อินเทล® คอร์™ เจนเนอเรชั่น 4 ผลักดันกระแสการเกิดอุปกรณ์ทูอินวันรุ่นใหม่ โปรเซสเซอร์ตระกูลใหม่จากอินเทลที่กินไฟต่ำแต่ให้สมรรถนะสูงจนน่าทึ่ง
Share | Tweet |
อินเทล® คอร์™ เจนเนอเรชั่น 4 ผลักดันกระแสการเกิดอุปกรณ์ทูอินวันรุ่นใหม่
โปรเซสเซอร์ตระกูลใหม่จากอินเทลที่กินไฟต่ำแต่ให้สมรรถนะสูงจนน่าทึ่ง
ประเด็นข่าว
· ซิสเต็มออนชิพ รุ่นแรกสำหรับพีซี กระตุ้นให้เกิดอุปกรณ์รูปลักษณ์ใหม่และดีไซน์แบบทูอินวัน
· อินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 4 ทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นถึงร้อยละ 50 ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มที่สูงที่สุดเท่าที่อินเทลเคยทำไว้
· อินเทล คอร์ เจนเนอเรชั่น 4 ที่มี อินเทล® ไอริส™ (Intel® Iris™) จะทำให้ประสิทธิภาพของกราฟิกดีขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์รุ่นเดิม
วันที่ 17 มิถุนายน 2556 – บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดตัวโปรเซสเซอร์ตระกูล อินเทล® คอร์™ เจนเนอเรชั่น 4 เพื่อฉีกรูปแบบการประมวลผลคอมพิวเตอร์จากเดิมโดยสิ้นเชิง ไปสู่รูปแบบใหม่ที่ให้ประสบการณ์การใช้งานด้วยประสิทธิภาพสูงสุด และตรงกับความต้องการเฉพาะของผู้ใช้งานแต่ละคน ความจุของแบตเตอรี่ที่อัดแน่นจนใช้ได้นานเป็นพิเศษ ระบบกราฟิกที่ทันสมัยที่สุด และรูปแบบการใช้งานของอุปกรณ์ใหม่ๆ อาทิ อุปกรณ์ทูอินวัน แท็บเล็ต อุปกรณ์ ออลอินวันแบบพกพาที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง ตลอดจนอุปกรณ์เชิงธุรกิจซึ่งมีคุณสมบัติด้านบริหารจัดการที่มาพร้อมเทคโนโลยี อินเทล® วีโปร™ เป็นต้น
อินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ รุ่นใหม่มีประสิทธิภาพสูงอย่างเหลือเชื่อในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตอบสนองต่อคำสั่ง ระบบรักษาความปลอดภัย และสมรรถะนะที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถสร้างหรือใช้ คอนเทนท์ต่างๆ ได้อย่างคล่องตัวสูงสุดเมื่อมีการใช้งานนอกสถานที่ เพราะโปรเซสเซอร์รุ่นนี้เป็นชิพ รุ่นแรกที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมดเพื่ออัลตร้าบุ๊กโดยเฉพาะ นับตั้งแต่ยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีครั้งสำคัญ คือ อินเทล® เซนทรีโน® เป็นต้นมา การเปิดตัว อินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 4 ในครั้งนี้ เป็นการผสานรวมประสิทธิภาพสูงสุดของพีซีเข้ากับความคล่องตัวของแท็บเล็ต ซึ่งจะนำไปสู่การกระตุ้นให้อุปกรณ์รูปแบบใหม่อย่างทูอินวันเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย
