่ขึ้นและเซตตำแหน่งของลำโพงดีพอสมควรแสดงให้เห็นว่า เวทีของเสียงออกกว้างมากกว่าลึก (จากแผ่น Opus 3) รายละเอียด้านลึกมี และถอยจากระนาบลำโพงไปประมาณครึ่งเมตร ไม่ได้แผ่ออกไปเท่าขนาดการเซตชุดและห้องฟัง                            


 


ระดับความสูงของเสียงร้องจากปากนักร้องถือว่าอยู่ในระดับปกติคือสูงจากลำโพงประมาณฟุตนึง ค่อนข้างดี รายละเอียดเครื่องดนตรีในวงเช่นสแนร์ หรือว่าแซกโซโฟนที่อยู่หลังระนาบลำโพงถือว่าคมชัดดีแต่ไม่เด่นมากเท่ากับระนาบหน้าลำโพง ทีเด็ดอย่างนึงคือเวทีเสียงด้านสูงถือว่าดีเลยครับ จากเพลงที่สี่ ใดวงใจนิรันดร์ แผ่น Tritute to the Great King นั้น X-Fi แสดงให้เห็นถึงเวทีเสียงที่สูงจรดเพดาน อันนี้ชอบจริงๆครับ


 


ลองฟังแจ๊สแบบสดๆกันบ้าง Benny Walters; Jazz at the pawn shop และแผ่น Jazz at the Pawn Shop ซึ่งเล่นที่เดียวกันแต่สไตล์การบันทึกต่างกัน การ์ด X-Fi แสดงบรรยากาศออกมาในสไตล์สะอาด สดใส เสียงของระนาดเหล็กของฝรั่งที่เค้าเรียกวันว่า Vibraphone ให้เสียงสดมากพอควรเลย แต่ผมฟังว่ามันขาดความอบอุ่นของเสียงไป จริงๆอยู่สิ่งที่ x-fi พยายามปรับปรุงออกมาคือรายละเอียดเสียง แต่มันเป็นลักษณะของเสียงดิจิตอลซึ่งในความเป็นจริงเสียงของเครื่องดนตรีอคูสติกพวกนี้จะต้องมีความอบอุ่นของหัวเสียง และเสียงตามพอสมควร แต่ก็โอเคครับ คิดว่าอยู่กับความชอบของแต่ละคน ส่วนรายละเอียดของความโกลาหลในผับก็รับรู้ได้ดีครับ เสียงแก้วกระทบกัน เสียงขยับเก้าอี้ใช้ได้ แสดงถึงจุดที่เกิดชัดเจนพอสมควร รายละเอียดที่ X-Fi แสดงออกมาครบถ้วนเท่ากับเครื่องเล่น CD บ้านครับ แต่ว่า ผมและเพื่อนมีความเห็นพ้องกันว่า เครื่องดนตรีภายในวงผิดปกติไปจากจุดที่เคยได้ยินได้ฟังจากชุดที่เซตได้มาตรฐานนิดหน่อยครับ


 


เปลี่ยนมาฟังเพลง rock กันบ้าง ผมลองกับแผ่น Kerrang ซึ่งเป็นการ tribute ผลงานชุด Master of Puppets ของ Metallica เริ่มด้วย trivium; master of puppets คม ชัด เสียงกลางสาก ก้าวร้าว คือนิยามของเสียงกีตาร์ Dean Dime Razorback ของ คิอิชิและโครี่ เสียงกระเดืองคู่ที่สาดมาเป็นระยะบอกถึงแรงปะทะของหัวโน๊ตได้ชัดเจนแม้ว่าแรงอัดจะไม่เที่ยบเท่าของจริง (อันนี้น่าจะมากจากการบันทึกและคุณภาพของไฟล์ น่าจะ 256 เองครับ) ลองกับ As I Lay Dying เพลง Though Sluggle ดูบ้าง เสียง Lespaul Custom ที่ Drop C ให้เสียงผ่าน x-fi ออกมาได้ไม่หนาสมใจนักแต่มันชัดดีครับ เสียง Power Chord ที่ Drop สายเยอะๆแล้วปาล์มมิวมาหนักๆอย่างเพลงนี้ผมชอบมากครับ ผมถือว่าตัว X-Fi Extreme Music ทำให้ผมชอบฟังแนวนี้กับมันพอสมควร ติดว่าทุ้มบนๆไม่เยอะนักทำให้เสียความรุกเร้าไปนิดนึง

