เปิดตำนาน Voodoo ของดีที่โลกลืม

/ บทความโดย: admin , 20/12/2004 02:13, 5,002 views / view in EnglishEN
«»
Share


สวัสดีครับ ผม John-an7 จะมาเล่าขานตำนาน สุดยอดกราฟฟิกการ์ดในอดีด มาให้เพื่อนได้อ่านวันนี้ผมจะเล่าความหลังย้อนกลับไปในอดีตเมื่อประมาณ10ปีที่แล้ว ท่านทั้งหลายคงจะจำกันได้นะครับว่า ในเวลานั้นเมื่อเราเอ่ยถึง 3Dfx ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิฟ 3D อันเลื่องลือของยุค และด้วยกราฟฟิกชิปของบริษัทนี้เองจึงเป็นที่มาของการ์ดแสดงผล 3มิติ ในตระกูล VooDoo ซีรี่ส์ต่างๆเป็นการ์ดอันทรงประสิทธิภาพ และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางที่สุด มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ที่เราจะได้รู้จักต้นกำเนิดของVoodooในยุครุ่งเรืองและจุดล่มสลายของตำนานVooDoo …

            ประวัติ 3Dfx อย่างย่อ



สำหรับจุดเริ่มต้นของทาง 3dfx ได้เกิดขึ้นในปี 1994 ในเวลานั้นScott Sellers, Gary Taralli และ Ross Smith ได้ก่อตั้งบริษัทผลิตชิป 3D ขึ้น โดยเป้าหมายหลักในขณะนั้นคือ การผลิตกราฟฟิกชิป 3D ที่สามารถใช้งานบนเครื่องเกมอาเขต และเครื่องโฮม PC โดยอันที่จริงแล้วจุดประสงค์หลักๆ ของบริษัท 3dfx ในการผลิตชิปตัวนี้ เพื่อที่ว่า เมื่อเกมส์อาเขตใดที่ผู้พัฒนาได้สร้างขึ้นและเป็นที่นิยม ทางบริษัทจะได้แปลงตัวเกม มาจำหน่วยที่เครื่องคอมพิวเตอร์PC ได้ และจากการจำหน่วยกราฟฟิกชิปแบบดังกล่าว นี้ถือว่าเป็นจุดแรก ในการก้าวเข้ามาสู่โลก 3มิติ ของ3dfx


             


หากใลกแห่งความเป็นจริง แตกต่างกับโลกอุดมคติอย่างสิ้นเชิง ในวันที่ 3dfx ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำในโลก 3D เพียงช่วงเวลาไม่นาน nvidia ก็ได้ก้าวเข้ามา และเติบโตอย่างเรื่อยๆ อย่างมั่นคงพร้อมสร้างพลังขับเคลื่อน 3D อันน่าตื่นตะลึงผ่านกราฟฟิกชิปของต้นเอง ในขณะที่ 3dfx ได้ประสบปัญหาการผลิตตัวการ์ดล่าช้า และเลื่อนเวลาการนำกราฟฟิกชิปป้อนตลาดอย่างเหมาะสมหลายครั้งหลายครา อย่างไรก็ตาม อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับเมื่อเวลาได้ผ่านไป เทคโนโลยีในการพัฒนาตัวชิป ของ 3dfx กลับทาง nVdia ทิ้งห่างมากขึ้นเรื่อยๆ ผนวกกับทาง 3dfx ยังวางแผนการตลาดผิดพลาดจากการเลือกผู้ผลิตอย่าง STB และ Gigabyte โดยหวังที่จะสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มยอดขายให้กับตัวการ์ดของ 3dfx ซึ่งในความเป็นจริงการตัดสินใจนี้กลับเป็นบ่อเกิดปัญหาที่สร้างหนี้สินให้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งวันที่ 15 ธันวาคม 2000 บริษัทเริ่มถอดถอนบุคลากร ที่สำคัญออกและสั่งยุติขั้นตอนการผลิตกราฟฟิกชิปของตนเองโดยถาวร