ด้วยคุณสมบัติด้านการใช้พลังงานที่กินไฟต่ำเพียง 6 วัตต์ ทำให้ผู้ผลิตสามารถออกแบบอุปกรณ์โดยใช้โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่นี้ ให้ดีไซน์ของเครื่องบางและเบาขึ้น ร้อนน้อยลง เงียบลง และไม่ต้องใช้พัดลมในเครื่องอีกต่อไป นอกจากนี้ อินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ รุ่นใหม่ ยังช่วยกระตุ้นให้มีการออกแบบอุปกรณ์แนวใหม่ๆ มากขึ้น เช่น พีซีออลอินวันที่ใช้งานแบตเตอรี่ได้นานขึ้น ซึ่งเป็นการนำเอารูปแบบการใช้งานที่คล่องตัวมาใช้กับอุปกรณ์ออลอินวันที่มีอัตราการเติบโตในตลาดที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อินเทล คอร์โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 4 รุ่นใหม่ถือเป็นโปรเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด มีประสิทธิภาพของการใช้งานแบตเตอรี่ดีขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์รุ่นก่อนหน้านี้
นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “อินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 4 ทำให้แบตเตอรี่มีประสิทธิภาพสูงในระดับก้าวกระโดดซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดเท่าที่อินเทลเคยทำไว้ ระบบกราฟิกที่ดีขึ้นกว่าเดิมสองเท่า และเป็นซีพียูที่ได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิมมากเพื่อรองรับรูปแบบการใช้งานใหม่ๆ ได้อย่างน่าสนใจสำหรับผู้บริโภคทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย การเปิดตัวครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้ตลาดอุปกรณ์รูปแบบใหม่อย่างทูอินวันได้รับความนิยมเร็วขึ้น เพราะอุปกรณ์ดังกล่าวจะรวมคุณสมบัติที่ โดดเด่นของทั้งโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตเข้าไว้ด้วยกัน ปีนี้จึงน่าจะเป็นปีที่ดีที่สุดที่ผู้บริโภคจะเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ทูอินวันแบบใหม่แทนแท็บเล็ตหรือพีซีรุ่นเก่า”
ปัจจุบัน คอมพิวเตอร์สำหรับนักธุรกิจและผู้บริโภคที่ใช้อินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 4 เริ่มมีวางจำหน่ายแล้ว โดยผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ชั้นนำจะเริ่มจำหน่ายอัลตร้าบุ๊กทูอินวัน อุปกรณ์พกพา ออลอินวัน รวมทั้งแล็บท้อปและพีซีรูปแบบดั้งเดิมในเร็วๆ นี้ ส่วนคอมพิวเตอร์พกพาที่ใช้ในเชิงธุรกิจ ซึ่งมี อินเทล® คอร์™ วีโปร™ เจนเนอเรชั่น 4 จะเริ่มมีจำหน่ายภายในสิ้นปีนี้ ผู้สนใจสามารถดูราคาของอินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ รุ่นใหม่ได้ที่ www.intc.com
กินไฟน้อย แต่ให้ประสิทธิภาพสูงและระบบกราฟิกที่โดดเด่นสะดุดตา
อินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 4 เป็นรุ่นที่มีการพัฒนาประสิทธิภาพด้านแบตเตอรี่ที่สูงที่สุดของอินเทลเมื่อเทียบกันระหว่างรุ่นต่อรุ่น โดยหากเทียบกับเจนเนอเรชั่นก่อนหน้านี้ โปรเซสเซอร์รุ่นล่าสุดจะทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ดีขึ้นร้อยละ 50 ในกรณีที่เครื่องกำลังทำงาน เช่น ขณะชมภาพยนตร์หรือท่องอินเตอร์เน็ต และดีขึ้นสองถึงสามเท่าเมื่ออยู่ในโหมดสแตนบาย สำหรับอุปกรณ์บางรุ่นที่จะเริ่มจำหน่ายในปีนี้ การชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้งจะทำให้แบตเตอรี่ใช้ได้นานกว่า 9 ชั่วโมงเมื่ออยู่ในโหมดทำงาน และใช้ได้นาน 10-13 วันเมื่ออยู่ในโหมดแสตนบาย โดยที่เครื่องจะยังคงมีการรับข้อมูลตลอดเวลาได้ตามปกติ
