สรุปเหตุการณ์สำคัญในรอบปี 2557 ของอินเทล

/ บทความโดย: Venom-Crusher , 07/12/2014 00:01, 6,268 views / view in EnglishEN
«»
Share

อินเทลเผยวิสัยทัศน์เทคโนโลยีปี 2558

คาดการณ์อนาคตอุตสาหกรรมไอที - มุ่งหน้าสู่ยุคแห่งการผสานเทคโนโลยีเป็นหนึ่งเดียว

และแล้วเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงก็มาถึงอีกครั้ง กับการเตรียมตัวก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วยนวัตกรรมไอที ใหม่ๆ มากมายที่จะพาโลกของเราให้ก้าวล้ำต่อไป ในโอกาสนี้ ผู้บริหารอินเทลจึงได้เผยถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทในด้านเทรนด์และความเปลี่ยน แปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงหนึ่งปีข้างหน้านี้

เดินหน้าสู่ยุคแห่งการผสานเทคโนโลยีเป็นหนึ่งเดียว (Era of Integration)

เทคโนโลยีและศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในรูปแบบต่างๆ ได้ทำให้โลกของเราเปลี่ยน แปลงไปอย่างรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ และเราไม่อาจพึ่งพาอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียวคู่กับการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย แบบพื้นฐานได้อีกต่อไป ปัจจุบัน เราต่างก็ต้องการที่จะใช้อุปกรณ์มากมายหลายแบบ ทั้งอุปกรณ์ประมวลผลเพื่อการสวมใส่ (wearables) สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์พีซี ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เชื่อมต่อถึงกันเป็นหนึ่งเดียวจนเกิดเป็น ประสบการณ์การใช้งานที่ปรับแต่งได้ตามใจผู้ใช้งาน เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กำลังค่อยๆ พลิกโฉมโลกของเรา จากยุคที่เต็มไปด้วยสารพัดหน้าจอและอุปกรณ์ มาเป็นยุคแห่งประสบการณ์การใช้งานที่แทรกซึมเข้าสู่ทุกด้านของชีวิต

“ตอนนี้เราทุกคนกำลังอยู่ใน “ยุคที่ผู้ใช้อุปกรณ์ที่มีหน้าจอทุกขนาด” (Screenification) ของการใช้คอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการใช้คอมพิวเตอร์แบบ ‘ไร้จอ’ ในปี 2558 โดยคอมพิวเตอร์จะแฝงอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นนาฬิการะบบจีพีเอส หรือเครื่องใช้ต่างๆในบ้านที่มีการเชื่อมต่อ ในฐานะผู้บริโภค เราสามารถโอนข้อมูลเหล่านี้ย้ายเข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มใดๆก็ตามที่มีหน้าจอ เพื่อวิเคราะห์และเพิ่มคุณค่าของข้อมูลต่างๆได้” - ไบรอัน เดวิด จอห์นสัน, Intel Futurist

ยุคแห่งการการผสานเทคโนโลยีเป็นหนึ่งเดียวได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

เพื่อให้เราก้าวเข้าสู่ยุคใหม่นี้ได้อย่างเต็มตัว อุปกรณ์ที่เราใช้งานก็มีเทคโนโลยีอัจฉริยะใหม่ๆ ที่ช่วยให้เราทำงานและใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงผลที่พับได้ อุปกรณ์สมรรถนะสูงที่ใช้พลังงานเพียงเล็กน้อย หรือแม้แต่อุปกรณ์พกพาราคาถูกที่สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้โดยอัตโนมัติ

การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่สำหรับอุปกรณ์ในยุคนี้จะ มุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์การใช้งานที่หลอมรวม เข้ากับการใช้ชีวิตประจำวัน อุปกรณ์เหล่านี้จะทั้งใช้งานง่าย สะดวกสบาย และพกพาไปได้ทุกหนแห่ง

จึงสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานได้ ทั้งยังเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ไปโดยสิ้นเชิง

ภูมิภาค เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นจะมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไอ ทีให้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่นี้ โดยมีแบรนด์ต่างๆ จากประเทศจีนและศูนย์วิจัยนวัตกรรมมากมายหลายแห่งเป็นผู้ผลักดันให้เกิดความ เปลี่ยนแปลง ทั้งในปี 2558 ที่จะถึงนี้และปีต่อๆ ไป