ชิปกราฟฟิกตัวสุดท้าย



หลายคนคงสงสัยว่าการ์ดแสดงผลตัวสุดท้ายของ 3dfx คือตัวใด ?? คำตอบก็คือ การ์ด Voodoo5 6000 โดยในปี 1999 ทาง 3dfx ได้เผยว่า การ์ด Voodoo5 6000 กำลังจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกใบนี้ และหากย้อนกลับไปหนึ่งขั้น ในขณะที่รหัสในการพัฒนาของการ์ดตัวนี้ คือ Napalm ในเวลาเดียวกัน ทางบริษัท 3dfx ยังไม่ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดทางเทคนิคใดๆของการ์ดของตน ต่อมาในช่วงก่อนปี2000 เราหลายคนจึงได้ทราบกันว่า กุญแจสำคัญของการ์ด Voodoo5 6000 คือ Memory Banwidth ที่โดดเด่นกว่าการ์ดตัวอื่นๆ และจากองค์ประกอบส่วนนี้เอง Voodoo5 6000 จึงถูกประเมินกว่าจะมีประสิทธิภาพในการใช้งาน ในโหมด Anti-Aliasing ที่โดดเด่นเหนื่อการ์ดตัวอื่นๆ


ถัดมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี2000 ตัวการ์ดVoodoo5 6000 ตัวจริงก็ได่ถูกปล่อยออกมาสู่สาธาณชนเป็นครั้งแรก ซึ่งประสิทธิภาพของมันกลับไม่ได้ทำให้โลกตื่นตะลึงซักเท่าไหร่


เพราะเหตุใดกัน ???


คำตอบก็คือ เพราะการ์ดของทางคู่แข่งอย่าง nVidia ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมออย่างการ์ด Geforce2 ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทและเริ่มครองใจผู้ใช้ส่วนหนึ่ง ซึ่งด้วยประสิทธิภาพของการ์ดตัวนี้เองทำให้ Voodoo5 6000 จึงถูกสกัดดาวรุ่งอย่างรุนแรง นอกจากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ชาวโลกก็ได้สัมผัสกับพลังของ Geforce2 Ultra ที่สามารถแสดงความโดดเด่นในการแสดงผลที่ เหนือกว่าทั้งความละเอียด และ Frame rate



อีกครั้งที่ทาง 3dfx ถูกตีแซกหน้าและอนาคตอันไม่สดใส่ได้ก้าวเข้ามากระชั้นชิดขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ดี สำหรับ เกมเมอร์ผู้ที่ศรัทธาใน 3dfx ที่มีจำนวนมากก็ยังไม่หวั่นไหวกับประสิทธิภาพของ Geforce2Ultra ซักเท่าไหร่ เนื่องจากพวกเขาเหล่านั้นต่างมอง Vodoo5 6000 เป็นดั่งของขวัญที่ประทานมาจากพระเจ้า(ผมหละคนนึง)


กราฟฟิกชิปหลายตัวบนการ์ดเดียว



พลังในการทำงานของการ์ด Vodoo5 6000 ได้มาจากการพึ่งพาหน่วยประมวลผลจำนวนมากกว่า1ตัว ซึ่งจัดเป็นวิธีพื้นฐานสำหรับเพิ่มพลังในการประมวลผลที่คลาสสิกทีเดียว ด้วยกราฟฟิกชิปประมวลผล VSA-100 จำนวน4ตัว ของVoodoo5 6000 ชิป VSA-100 ทั้ง4ตัวจะทำงานแบบ Four-way scanline interleave คือทำงานโดยแบ่งภาระในการแสดงผลออกเป็น4ส่วน โดยแบ่งภาระการทำงานของชิปตัวละ1ส่วน ดังนั้นชิปแต่ละตัว จะมีหน่วยความจำเป็นของตัวเองโดยเฉพาะตัวละ32Mb