ความก้าวหน้าดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่อินเทลสามารถลดอัตราการใช้พลังงานในระดับซีพียูได้เกินกว่าระดับที่เคยตั้งไว้ ซึ่งเหลือเพียงแค่ 6 วัตต์เท่านั้น แต่ยังคงรักษาระบบการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การปรับปรุงดังกล่าวครอบคลุมตั้งแต่ซิสเต็มออนชิพ (SoC) และเทคโนโลยีระดับแพลตฟอร์มไปจนถึงเทคโนโลยีขั้นตอนการผลิตแบบ 22 นาโนเมตรที่ล้ำสมัยของอินเทล นอกจากนี้ อินเทลยังปรับปรุงด้านการใช้พลังงานทั้งในขณะที่เครื่องมีการทำงานและในขณะที่เครื่องหยุดพักการทำงาน ผ่านการพัฒนาโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของโปรเซสเซอร์ให้กินไฟต่ำเป็นพิเศษ ทำให้ซีพียูใช้พลังงานน้อยมากเมื่ออยู่ในโหมดหยุดพักการทำงานหากเทียบกับโปรเซสเซอร์รุ่นก่อนหน้านี้
อินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 4 เป็นโปรเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับตลาดระดับเมนสตรีมในปัจจุบัน และมีระบบกราฟิกที่ดีกว่าเดิมอีกด้วย เมื่อเทียบกับเครื่องในรุ่นใกล้เคียงกันที่ใช้มานานกว่า 4 ปี ผู้ใช้จะรู้สึกได้ทันทีว่าการทำงานของเครื่องเร็วกว่าเดิมถึงสองเท่า เครื่องกลับสู่โหมดพร้อมใช้งานได้เร็วกว่าเดิม 8 เท่า สามารถแก้ไขและแชร์วิดีโอระบบไฮเดฟฟินิชั่นได้เร็วขึ้นประมาณ 20 เท่า
นอกจากนี้ อินเทลยังพัฒนาระบบกราฟฟิกให้มีขีดความสามารถกว้างขึ้นในระดับเอสโอซีเพื่อรองรับการแสดงผลกราฟิกที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าเดิมโดยที่ตัวอุปกรณ์ยังคงมีดีไซน์ที่บางและเบา กราฟฟิก อินเทล® ไอริส™ (Intel® Iris™) จะมีอยู่ใน อินเทล คอร์ เจนเนอร์เรชั่น 4 บางรุ่น โดยเทคโนโลยีนี้จะทำให้ประสิทธิภาพของกราฟิกสามมิติเหนือกว่าเดิมสองเท่า เมื่อเทียบกับกราฟิก อินเทล ไฮเดฟฟินิชั่น รุ่นที่เร็วที่สุดในปัจจุบันของอุปกรณ์พกพา กราฟิก อินเทล ไอริส จะทำให้อุปกรณ์พกพามีระบบกราฟิกในตัวที่สมบูรณ์แบบโดยไม่จำเป็นต้องซื้อกราฟิกการ์ดเพิ่มอีกต่อไป
ฉีกรูปแบบการประมวลผลแบบเดิมๆ และใช้อัลตร้าบุ๊กพลังแรงจากอินเทล คอร์ ได้อย่างมั่นใจ
อินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 4 ช่วยสร้างรูปแบบใหม่ๆ ในการโต้ตอบกันระหว่างผู้ใช้กับ ตัวอุปกรณ์มากขึ้นเพื่อให้การใช้งานโดยรวมดีขึ้นกว่าเดิม อินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 4 ถูกออกแบบใหม่หมดตั้งแต่ต้นเพื่อใช้กับอัลตร้าบุ๊กโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ อีกครั้งในวงการ อินเทล คอร์ รุ่นใหม่นี้เข้ามายกระดับศักยภาพของอัลตร้าบุ๊ก รวมทั้งทำให้วิสัยทัศน์ของอินเทลเมื่อสองปีก่อนกลายเป็นความจริง ด้วยการผสานรวมสิ่งที่ดีที่สุดต่างๆ ไว้ในดีไซน์สำหรับอุปกรณ์พกพาดีไซน์บางเฉียบเรียบหรูเพียงชิ้นเดียว ซึ่งได้แก่ ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด การตอบสนองที่รวดเร็ว อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยอดเยี่ยมและมีระบบรักษาความปลอดภัยในตัว