ยุคแห่ง อินเตอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (Internet of Things - IoT)

ทุกวันนี้ สิ่งของนับพันล้านชิ้นรอบตัวเรา นับตั้งแต่ชิปประมวลผลขนาดจิ๋ว ไปจนถึงเครื่องจักรกลขนาดมหึมา ต่างก็ทำงานสอดประสานกันแบบไร้สาย จนเกิดเป็นเครือข่ายที่เชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน  หรือที่เรียกกันว่า “Internet of Things” (IoT) เครือข่ายดังกล่าวนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยบริษัทวิจัยไอดีซีได้คาดการณ์ว่าตลาด IoT ทั่วโลกจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2556 เป็น 7.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563

ทั้งนี้ IoT จะเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีหลักที่ผลักดันให้เราเดินหน้าเข้าสู่ยุคแห่งการผสานเทคโนโลยีเป็นหนึ่งเดียวในปี 2558 นี้

ข้อมูลจากไอดีซีระบุว่าจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ Internet of Things นี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนล้านชิ้นทั่วโลกในปี 2563 ซึ่งหมายความว่าปริมาณข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นทั่วโลกก็จะเพิ่มขึ้น อย่างมหาศาลด้วยเช่นกัน โดยไอดีซีได้คาดการณ์ว่าปริมาณข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัวในเวลา ทุกๆ สองปี และในปี 2563 เราก็จะมี “จักรวาลดิจิตอล” หรือข้อมูลที่สร้างและเคลื่อนย้ายถ่ายโอนทั้งสิ้นในแต่ละปี รวมทั้งสิ้น 44 เซตตะไบต์ หรือเท่ากับ 44 ล้านล้านกิกะไบต์นั่นเอง

ดังนั้น เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นนี้ได้ เทคโนโลยี ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และมาตรฐานอุตสาหกรรมต่างๆ จะต้องพัฒนาต่อไปในปีหน้านี้ โดยระบบคลาวด์แบบมาตรฐานเปิดจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างมาก

หลังจากที่โลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการผสานเทคโนโลยีเป็นหนึ่งเดียวอย่างเต็มตัว โครงข่าย IoT จะยก ระดับคุณภาพชีวิตประจำวัน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานในภาคธุรกิจ และเพิ่มศักยภาพในการทำงานของทุกคน จนเกิดเป็นคุณประโยชน์มากมายมหาศาลสำหรับทุกคนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมหรือชุมชนที่พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ อย่างรวดเร็ว ดังจะเห็นได้จากโรงงานของอินเทลแห่งหนึ่งในประเทศมาเลเซีย ที่สามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ถึง 9 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากที่นำระบบ IoT มาใช้งาน

เมื่อ โครงข่าย IoT ถูกนำมาใช้เป็นที่แพร่หลาย และระบบในการวิเคราะห์และจัดการข้อมูลได้พัฒนาศักยภาพให้เพียงพอต่อการรับ มือกับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้น เราก็คาดการณ์ว่าวงการสาธารณสุขจะกลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างสรรค์ นวัตกรรมใหม่ออกสู่สายตาได้อย่างรวดเร็ว

บุกเบิกโลกยุคใหม่อย่างเต็มรูปแบบ

สังคมและชุมชนทั่วโลกจะหันมาใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้อย่างเต็มที่ได้ก็ต่อเมื่อ ผู้คนมีความเข้าใจในประโยชน์ที่จะได้รับในฐานะผู้ใช้งาน ตัวอย่างเช่นโครงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ซึ่งนำนวัตกรรมล่าสุดมาเสริมศักยภาพของระบบต่างๆ จนกระทั่งดานังกลายเป็นหนึ่งใน “สมาร์ท ซิตี้” แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมี่เป้าหมายเพื่อสร้างสรรค์บริการสาธารณะที่มีคุณภาพให้แก่ประชาชนชาวดา นังและทุกคนที่มาเยือน

“ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราทุกคนจะได้เห็นการเติบโตของสมาร์ทซิตี้ ที่มีการบริหารจัดการพลเมืองเป็นแก่นสำคัญ ธุรกิจต่างๆจำเป็นที่จะต้องตระหนักถึงการแข่งขันเพื่อผลประโยชน์ที่จะเพิ่ม มากขึ้น แต่ก็จำ ต้องคงไว้ซึ่งความสมดุลระหว่างผลกำไรของตนเองกับ สิ่งที่เหมาะสมสำหรับพลเมือง สมาร์ทซิตี้เป็นเรื่องของการตั้งคำถามที่ท้าทายกว่าเดิมกับสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันและการพัฒนาบริการต่างๆที่ดีขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้รับประโยชน์ด้วย กันอย่างถ้วนหน้า“ - เจเนวีฟ เบล, อินเทล แล็บ, ผู้บริหารอินเทล และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย User Experience

อุปกรณ์อัจฉริยะใหม่ๆ ที่จะออกสู่ตลาดในปี 2558 ก็จะใช้งานได้ง่ายขึ้น และเข้ากับความต้องการของผู้ใช้แต่ละคนได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ เรายังจะได้เห็นอุปกรณ์ที่แปลกใหม่ทั้งในด้านรูปลักษณ์ คุณสมบัติ และการใช้งาน เช่น   อุปกรณ์ประมวลผลเพื่อการสวมใส่ หรืออุปกรณ์ที่แสดงผลเป็นสามมิติ อันถือเป็นการช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมที่จะช่วยให้ผู้คนหันมาสนใจโลกยุคใหม่ นี้มากขึ้น

นอกจากนี้ เรายังจะได้เห็นทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคทั่วไปหันมาประยุกต์ใช้เทคโนโลยี หุ่นยนต์กันมากขึ้น เช่นในรูปแบบของเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์สามมิติ ซึ่งมีแนวโน้มจะพัฒนาต่อไปในอนาคต

เตรียมพร้อมก่อนก้าวสู่อนาคต

การจะปรับใช้เทคโนโลยียุคใหม่เหล่านี้ให้ได้ผล ขึ้นอยู่กับการพัฒนาทักษะ ความรู้ และเครื่องมือที่จำเป็นให้กับภาคแรงงาน ทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยจากการสำรวจในหัวข้อภาวะขาดแคลนแรงงานเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา พบว่ากว่าร้อยละ 45 ของผู้จ้างงานในแถบเอเชียแปซิฟิกต้องเผชิญกับปัญหาด้านการขาดทักษะ อันเป็นเหตุให้ผู้ว่าจ้างไม่สามารถหาบุคลากรมาเติมเต็มในตำแหน่งงานที่ ว่างอยู่ได้ โดยหากเราต้องการรักษาให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงสถานะความเป็นผู้นำด้าน นวัตกรรมในโลกยุคใหม่ไว้ได้ ก็จะต้องคิดค้นวิธีการที่จะปิดช่องว่างด้านทักษะและความรู้ตรงนี้ให้ได้เสีย ก่อน เพื่อสร้างโอกาสให้ทุกคนได้ก้าวไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน

“ในปี 2558 การศึกษาและการเชื่อมต่อบรอดแบนด์จะเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคและญี่ปุ่น พลเมือง จะมีการเชื่อมต่อมากขึ้น รวมถึงมีการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความสามารถในการผลิตในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญตามไป ด้วย จึงถือเป็นข่าวดีสำหรับเศรษฐกิจของภูมิภาคและตลาดที่กำลังเติบโต และเป็นการวางรากฐานที่ดีให้กับ IoT และระบบคอมพิวเตอร์แบบฝังตัวด้วยเช่นกัน“ - ปรากาช มัลลยา ผู้อำนวยการอินเทล ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อินเทลเผยวิสัยทัศน์เทคโนโลยีปี 2558

คาดการณ์อนาคตอุตสาหกรรมไอที - มุ่งหน้าสู่ยุคแห่งการผสานเทคโนโลยีเป็นหนึ่งเดียว

และแล้วเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงก็มาถึงอีกครั้ง กับการเตรียมตัวก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วยนวัตกรรมไอที ใหม่ๆ มากมายที่จะพาโลกของเราให้ก้าวล้ำต่อไป ในโอกาสนี้ ผู้บริหารอินเทลจึงได้เผยถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทในด้านเทรนด์และความเปลี่ยน แปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงหนึ่งปีข้างหน้านี้