อย่างไรก็ตาม สังเกตุได้ว่าการ์ดตัวนี้ยังใช้เทคโนโลยีแบบสมัยเก่า ยกตัวอย่างเช่น การเลือกหน่วยความจำแบบเก่าอย่าง Sd-Ram โดยการทำงานของหน่วยความจำดังกล่าว จะเป็นการทำงานแบบแยกอิสระ และค่อยรวมประสิทธิภาพจากการทำงานทั้งหมดสู่จอ แน่นอนว่า จุดด่างจุดหนึ่งที่3dfx ประสบปัญหาในการออกแบบตัวการ์ด และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้คือ การที่ตัวการ์ด Voodoo5 6000 มีหน่วยความจำในตัวที่สูงถึง128Mb ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่สูงมากในขณะนั้น ผลกระทบที่ตามมาก็คือ ราคาจำหน่าย ของตัวการ์ดที่มาราคาสูงจนอยู่ในระดับที่น่ากลัว การ์ดตัวนี้ถูกกำหนดราคาคร่าวๆไว้ประมาณ 500-600 US$ ด้วยราคาดังกล่าวในเวลานั้น มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะซื้อหามาใช้งาน ตอกย้ำความยากลำบากอีกครั้งให้ 3dfx ด้วยการที่ตัวการ์ดมีความซับซ้อนในการผลิตสูง จากการประสบปัญหาในการผลิตที่ล่าช้านี้เองการ์ด Voodoo5 6000 จึงไม่สามารถต่อกรกับแผนการตลาดของ nVidia ที่ดูจะได้ดึงเอาความได้เปรียบนี้มาใช้อย่างเต็มที่ และเครื่องมือที่ nVidia เลือกใช้ในขณะนั้นก็คือการ์ด Geforce2 นั้นเอง


หนึ่งปีก่อนหน้านี้ 3dfx เปิดตัว Voodoo5 5500


15 เมษายน 2000 ในที่สุด 3dfx ก็สามารถเปิดตัวระบบเร่งความเร็วกราฟฟิก Voodoo5 5500 ที่ผู้ใช้รอคอยมาเป็นเวลานาน การ์ดรุ่นนี้น่าจะวางขายภายในวันที่ 15 เมษายน 2000 โดยแต่เดิมการ์ด Voodoo5 เตรียมที่จะคลอดในช่วงคริสต์มาสปี 1999 แต่ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากเจอปัญหา เกียวกับการออกแบบขั้นสุดท้ายเพื่อให้การ์ดทำงานได้อย่างเต็มที



การ์ด Voodoo5 5500 มีชิป VSA-100 สองตัวทำงานพร้อมกัน โดยเมมโมรี SDRAM ความเร็ว 166Mhz จำนวน32Mb รองรับการทำงานของชิปแต่ละตัว ซึ่งรวมแล้วเท่ากับ 64Mb ชิปสองตัวช่วยสร้างภาพในแบบ Full-screen anti-aliasing(FSAA) ขึ้นมาได้เป็นครั้งแรกของโลกโดยให้ภาพที่ขอบไม่มีรอยหยัก หรือปัญหาภาพเพี้ยนอื่นๆ เหมือนกับการ์ดรุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งจะทำให้การ์ดเร่งความเร็วภาพ 3D มีคุณภาพในการแสดงผลที่ดีกว่ามาก นอกจากนั้น FSAA ยีงคอมแพตทิเบิลกับเกมและแอพพลิเคชัน 3d รุ่นเก่าๆอีกด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ได้รับผลประโยชน์ทันที

————————————————–


การเปิดตัว Voodoo5 5500 ในครั้งนี้ 3dfx หวังว่าจะช่วยให้ตนเองกลับมาครองตำแหน่งผู้นำตลาด 3D ได้อีกครั้งหนึ่ง แต่ในช่วงที่ Voodoo5 ยังไม่ได้คลอดออกสู่ตลาด บริษัท nVdia ได้เปิดตัวการ์ด Geforce รุ่นไหม่ออกสู่ตลาดในช่วงเดือนตุลาคม 1999 ซึ่งทำให้ nVdia ขึ้นแท่นกลายเป็นผู้นำการ์ด 3D ระดับไฮเอนด์ขึ้นได้ทันที โดยปราศจากคู่แข่งที่แท้จริงไปหลายเดือนเลยที่เดียว ส่วนการ์ด ATi Rage Fury MAXX ที่มีชิปในตัวสองตัว ก็สร้างความผิดหวังไม่แพ้กัน โดยไม่อาจแข่งขันในเรื่องของประสิทธิภาพกับ Geforce ได้เช่นกัน เนื่องจาก Geforce คือการ์ดระดับผู้บริโภคชนิดแรกที่มีกลไก T&L ในตัว