————————————————–

 


 


 


Creative Sound Blaster Audigy2 ZS


 



 



 


หลังจาก Restart แล้ว Boot เป็นลูกที่เป็น Driver Audigy โทนเสียงแรกๆที่ได้ยินคือ เสียงกลางเปิดและพุ่งมาก แต่ติดจะพร่าเล็กน้อย ย่านเสียงทุ้มกับแหลมเด่นน้อยกว่ากลาง แต่เสียงออกกลวงๆเหมือนไม่ค่อยมีน้ำหนัก รายละเอียดเสียงดีพอสมควร


 


ลองฟังกับเพลงทั่วๆไปดูก็พบว่าเสียงร้องเด่นชัดมากครับ จากที่ได้ฟัง เกิดมาแค่รักกัน หรือ ว่าไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ เสียงร้องผ่าน Audigy มีขนาดใหญ่มากกว่า X-Fi เล็กน้อย


หลังจากฟังอยู่สองชั่วโมง ตัดสินใจย้ายการ์ดไป Burn in ที่เครื่องคอมอีกเครื่องนึงอีกสี่วันเต็มๆ เพราะเท่าที่ฟัง ดูเหมือนการ์ดจะยังไม่พร้อมที่จะใช้ฟังเปรียบเทียบ หลังจากนั้นกลับมาฟังอีกครั้งกับชุดที่ใหญ่ขึ้นครับ


 


หลังจากผ่านการเบิร์นมาเกิน 100 ชั่วโมง ฟังเสียงรับได้ครับ ลองยกเข้าห้องฟัง ประหลาดใจนิดหน่อยครับคือมิติเสียงจะออกแบนๆ เครื่องดนตรีที่ต้องอยู่หลังนักร้องก็ขยับเข้าใกล้นักร้องจนเกือบจะมาจากจุดเดียวกัน ไม่เป็นไรมาฟังเพลงต่อครับ เริ่มจากเพลง ในดวงใจนิรันดร์ จากแผ่น Tribute to the Great King: เชสกี้ เรคคอร์ด พบว่ารายละเอียดเสียงดีทีเดียวครับ ไม่ได้ด้อยมากมายถ้าเทียบกับการ์ดอื่น รายละเอียดเสียงแหลมจาก vibraphone มีความกังวาลดีครับ เสียงร้องของ Patricia barber: café blue ในแทรกที่สอง เสียงกีตาร์ฟังเหมือนว่าจะค่อนข้างโผล่งๆออกมากว่าปกติ เสียง double bass ตอนเวลาประมาณ 1:40 มีมวลและแรงสั่นสะเทือนดีพอสมควรเลยครับ รายละเอียดชัดเจน ลองฟังแผ่น naim: Antonio Forcione & Sabina Sciubba Meet Me in London ที่บันทึกมาในห้องที่เก็บเสียงเงียบมากและเสียงออก dark เสียงของแผ่นนี้ฟังผ่านชุดเครื่องเล่นผมจะออก compress คือมีการเน้นที่หัวเสียงแต่หางเสียงจะเบาบาง บรรยากาศแน่นๆ แต่ไม่ได้เน้นมิติอะไรมากนัก เมื่อนำมาฟังผ่าน 2ZS เสียงที่ออกมาน่าฟังเลยครับ ตัว zs สามารถดึงความน่าสนใจของเสียงนักร้องในหลายๆแผ่นออกมาได้อย่างที่ผมต้องบอกว่าเยี่ยมเลย รายละเอียดของเสียงร้องของ Sabina Sciubba มีความชัดเจน ลื่นไหลพอประมาณ เสียงกีตาร์ของ Antonio Forcione ซึ่งถือว่าเป็นมือกีตาร์ชั้นเยี่ยมคนนึงก็ได้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างน่าฟัง แผ่นต่อไป เสียงรอยต่อคำต่อคำของเพลง Let’s Spend The Night Together ของ Rolling Stone ที่ได้ถูก cover ออกมาในสไตล์ Bossa Nova วลีที่เอื้อน เสียงถอนหายใจ แหม๋ ผมชอบจังครับ ระยะหลังเวลาผมฟังเพลง ผมมักนั่งสบายๆไม่ได้จ้องจับผิดอะไรกับมิติ เวทีเสียงหรือรายละเอียดมากนัก นอกจากว่ามันจะเกิดผิดปกติจริงๆ มันทำให้ผมรู้สึกว่า เพลงร้องไม่ว่าจะเป็นเพลงไทยทั่วๆไป เพลงลูกทุ่งเช่น ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ ของ ตั๊กแตน ชลดา หรือว่าแผ่นของ ต่าย อรทัย ชุดแรก ที่ผมได้ลองเอามาเปิดฟังกับ 2ZS มันมีเสน่ห์ครับ ผมว่าการยกเสียงกลางแล้วติดพร่านิดๆนี่มันก็เป็นเสนห์อย่างนึงเลยนะครับ ถ้าเป็นกีตาร์นี่พร่านิดๆ ทะแวงหน่อยๆ ละ fender stat หรือว่า telecaster เลยนะครับ เสียงแบบนี้มันเป็นเสน่ห์วินเทจจริงๆ