เดินหน้าสู่ยุคแห่งการผสานเทคโนโลยีเป็นหนึ่งเดียว (Era of Integration)

เทคโนโลยีและศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในรูปแบบต่างๆ ได้ทำให้โลกของเราเปลี่ยน แปลงไปอย่างรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ และเราไม่อาจพึ่งพาอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียวคู่กับการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย แบบพื้นฐานได้อีกต่อไป ปัจจุบัน เราต่างก็ต้องการที่จะใช้อุปกรณ์มากมายหลายแบบ ทั้งอุปกรณ์ประมวลผลเพื่อการสวมใส่ (wearables) สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์พีซี ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เชื่อมต่อถึงกันเป็นหนึ่งเดียวจนเกิดเป็น ประสบการณ์การใช้งานที่ปรับแต่งได้ตามใจผู้ใช้งาน เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กำลังค่อยๆ พลิกโฉมโลกของเรา จากยุคที่เต็มไปด้วยสารพัดหน้าจอและอุปกรณ์ มาเป็นยุคแห่งประสบการณ์การใช้งานที่แทรกซึมเข้าสู่ทุกด้านของชีวิต

“ตอนนี้เราทุกคนกำลังอยู่ใน “ยุคที่ผู้ใช้อุปกรณ์ที่มีหน้าจอทุกขนาด” (Screenification) ของการใช้คอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการใช้คอมพิวเตอร์แบบ ‘ไร้จอ’ ในปี 2558 โดยคอมพิวเตอร์จะแฝงอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นนาฬิการะบบจีพีเอส หรือเครื่องใช้ต่างๆในบ้านที่มีการเชื่อมต่อ ในฐานะผู้บริโภค เราสามารถโอนข้อมูลเหล่านี้ย้ายเข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มใดๆก็ตามที่มีหน้าจอ เพื่อวิเคราะห์และเพิ่มคุณค่าของข้อมูลต่างๆได้” - ไบรอัน เดวิด จอห์นสัน, Intel Futurist

ยุคแห่งการการผสานเทคโนโลยีเป็นหนึ่งเดียวได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

เพื่อให้เราก้าวเข้าสู่ยุคใหม่นี้ได้อย่างเต็มตัว อุปกรณ์ที่เราใช้งานก็มีเทคโนโลยีอัจฉริยะใหม่ๆ ที่ช่วยให้เราทำงานและใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงผลที่พับได้ อุปกรณ์สมรรถนะสูงที่ใช้พลังงานเพียงเล็กน้อย หรือแม้แต่อุปกรณ์พกพาราคาถูกที่สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้โดยอัตโนมัติ

การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่สำหรับอุปกรณ์ในยุคนี้จะ มุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์การใช้งานที่หลอมรวม เข้ากับการใช้ชีวิตประจำวัน อุปกรณ์เหล่านี้จะทั้งใช้งานง่าย สะดวกสบาย และพกพาไปได้ทุกหนแห่ง

จึงสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานได้ ทั้งยังเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ไปโดยสิ้นเชิง

ภูมิภาค เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นจะมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไอ ทีให้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่นี้ โดยมีแบรนด์ต่างๆ จากประเทศจีนและศูนย์วิจัยนวัตกรรมมากมายหลายแห่งเป็นผู้ผลักดันให้เกิดความ เปลี่ยนแปลง ทั้งในปี 2558 ที่จะถึงนี้และปีต่อๆ ไป

ยุคแห่ง อินเตอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (Internet of Things - IoT)

ทุกวันนี้ สิ่งของนับพันล้านชิ้นรอบตัวเรา นับตั้งแต่ชิปประมวลผลขนาดจิ๋ว ไปจนถึงเครื่องจักรกลขนาดมหึมา ต่างก็ทำงานสอดประสานกันแบบไร้สาย จนเกิดเป็นเครือข่ายที่เชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน  หรือที่เรียกกันว่า “Internet of Things” (IoT) เครือข่ายดังกล่าวนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยบริษัทวิจัยไอดีซีได้คาดการณ์ว่าตลาด IoT ทั่วโลกจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2556 เป็น 7.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563