แต่หลังจากคลอดการ์ด Voodoo5 5500 ออกมาแล้ว 3dfx ก็สามารถแข่งขันหรืออาจจะเหนือกว่า Geforce ด้วยซ่ำไป เมื่อใช้โปรแกรมทดสอบและแอพพลิเคชั่นจริงเป็นตัววัด ผู้เชี่ยวชาญคิดว่า nVdia จะโต้กลับโดยใช้ Geforce2GTS ซึ่งน่าจะคลอดภายในปีนี้ ส่วน 3dfx จะเปิดตัวสินค้าชูโรง Voodoo5 6000 ที่ใช้ชิป 4 ตัวภายในปลายฤดูร้อนของปี2000 โดยที่น่าจะตั้งราคาขายปลีกเอาไว้ที่ 599 US$ ซึ่งคาดกันว่า Voodoo5 6000 น่าจะเป็นกราฟฟิกการ์ดชนิดแรกของโลกที่มีฟิลเรตมากกว่า 1 พันล้าน Texels ต่อวินาที ซึ่งถือว่าเป็นประสิทธิภาพสูงสุดในทางทฤษฏีของการ์ดกราฟฟิกแล้ว การ์ด Voodoo5 5500 จะเริ่มจำหน่ายในวันที่ 21 เมษายน 2000 ในราคา 299 US$


การต่อสู้ที่น่าจะเกิดขึ้น


จะเกิดอะไรขึ้นถ้า Voodoo5 6000 ถูกปล่อยให้ออกมาในช่วงเวลาที่สามารถต่อกรกับ Geforce ได้อย่างพอดิบพอดี หลายเขื่อว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง จะเป็นการต่อสู่ที่สมน้ำสมเนื้อ น่าชมเป็นอย่างยิ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว คู่มวยในเวลานั้นคือ Voodoo5 6000 VS Geforce2Ultra ที่มาพร้อมหน่วยความจำ DDR  ซึ่งจริงอยู่ แม้ว่าบริษัท 3dfx สามารถเลือกใช้หน่วยความจำ แบบ DDR มาเสริมเขี้ยวเล็บให้กับการ์ดของตนเองได้เช่นเดียวกับ ทาง nVdia แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทาง 3dfx คงเลือกใช้หน่วยความจำแบบ DDR ไปแล้ว หากไม่มีปัญหาด้านการเงินของบริษัทค้ำคออย่างที่เป็นอยู่


       


มีการคาดคะเนตามมาอีกว่า หากการ์ด Voodoo 5 6000 ถูกวางจริงในปี2000 ถึงวันนี้บรรดาเกมเมอร์ระดับ HardCore จะยังคงใช้งานมันอยู่หรือไม?? คำตอบก็คือหมดสิทธิ์ครับ ด้วยมาตรฐานการทดสอบเกมในปัจจุบัน VooDoo5 6000 ทำคะแนนได้ดีที่สุดบนโปรแกรม 3Dmark2001 ด้วยคะแนนแค่ประมาณ 1800 เท่านั้นและไม่ต้องสงสัยเลยว่า ประเด็นหลักๆ ที่สำคัญ จะมุ่งไปที่ฟีเจอร์อย่าง FSAA ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่รองรับกับ DirectX โดยเฉพาะ และเมื่อ Voodoo5 6000 ไม่ได้เป็นการ์ดที่ออกแบบมารองรับกับ DirectX โดยตรง ผสานกับเมื่อการ์ดไปทดสอบบน Quake III Demo001 (OpenGL) บนความละเอียด 1024×768 โหมดสี 32บิต และเปิดการใช้งาน FSAA ตัวการ์ดยังให้ประสิทธิภาพได้เพียงแค่ 76.2fps เท่านั้น บนการใช้งานโหมด FSAA ของเกมที่อิงกับ DirectX โดยเฉพาะเกมในปัจจุบัน ประสิทธิภาพที่ได้คงลดลงจนไม่อยากเอ่ยถึง


3dfx ยกเลิกการเปิดตัวการ์ด Voodoo5 6000 และปิดกิจการผลิตการ์ดกราฟฟิก


5 พฤศจิกายน 2000 บริษัท 3dfx ได้ออกมาประกาศยกเลิกการเปิดตัว Voodoo5 6000 อย่างเป็นทางการ ในตอนแรกบริษัทคาดว่าจะเปิดตัวการ์ดตัวนี้ได้ในช่วง ฤดูร้อน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการ์ดรุ่นนี้น่าจะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าการ์ดของบริษัท nVdia อีกด้วย แต่ทว่าสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามแผนที่ 3fdx วางเอาไว้