 


เปลี่ยนสไตล์มาฟังร๊อคกันบ้าง ผมอยากบอกว่านี่ก็ทีเด็ดครับ แผด พุ่ง ก้าวร้าว ถูกใจวัยรุ่นอย่างผมจริงๆ 555 ลองฟัง Trivium - Anthem (We Are The Fire) ช่วง intro ที่โครี่กำลัง riff แล้วคิอิชิ fill อีกไลน์เข้ามานี่ โห รู้สึกถึงแรงกระแทกแล้วก็เสียงหอนของ Marshall อย่างรุนแรง ลองเปิด Metallica Live ที่เล่นที่สนามของ Oakland Raider เพลง Master of Puppets sound ที่ได้ยินรับรู้เลยครับว่า Jame ปรับย่านกีตาร์เปลี่ยนไปจากปกติ ซึ่งปกติแล้ว James และ Kirk จะสคูปเสียงกลางไว้เหมือนกับ darrel หรือ zakk แต่ live concert ที่นี่ james ปรับเสียงกลางโด่งมาก เข้าทาง 2ZS เลย อิอิ เสียงก้าวร้าวมาก แผด และผมชอบอีกแล้วครับ ลองเปิด concert killswitch engauge ดู มันทำให้ผมรู้สึกสนุก และเร้าใจตลอดครับ เปิดไปเปิดมาก็เจอ concert Avril Lavigne ที่เล่น cover เพลง Fuel ของ Metallica 555 สนุกครับ ไม่ถูกใจเท่ากับ metallica เล่น แต่สนุกน่ารัก น่าติดตามมาก กรรม (ถ้าสนใจลองเลือกๆหาใน youtube ครับ มันมีหลายไฟล์มาก แต่ตัวที่ผมมีนี่เลือกมาแล้วครับ ขนาดประมาณ 20 เมกภาพและเสียงดีกว่าไฟล์อื่น)

————————————————–

 


 


 


ONKYO SE-90PCI


 



 



 