ทั้งนี้ IoT จะเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีหลักที่ผลักดันให้เราเดินหน้าเข้าสู่ยุคแห่งการผสานเทคโนโลยีเป็นหนึ่งเดียวในปี 2558 นี้

ข้อมูลจากไอดีซีระบุว่าจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ Internet of Things นี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนล้านชิ้นทั่วโลกในปี 2563 ซึ่งหมายความว่าปริมาณข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นทั่วโลกก็จะเพิ่มขึ้น อย่างมหาศาลด้วยเช่นกัน โดยไอดีซีได้คาดการณ์ว่าปริมาณข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัวในเวลา ทุกๆ สองปี และในปี 2563 เราก็จะมี “จักรวาลดิจิตอล” หรือข้อมูลที่สร้างและเคลื่อนย้ายถ่ายโอนทั้งสิ้นในแต่ละปี รวมทั้งสิ้น 44 เซตตะไบต์ หรือเท่ากับ 44 ล้านล้านกิกะไบต์นั่นเอง

ดังนั้น เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นนี้ได้ เทคโนโลยี ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และมาตรฐานอุตสาหกรรมต่างๆ จะต้องพัฒนาต่อไปในปีหน้านี้ โดยระบบคลาวด์แบบมาตรฐานเปิดจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างมาก

หลังจากที่โลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการผสานเทคโนโลยีเป็นหนึ่งเดียวอย่าง เต็มตัว โครงข่าย IoT จะยก ระดับคุณภาพชีวิตประจำวัน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานในภาคธุรกิจ และเพิ่มศักยภาพในการทำงานของทุกคน จนเกิดเป็นคุณประโยชน์มากมายมหาศาลสำหรับทุกคนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมหรือชุมชนที่พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ อย่างรวดเร็ว ดังจะเห็นได้จากโรงงานของอินเทลแห่งหนึ่งในประเทศมาเลเซีย ที่สามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ถึง 9 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากที่นำระบบ IoT มาใช้งาน

เมื่อ โครงข่าย IoT ถูกนำมาใช้เป็นที่แพร่หลาย และระบบในการวิเคราะห์และจัดการข้อมูลได้พัฒนาศักยภาพให้เพียงพอต่อการรับ มือกับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้น เราก็คาดการณ์ว่าวงการสาธารณสุขจะกลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างสรรค์ นวัตกรรมใหม่ออกสู่สายตาได้อย่างรวดเร็ว

บุกเบิกโลกยุคใหม่อย่างเต็มรูปแบบ

สังคมและชุมชนทั่วโลกจะหันมาใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้อย่างเต็มที่ได้ก็ ต่อเมื่อ ผู้คนมีความเข้าใจในประโยชน์ที่จะได้รับในฐานะผู้ใช้งาน ตัวอย่างเช่นโครงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ซึ่งนำนวัตกรรมล่าสุดมาเสริมศักยภาพของระบบต่างๆ จนกระทั่งดานังกลายเป็นหนึ่งใน “สมาร์ท ซิตี้” แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมี่เป้าหมายเพื่อสร้างสรรค์บริการสาธารณะที่มีคุณภาพให้แก่ประชาชนชาวดา นังและทุกคนที่มาเยือน

ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราทุกคนจะได้เห็นการเติบโตของสมาร์ทซิตี้ ที่มีการบริหารจัดการพลเมืองเป็นแก่นสำคัญ ธุรกิจต่างๆจำเป็นที่จะต้องตระหนักถึงการแข่งขันเพื่อผลประโยชน์ที่จะเพิ่ม มากขึ้น แต่ก็จำ ต้องคงไว้ซึ่งความสมดุลระหว่างผลกำไรของตนเองกับ สิ่งที่เหมาะสมสำหรับพลเมือง สมาร์ทซิตี้เป็นเรื่องของการตั้งคำถามที่ท้าทายกว่าเดิมกับสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันและการพัฒนาบริการต่างๆที่ดีขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้รับประโยชน์ด้วย กันอย่างถ้วนหน้า - เจเนวีฟ เบล, อินเทล แล็บ, ผู้บริหารอินเทล และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย User Experience

