เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานะครับ เริ่มกันเลยดีกว่าครับ ก่อนอื่นไปดูข้อมูลSystemที่ใช้ในการสาธิตวิธีนี้ และผลก่อนที่จะใช้ทริกในการแก้ให้SuperPI32Mเร็วขึ้นครับ

ภาพขณะกำลังเทสต์SuperPI32Mพร้อมกัน2หัวครับ

ผมกดเร่งกันสุดอุจจาระแล้วก็ได้แค่นี้เองครับ เทสต์32Mคู่ต่ำกว่า16นาทีมาหน่อย เทสต์32M เดี่ยวก็ใช้เวลา13นาทีนิดๆครับ ส่วนที่1Mได้12.625วินาที ผมลองแล้วครับ ไอ้ที่ว่าTimmings ยิ่งหลวมยิ่งดี ยิ่งหลวมยิ่งเร็วนี่ ผมลองเองยังไงก็เจอแต่ยิ่งหลวมยิ่งเละครับ มีแต่ต้องยิ่งกดยิ่งเร็วแบบที่แสดงในMemsetในภาพอ่าครับ ถึงได้เวลาขนาดนี้ที่4GHz

ว่ากันถึงขั้นตอนการเซตให้เราเทสต์SuperPI32M โดยใช้เวลาให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ก็ไม่ต้องไปเซตTimmings อะไรกันให้วุ่นวายหลงทางเลยครับ แค่เข้าไปแก้Config ของวินโดว์ตามขั้นตอนในรูปเลยครับ โดยเซตค่า memory usage จากค่าDefaultที่ Program ให้เป็นSystem cache ตามขั้นตอนตามรูป แล้ววินโดว์จะสั่งให้เรารีสตาร์ท พอเข้าวินโดว์ใหม่เสร็จ ก็เริ่มลุยกันเลยครับ

โอ้!!!! จากเดิมๆก่อนปรับที่ความเร็วโดยรวมของเครื่องเท่าๆกัน จากเดิมที่สตาร์ทที่18และ21วินาทีกว่าๆ กลับกลายมาเป็นสตาร์ทที่9วินาทีนิดๆ เกือบเท่าๆกันทั้งสองหัว ถ้าเห็นอย่างนี้ที่ไหนให้ฟันธงเลยครับ ว่ามีการโกงปรับแต่งวินโดว์ช่วยแน่ๆแล้ว อิอิ

โอ้!!!!! SuperPI32M2หัวใช้เวลาต่ำกว่า14นาทีกันหน้าตาเฉย!!!

ส่วนSuperPI32Mหัวเดียว ก็แรงขึ้นมาอยู่ที่12.24นาทีครับ โอ้ แต่งคอนฟิควินโดว์แค่นี้เครื่องเราแรงขึ้นขนาดนี้เลยรึ อิอิ ขอบอกเลยครับว่าไม่น่าจะจริงนะครับ ลองดูที่SuperPI1M ดิครับ เท่าเดิมเป๊ะๆเลยครับ อิอิ

ยังครับ ยังไม่พอ เซตตรงTask Manager กันต่ออีกครับ ให้เลือกตามรูปที่super_pi_mod.exeทั้งสองตัว ให้priorityเป็น Realtime อีกครับ ซึ่งวิธีนี้ อย่าไปทำตอนก่อนเซตMemory usage ให้เป็น System cache นะครับ ให้ทำหลังขั้นตอนการเซตให้Memory usage เป็น System cacheแล้วเท่านั้น เพราะไม่งั้นเวลาจากที่จะเร็วขึ้นกลายเป็นช้าลงอีกครับ อิอิ อ้อ อีกอย่างครับ เซตเป็นRealtimeทำแบบนี้ เวลาเทสต์เมาส์จะค้างแทบขยับไม่ได้ ไม่ต้องตกใจนะครับ ถ้าเครื่องท่านเสถียรพอเทสต์ตอนไม่เซตแบบนี้ผ่าน เซตแบบนี้ยังไงก็ผ่านครับ