แว๊ปแรกที่ได้ยินคือ นิ่ง สงบ เงียบ แต่แข็งโป๊ก 555 ผมต้อง Burn การ์ดนี้ไว้ที่คอมนี้อีกหลายวันเลยครับกว่ามันจะผ่อนคลายลง ความเห็นของเพื่อนผมหลังจากที่ได้ฟังการ์ดนี้แล้วหลังจากฟังสองตัวด้านบน เค้าบอกว่า อันนี้ดีที่สุดนะเชน (ต้องบอกนิดครับว่า เพื่อนผมท่านนี้ไม่ได้ตดตามความเคลื่อนไหวด้านเทคโนโลยีของ sound card เลย ไม่มีการ bias แน่นอนเพราะไม่รู้ราคา และผมไม่ได้บอกเค้าว่า ตอนนี้เสียบการ์ดอะไรอยู่) น้ำเสียงที่ฟังผ่านชุดเครื่องเสียงของผมและของเพื่อน onkyo แสดงความ flat และ tonal balance ที่ดีมากเหมือนกับที่เครื่องเสียงที่ดีควรจะเป็น ฟังดูคล้ายๆกับมันไม่มีทุ้ม ไม่มีกลาง ไม่มีแหลม ไม่มีรายละเอียดเด่นเลย แต่ มันมีครบครับท่าน จะได้ยินก็ต่อเมื่อ source มีเท่านั้น นั้นหมายความว่าภาค dac ของมันไม่ได้มีการจูนโดยยกย่านใดด้านนึงขึ้นมาเลย ผมลองจาก Patricia barber: café blue แทรกที่สอง A Taste Of Honey เงียบ ลื่น บรรยากาศในวงดี อุ่นนิดๆ เร็วกว่าปกติหน่อยๆ ไม่มีความถี่ต่ำหึ่งขึ้นมากวนย่านอื่นๆเลยจนกระทั่งเกือบ 1:40 ของแทรก เสียง double bass กระชับแน่น และแผ่รายละเอียดออกมาน่าฟังเลย ความเป็นสามมิติของเสียงร้องและเสียงดนตรีอยู่ในเกณฑ์ดีมาก แรงปะทะของหัวโน๊ตฟังว่าจะเบาไปนิด (นิดเดียวครับถ้าเทียบกับ X-Fi) ฟังจากแผ่น Rain Forest ที่เป็นแผ่นตีกลองญี่ปุ่น ความถี่ต่ำที่แผ่ตามมามีลักษณะโรลออฟเร็วกว่าเล่นเพลงนี้กับเครื่องเล่น CD บ้าน คือฟังว่าหางเสียง (sustain) จะห้วนๆไปหน่อย ลองฟังแผ่น Symphony Orchestra จากชุด ไชคอฟสกี้: swan lake ดู ความกังวาลและแผดของเสียงทรัมเป็ดตอนต้นๆแทรกแสดงชัดเลย สมจริงๆพอสมควรแต่ก็ไม่ได้แสดงความแผดของทองเหลืองอย่างชัดเจนนัก รายละเอียดของเครื่องดนตรีภายในวงดีมากบริเวณใกล้ๆลำโพง ส่วนด้านหลังลึกๆยังเบาบาง เห็นไม่ชัด แต่ก็ยังดีกว่าตัว X-Fi การแยกระนาบของกลุ่มไวโอลินยังไม่เด็ดขาด และจะฟังว่าผิดรูปวงนิดๆเหมือนกับการ์ดตัวอื่น คือเสียงมันยังติดอยู่ที่ตู้ลำโพง ไม่ดีดออกไปในอากาศมาเมื่อเปรียบเทียบกับฟังจากเครื่องเล่น CD ผมทดลองฟังจากแผ่น DVD concert ของ yngwie ซึ่งเล่นที่ Denver เมื่อหลายปีก่อนในแทรกที่ปั่นบนกีตาร์โปร่ง เสียงที่ฟังผ่าน Onkyo จับความ buzz นิดๆระหว่างสายกับเฟรตออกมาชัดเจนสมจริง เสียงกำทอนของกีตาร์ระดับไฮเอนของอิงวี่มีความไพเราะมากครับ รายละเอียดครบถ้วน กลับมาดู concert ของไทยบ้าง save my live ของ bodyslam ฟังดูสุภาพไปนิด รายละเอียดและความน่าติดตามที่ Onkyo ส่งผ่านออกมาอยู่ในระดับที่เฉยๆ (ผมหมายถึงเสียงนะครับ ไม่ได้หมายถึงสิ่งที่พี่ยอดเล่น หรือว่าพี่ตูนร้อง อิอิ) นั่นมาจากโทนเสียงและ Frequency Response ที่ Onkyo มีให้ครับ


 