หลังจากที่เลื่อนการวางจำหน่ายออกไป 4 เดือน การ์ดในตระกูล Voodoo5 เริ่มแสดงความล้าหลังในเรื่องของเทคโนโลยีมาขึ้น เมื่อบริษัท nVdia ได้เปิดตัว Geforce2 Ultra ที่ใช้ DDR SDRAM ความเร็ว 250Mhz(500 DDR) ซึ่งทำให้ nVdia ได้ตำแหน่งเจ้าแห่ง Gigatexels ไปครอง แม้แต่การ์ดระดับโลเอนด์ ของ ATi ก็ยังเหนือกว่าการ์ดที่ดีที่สุดของ 3fdx โดยที่ Ati ที่การ์ดตระกูล Radeon ซึ๋งมีประสิทธิภาพเดียวกับการ์ด Geforce2 และใช้เมมโมรี DDR Ram เป็นต้น ส่วนการ์ด Voodoo5 มีข้อจำกัดของการใช้ SDR Ram รุ่นเก่าที่มีความเร็ว 166Mhz เท่านั้น แม้ว่าโครงสร้าง ชิปคู่ ของ Voodoo5 ยอมให้มีการใช้สองเชนแนลติดต่อกับ Ram แทนที่จะเป็นช่องทางเดียว ซึ่งทำให้ได้ประสิทธิภาพ เวอร์ชวล ของ SDR ram ที่ 333Mhz ก็ตาม ดังนั้นแม้ว่ามีการใช้รูปแบบชิปคู่ แต่ Voodoo5 จังไม่อาจจัดว่าเป็นการ์ดกราฟฟิกประสิธิภาพสูงสุดสำหรับในปัจจุบันอีกต่อไป



ในตอนนี้เองที่ 3dfx จะนำการ์ด Voodoo5 6000 ออกวางจำหน่ายทั่วไป แต่บริษัทตัดสินใจขายลิขสิทธิ์เทคโนโลยีชนิดนี้ให้แก่อดีตบริษัทในเครื่อของ 3dfx ที่ชื่อ Quantum แทน เพื่อผลิตออกมาเป็นการ์ดกราฟฟิกระดับ Workstation แทนโดยที่การ์ดดังกล่าวจะไม่วางจำหน่ายทั่วไป นอกจากนั้น 3dfx ยังได้ตัดสินใจขายโรงงานผลิตใน Maxico ซึ่งซื้อมาใว้ในครอบครองได้แค่2ปีเท่านั้นอันเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อกิจการของบริษัทผลิตการ์ด STB Systems มาไว้ครอบครอง 3dfx ต้องการย้อนกลับไปใช้โครงสร้างเดิมของตนเองที่เป็นการออกแบบ ชิปเซตที่ใช้ในการ์ดกราฟฟิกเท่านั้น แล้วปล่อยให้การผลิตการ์ดไปอยู่ในมือของบริษัทอย่าง Diamond Multimedia และ STB Systems แทนบริษัทคู่แข่งอื่นๆ อย่าง nVdia ใช้รูปแบบกันทำธุรกิจแบบนี้มานานแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากของการผลิตการ์ดของตัวเอง 


nVdia ซื้อกิจการ 3dfx


21 มีนาคม 2001- บริษัท nVdia ออกมาประกาศว่าได้ซื้อกิจการของ บริษัท 3dfx Interactive มาใว้ในครอบครองได้แล้ว ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนีถ้าหากเป็นเมื่อ 12 เดือนก่อน น่าจะมีความยิ่งใหญ่ เหมือนกับการที่ Intel ซื้อกิจการของ AMD เลยที่เดียว การซื้อกิจการครั้งนี้ถ้าหากทำให้ 3dfx ตกลงที่จะยกเลิกการฟ้องร้องทั้งหมดที่มีต่อ nVdia ซึ่งประกอบไปด้วย การฟ้องร้องหลายอย่างที่ 3dfx กล่าวหาว่า nVdia ละเมิดสิทธิบัตรของตนเอง การซื้อขายครั้งนี้ nVdia ได้สิทธิในสิทธิบัตรและเทคโนโลยีต่างๆ ของ 3dfx รวมทั้งระบบเร่งความเร็ว 3d ตะกูล Voodoo5 เทคโนโลยี Mosaic รุ่นต่อไป และบริษัทในเครือของ 3dfx ที่ชื่อ GigaPixel อีกด้วย