อุปกรณ์อัจฉริยะใหม่ๆ ที่จะออกสู่ตลาดในปี 2558 ก็จะใช้งานได้ง่ายขึ้น และเข้ากับความต้องการของผู้ใช้แต่ละคนได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ เรายังจะได้เห็นอุปกรณ์ที่แปลกใหม่ทั้งในด้านรูปลักษณ์ คุณสมบัติ และการใช้งาน เช่น   อุปกรณ์ประมวลผลเพื่อการสวมใส่ หรืออุปกรณ์ที่แสดงผลเป็นสามมิติ อันถือเป็นการช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมที่จะช่วยให้ผู้คนหันมาสนใจโลกยุคใหม่ นี้มากขึ้น

นอกจากนี้ เรายังจะได้เห็นทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคทั่วไปหันมาประยุกต์ใช้เทคโนโลยี หุ่นยนต์กันมากขึ้น เช่นในรูปแบบของเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์สามมิติ ซึ่งมีแนวโน้มจะพัฒนาต่อไปในอนาคต

เตรียมพร้อมก่อนก้าวสู่อนาคต

การจะปรับใช้เทคโนโลยียุคใหม่เหล่านี้ให้ได้ผล ขึ้นอยู่กับการพัฒนาทักษะ ความรู้ และเครื่องมือที่จำเป็นให้กับภาคแรงงาน ทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยจากการสำรวจในหัวข้อภาวะขาดแคลนแรงงานเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา พบว่ากว่าร้อยละ 45 ของผู้จ้างงานในแถบเอเชียแปซิฟิกต้องเผชิญกับปัญหาด้านการขาดทักษะ อันเป็นเหตุให้ผู้ว่าจ้างไม่สามารถหาบุคลากรมาเติมเต็มในตำแหน่งงานที่ ว่างอยู่ได้ โดยหากเราต้องการรักษาให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงสถานะความเป็นผู้นำด้าน นวัตกรรมในโลกยุคใหม่ไว้ได้ ก็จะต้องคิดค้นวิธีการที่จะปิดช่องว่างด้านทักษะและความรู้ตรงนี้ให้ได้เสีย ก่อน เพื่อสร้างโอกาสให้ทุกคนได้ก้าวไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน

ในปี 2558 การศึกษาและการเชื่อมต่อบรอดแบนด์จะเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคและญี่ปุ่น พลเมือง จะมีการเชื่อมต่อมากขึ้น รวมถึงมีการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความสามารถในการผลิตในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญตามไป ด้วย จึงถือเป็นข่าวดีสำหรับเศรษฐกิจของภูมิภาคและตลาดที่กำลังเติบโต และเป็นการวางรากฐานที่ดีให้กับ IoT และระบบคอมพิวเตอร์แบบฝังตัวด้วยเช่นกัน - ปรากาช มัลลยา ผู้อำนวยการอินเทล ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

- See more at: http://www.vmodtech.com/main/article/the-chronicles-of-intel-in-2014/3/#sthash.KlDRGLIe.dpuf

dsc 5219 สรุปเหตุการณ์สำคัญในรอบปี 2557 ของอินเทล

dsc 5226 สรุปเหตุการณ์สำคัญในรอบปี 2557 ของอินเทล

dsc 5236 สรุปเหตุการณ์สำคัญในรอบปี 2557 ของอินเทล

dsc 5229 สรุปเหตุการณ์สำคัญในรอบปี 2557 ของอินเทล

dsc 5231 สรุปเหตุการณ์สำคัญในรอบปี 2557 ของอินเทล

dsc 5232 สรุปเหตุการณ์สำคัญในรอบปี 2557 ของอินเทล

ภาพของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆจากอินเทล ที่นำมาจัดแสดงในงานนี้

ร่วมแสดงความคิดเห็นหรือวิจารณ์ Click!!!
Bookmark บทความ : Zickr Kudd Duocore Techkr aJigg Oncake Lefthit Meetgamer Siamcollective TagToKnow Dunweb Digza
«»