กลับมาฟังเพลงลูกทุ่งไทยๆกันบ้าง เสียงจากแผ่นดอกหญ้าในป่าปูน ของต่ายอรทัยกินใจให้ท่วงทำนองที่สวยงามมากครับ แม้ว่า Onkyo จะแจกแจงความแห้งและเสียงย่านกลาง และกลางสูงออกมาเค้นๆก็ตาม รายละเอียดเสียงจากแผ่นไม่สู้ดีนัก นี่ก็เป็นส่วนนึงที่ค่ายเพลงของไทยน่าจะปรับปรุงให้ดีขึ้น จากแผ่นค่าควรเมืองของนักร้องเสียงสวย อรวี สัจจานนท์ บ้าง กับเพลงนานเกินรอ เยี่ยมครับ ท้วงทำนองงดงาม เสียงร้องสดใสหวานเล็กๆ เนื้อเพลงกินใจบีบคั้นดีเหลือเกิน แผ่นนี้เสียอย่างเดียวว่ามันแห้งอีกแล้วครับ ภรรยาผมพอดีเดินผ่านมา เธอบอกว่า ฟังกับคอมดูเหมือนว่าจะแห้งๆกว่าอีก จริงๆผมว่า Onkyo ถ่ายทอดบทเพลงช้าๆหวานๆได้ไม่แพ้ใครเลย


 


เอาละ เปลี่ยนมาฟังร๊อคหวานๆสไตล์ผมกันบ้าง ฟัง children of bodom แล้วต้องบอกว่า ทำมัย alexi มันสุภาพจัง timming ของเสียงฟังว่าเร็วก็จริง แต่ว่าเสียงมันอมๆ ไม่พุ่งออกจากตู้ลำโพงนัก ลองฟัง Ozzy: Paranoid ที่ Zakk เล่นพร้อมกับ Robert Trujillo เล่นให้ป๋า Ozzy แกก่อนที่จะไปอยู่กับ Metallica แปร่งๆครับ ช่วง riff intro ซึง zakk เล่นด้วย EMG81 แต่ Onkyo เล่นออกมาเหมือน 85 เลยครับ 555  (Zakk Wylde ใช้ Gibson Lespaul custom signature Bullseye) จะฟัง Trivium หรือว่า As I lay Dying ก็คล้ายๆกัน มันคงเป็นบุคลิกของการ์ด Onkyo เค้าละครับ

————————————————–

 


 


 


UNBIASSED COMPARISON


 


การตอบสนองต่อย่านความถี่


 


ย่านเสียงสูง


ตัว x-fi จะตอบสนองย่านความถี่กลางและสูงได้ดีกว่าให้รายละเอียดเชิงลึกมากกว่าการ์ดอีกสองตัว แม้ว่าตัว Onkyo จะมีแต่ไม่ได้เด่นออกมา ส่วน Audigy นี่ก็มีรายละเอียดของย่านความถี่ครบถ้วนแต่ติดจะฟุ้งและเบลอกว่าการ์ดอีกสองตัว ไม่น่าเกลียดครับ ผมไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องเสียหายเลย มันเป็นบุคลิกที่ดีด้านนึง


 


ย่านเสียงกลาง


ย่านนี้ Audigy เอาแต้มไปครับ กลางเปิดพุ่งและกังวาลกว่าและหนากว่าอีกสองตัวแม้ว่ารายละเอียดจะไม่เท่า แต่ Onkyo ได้เปรียบอีกสองการ์ดตรงเสียงกลางที่มีความลื่นไหลมากกว่า ความเป็นดนตรีในแง่ของเสียงร้องต้องบอกว่า Onkyo และ X-Fi ใกล้เคียงกัน แต่ Onkyo จะกินนิดๆ คือถ้ามองในแง่ความลื่นไหลต้องยกให้ Onkyo


 


 