นักวิเคราะห์มองว่าการซื้อกิจการครั้งนี้ถือว่าเป็นการพลิกผันโชคชะตาครั้งใหญ่ของ 3dfx ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำอุตสาหกรรมนี้มาก่อน โดยเคยเป็นผู้บุกเบิกตลาดระบบเร่งความเร็ว 3d ในผลิตภัณฑ์ Voodoo ของตนมาตั้งแต่ปี 1996 ส่วน nVdia เพิ่งเข้ามาสู่ตลาด 3d ในภายหลังจากนั้น2ปี โดยในตอนแรกๆ มีผู้เรียก nVdia ว่า บริษัทที่พยายามเลียนแบบ 3dfx โดยการคลอดการ์ดกราฟฟิกรุ่น Riva128 ออกมา แต่ในช่วงปี 1997-2000 nVdia สามารถแย่งตำแหน่งผู้นำของตลาดนี้ไปได้ โดยครองตลาดส่วนใหญ่ไปได้ในเดือน ตุลาคม 2000 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว 3dfx มีปัญหาได้การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ล่าช้าหลายครั้ง และไม่สามารถรักษาผลกำไรของตัวเองไว้ได้


ปิดตำนาน 3fdx


ไม่ว่าความเป็นจริงจะเป็นเช่นไรก็ตาม แต่หลายคนคงไม่ปฏิเสธว่า การ์ดตระกูล Voodoo โดยเฉพาะการ์ด Voodoo5 6000 เป็นการ์ดที่คลาสสิค และมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง และเราทุกคนยังคงสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า จะอีกนานเท่าไหร่หนอ ที่เราจะได้เห็นกราฟฟิกการ์ดที่ผนวกเอา กราฟฟิกชิป 4 ตัว นำมาไว้บนบอร์ด PCB เดียวกัน ? ต่อไปนี้อยากไม่มีอีกแล้วก็เป็นได้ นอกไปจากหลักการทำงานที่คลาสสิกเข้าขั้น เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการ์ดในตระกูล Voodoo คือ สีสันและรายละเอียดของพื้นผิวในเกมสายมิติ ชิป 3d ของ 3dfx ได้รับการยอมรับว่าเป็นชิปที่ให้สีสันของภาพที่โดดเด่นกว่าชิป 3d รายอื่นๆ แต่แม้ว่า Voodoo5 6000 จะมีความคลาสสิกในตัวสูงมาก ก็ยังน่าเสียดายว่า การ์ดตัวนี้ก็ยังไม่สามารถเป็นการ์ดที่กอบกู้บริษัท 3dfx ไว้ได้ ในทางกลับกัน มันกลายเป็นการ์ดตัวสุดท้ายของ 3dfx



ในวันนี้ เราทุกคนก็คงได้แต่อาลัย และนึกถึงอดีตอันน่าจดจำของการ์ดจากผู้ผลิตอย่าง 3dfx และเราคงทราบกันแล้วว่า เรื่องราวเกี่ยวกับจุดจบที่น่าเศร้าของบริษัทนี้ ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่เกิดจากสาเหตุหลายๆ ประการ และสาเหตุเหล่านั้นเอง เป็นคำตอบที่ว่า ทำไม? โลกของกราฟฟิกการ์ดในวันนี้ จึงไม่มีชื่อ 3dfx สถิตอยู่ !!!!


 

ขอขอบคุณ หนังสือ QuickPC ฉบับที่ 149 วันที่ 5 Aug 03 ที่ให้ผมเอาบทความดีๆ มาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน


สุดท้ายนี้ ขอเชิญเพื่อนสมาชิกทุกท่าน ร่วมวิจารณ์บทความนี้โดยการ คลิกที่นี่ครับ

«ก่อนหน้า 1 2 แสดงทั้งหมด ถัดไป»

Bookmark บทความ : Zickr Kudd Duocore Techkr aJigg Oncake Lefthit Meetgamer Siamcollective TagToKnow Dunweb Digza
«»