โอ้!!! เวลาสตาร์ทและเวลาต่อรอบก็เร็วขึ้นมาอีกนิดครับ

โอ้อีกแล้ว!!! ยังแรงขึ้นมาอีกหน่อยครับ โดยตอนเทสต์2หัวใช้เวลาไปทั้งสิ้นแค่13.47นาทีครับ ส่วนเทสต์หัวเดียวใช้เวลาไป12.23นาที ก็ยังเร็วขึ้นอีกนิดครับ แต่ที่1Mสิครับ เท่าเดิมเป๊ะๆ โกงกันไม่ได้จริงๆเลยครับ สำหรับSuperPI1M

หลายท่านอาจจะสงสัยนะครับ ว่าการเซตmemory usage ให้เป็น System cache เนี่ย จะช่วยให้Benchmarkตัวไหนแรงขึ้นบ้าง ผมก็สงสัยเหมือนกันครับ ไปดูพร้อมกันเลยครับ อิอิ

ก่อนปรับmemory usage ให้เป็น System cache

หลังปรับmemory usage ให้เป็น System cache

ผมว่าเทียบกันแล้วคงไม่แตกต่างกันครับ กับคะแนนที่ต่างกันเล็กๆน้อยๆแค่นี้ เราเทสต์ให้มันเท่ากันเป๊ะๆหมดยังลำบากกว่าเทสต์ให้ต่างกันเล็กๆน้อยๆแค่นี้เยอะครับ อิอิ คราวนี้ไปดู3DMarkกันต่อหน้าถัดไปเลยครับ

เทสต์3DMarkผ่านCPUTestของ3DMark05ด้วย ก็ต้องลดความเร็วมาที่3,945MHz กันตามระเบียบครับ แต่ได้ขนาดนี้ก็เยอะมากแล้วครับ บอร์ดพี่มืดเขาเก่งใช้ได้เกินราคาจริงๆครับ อิอิ

3DMark2001SE

ก่อนปรับmemory usage ให้เป็น System cache

หลังปรับmemory usage ให้เป็น System cache

ก่อนปรับคะแนนเยอะกว่านิดๆ แต่ผมว่ามันคงเท่ากันแหละครับ เพราะเทสต์แต่ละรอบคะแนนห่างกันนิดๆหน่อยๆแบบนี้เป็นเรื่องปรกติครับ

3DMark03

ก่อนปรับmemory usage ให้เป็น System cache

หลังปรับmemory usage ให้เป็น System cache

ห่างกันนิดๆอีกแล้วครับ อันนี้กลับกันเป็นหลังปรับแรงกว่าครับ

3DMark05

ก่อนปรับmemory usage ให้เป็น System cache

หลังปรับmemory usage ให้เป็น System cache

หลังปรับแรงกว่านิดๆ แต่ก็นั่นแหละ ห่างกันแค่นี้ ผมว่าเท่ากันไม่มีผลหลังการปรับ

3DMark06

ก่อนปรับmemory usage ให้เป็น System cache

หลังปรับmemory usage ให้เป็น System cache

พอมา3DMark06 ดันมาเท่ากันเป๊ะเลยครับ ยากมากนะเนี่ย ทำแบบนี้ได้ อิอิ

ก็หมดแล้วนะครับ ผมก็พอสรุปได้ว่าปรับแบบนี้แล้วจะทำให้เราเทสต์SuperPI32Mเร็วขึ้นได้ทั้ง1หัวและ2หัวเลยครับ แต่พวกBenchmarkอย่างอื่นกลับเหมือนเดิม ไม่แรงขึ้นเลย ดูๆแล้วมันก็เหมือนการปรับแต่งหลอกBenchmarkตัวหนึ่งให้ทำเวลาเร็วขึ้นเท่านั้นครับ แต่ผมก็ยังลองไม่ทั่วนะครับ ลองมาแค่เท่าที่เห็นเอง เพื่อนๆท่านไหนลองแล้วเจออะไรแปลกๆที่ไหนก็ช่วยมาโพสต์บอกผลกันที่กระทู้ร่วมวิจารณ์ด้วยนะครับ เราจะได้มาร่วมกันแชร์ความรู้กัน ไว้เจอกันใหม่ที่กระทู้วิจารณ์ครับ สวัสดีครับ

ร่วมวิจารณ์บทความนี้ คลิกที่นี่ ครับ