ย่านเสียงต่ำ


ย่านนี้ผมให้ Onkyo นะ แม้ว่ารายละเอียดของ X-fi จะยังเยี่ยมอยู่ในย่านนี้แต่ติดที่ว่ารอยต่อระหว่างเสียงกลางและกลางต่ำออกบาง เบา ทำให้รายละเอียดไม่ชัดเจน ฟังจากแซกโซโฟนและดับเบิ้ลเบสจะฟังออกชัดเจนครับ ความหนาและความอิ่มของย่านนี้ Onkyo มีให้ครบ ส่วน Audigy แอบเงียบๆอยู่ครับ เสียงย่านนี้ไม่ขี้เหร่ แต่อย่างที่บอกครับ ติดทะแวงนิดๆ คือถ้าจะเอานิยามของคำว่า Audiophile มาเป็นตัวตั้งนี่ Audigy รับได้ครับคือฟังจากเสียงแซกหรือว่าดับเบิ้ลเบสเพลงเดียวกัน Audigy ไม่สามารถควบคุมเสียงและหางเสียงให้สงบนิ่งได้ มีอาการเบลอและเค้นมากกว่าอีกสองตัว


 


เวทีเสียง, Image, timing, และความคิดเห็นของแขกรับเชิญ


ฟังในแง่นี้ ผมมีความเห็นว่า การ์ดทั้งสามตัวยังไม่สามารถสร้างสนามเสียงและจุดที่เกิดเสียงได้อย่างสมบูรณ์อย่างที่แผ่นดีๆบันทึกมา แม้ว่าเวทีเสียงจะฉีกออกไปบ้างแต่ว่าจุดเกิดของเสียงยังไม่ดีดตามออกไป ในส่วนนี้เพื่อนผมซึ่งเค้าเป็นวิศวกรที่ชอบฟังเพลงและเล่นเครื่องเสียงได้ให้เหตุผลไว้ว่า


 


 “เรื่องของมิติแล้วก็เวทีเสียงเนี่ย มันเกิดจากเฟสของสัญญาณนะ ผมคิดว่าตัวการ์ดอาจจะ decode เฟสสัญญาณได้ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ อีกอย่างมันน่าจะมาจาก Switching Power Supply ที่สร้างเอกลักษณ์ให้มันเป็นแบบนั้น นอกจากเรื่องมิติแล้วเนี่ย เรื่องของเสียงที่เค้นๆ แล้วก็ timing ที่ฟังดูเหมือนเร็วกว่าปกติน่าจะมาจากสาเหตุนี้ด้วย ส่วนเรื่องรายละเอียดเสียง ผมว่าดีนะ ดีเลยทีเดียวถ้าเทียบกับ CD บ้าน คมชัดแจกแจงได้ดีมาก เสียแต่ว่าการ์ดทั้งสามดูเหมือนพยายามที่จะนำเสนอรายละเอียดพวกนี้มากไป รายละเอียดที่ออกมามันเลยเหมือนห้วนๆ sustain น้อยฟังดูไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร ทำให้ความเป็นดนตรีที่ถ่ายทอดออกมาดูจะลดน้อยลงไป”


 


 


 


 

————————————————–

มาถึงหน้าสุดท้ายของการ Review เล็กๆของผม tpp แล้วนะครับ ต้องออกตัวไว้นิดว่า นี่เป็นเพียงความเห็นของคนที่ชอบฟังเพลง ชอบโม แล้วก็เล่นดนตรี ไม่ใช่นักวิจารณ์เครื่องเสียง ดังนั้นคำพูดที่ผมถ่ายทอดออกมาอาจจะฟังแปลกๆไปบ้าง ถ้ามีข้อสงสัยอะไรก็โพสถามได้ในบอร์ดเลยครับ ถ้าตอบได้ผมจะตอบให้ แต่ถ้าตอบไม่ได้ จะพยายามไปหาคำตอบมาให้


แถมท้ายไว้นิดครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำแล้วไม่ซดน้ำ อิอิ


ถ้าผมเลือกการ์ดตัวนึงมาฟังเพลงกับลำโพงคอม ผมจะซื้อ Audigy2 ZS


แต่ถ้าผมจะเลือกการ์ดเอามาต่อกับชุดใหญ่ ผมจะเลือก Extreme Music แต่ว่ามันไม่มีแล้ว ดังนั้น Onkyo คงเป็นทางเลือกครับ


 


ร่วมแสดงความเห็น : คลิก


 

«ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 แสดงทั้งหมด ถัดไป»

Bookmark บทความ : Zickr Kudd Duocore Techkr aJigg Oncake Lefthit Meetgamer Siamcollective TagToKnow Dunweb Digza
«»