อัลตร้าบุ๊กรุ่นใหม่ๆ จะมีระบบหน้าจอสัมผัสและมีคุณสมบัติ อินเทล ไวร์เลส ดิสเพลย์ ในตัว เพื่อให้เครื่องมีรูปแบบการโต้ตอบกับตัวอุปกรณ์ได้ทั้งแบบระบบสัมผัสและโดยการเคลื่อนไหวร่างๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมทั้งยังมีโหมดความเร็วให้ใช้ในกรณีเล่นเกมที่ต้องการความล่าช้าต่ำบนจอขนาดใหญ่ นอกจากนี้ อัลตร้าบุ๊กยังมีระบบควบคุมและสั่งงานโดยใช้เสียงพูด เพื่อความคล่องตัวของผู้ใช้งานในการเลือกวิธีการที่เป็นธรรมชาติและง่ายที่สุดสำหรับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ อัลตร้าบุ๊กจะเปลี่ยนจากโหมดการพักเครื่อง (deep sleep) มาสู่โหมดพร้อมใช้งานได้ภายใน 3 วินาที และในบางกรณีอาจเร็วกว่านั้น เพื่อให้เครื่อง “พร้อมใช้งานได้ทันที” ได้อย่างที่ต้องการ ในขณะที่อัลตร้าบุ๊กอยู่ในโหมดใช้พลังงานต่ำ เครื่องจะยังคงสามารถรับข้อมูลต่างๆ จากทั้งอีเมล์ สังคมออนไลน์ และการอัพเดทอื่นๆ อยู่ตลอดเวลา ผู้ใช้จึงไม่ต้องเสียเวลารอเครื่องอัพเดตข้อมูลต่างๆ เมื่อเครื่องกลับเข้าสู่โหมดพร้อมใช้งาน
นอกจากนี้ อัลตร้าบุ๊กยังมีระบบรักษาความปลอดภัยในตัว ซึ่งประกอบด้วยเทคโนโลยี Intel Identity Protection Technology (Intel IPT) และ Intel Anti-Theft Technology (Intel AT) เพื่อช่วยปกป้องระบบคอมพิวเตอร์ได้ดียิ่งขึ้น เว็บไซต์ต่างๆ ที่จับมือเป็นพันธมิตรกับ Intel IPT จะช่วยปกป้องข้อมูลการล็อกอิน เพื่อทำให้ข้อมูลที่ต้องการการระบุอัตตลักษณ์ของคุณปลอดภัยมากขึ้นด้วยระบบตรวจสอบที่ใส่ไว้ในระดับฮาร์ดแวร์ ในขณะที่ Intel AT จะช่วยปกป้องอัลตร้าบุ๊กด้วยการปิดระบบการทำงานของเครื่องโดยอัตโนมัติในกรณีที่เครื่องสูญหายหรือถูกขโมย ส่วนบริการ McAfee LifeSafe ที่เพิ่งเปิดตัวไปจะช่วยเพิ่มการปกป้องระดับสูงสุดจากการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีอยู่ใน อินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ รุ่นใหม่ รวมทั้ง Intel IPT และ Intel AT ด้วย
พัฒนามาสำหรับองค์กร: เครื่องที่ใช้ในเชิงธุรกิจ เวิร์กสเตชั่น และระบบอัจฉริยะ
คุณสมบัติต่างๆ ที่มีอยู่ใน อินเทล คอร์ วีโปร โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 4 จะทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยรัดกุมและเข้มงวดยิ่งขึ้น และเพิ่มประสิทธิผลของการใช้งานในเชิงธุรกิจให้มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจว่าพนักงานไอทีและผู้ใช้ทั่วไปจะสามารถใช้งานในเชิงธุรกิจได้ดีที่สุด โดยในขณะนี้ อินเทล คอร์ วีโปร เริ่มมีจำหน่ายแล้วในอุปกรณ์บางรุ่นของพีซีเชิงธุรกิจ พีซีออลอินวัน อุปกรณ์ขนาดเล็ก และเวิร์กสเตชั่นแบบพกพา จากนั้นในช่วงปลายปีนี้ ผู้ผลิตต่างๆ จะเริ่มนำโปรเซสเซอร์รุ่นนี้ไปใช้ใน อัลตร้าบุ๊ก แท็บเล็ต และแล็บท้อปเชิงธุรกิจ เนื่องจากเหล่าผู้ผลิตเชื่อมั่นว่าอินเทล คอร์ วีโปร ให้ประสิทธิภาพด้านการรักษาความปลอดภัยที่สูงขึ้น ส่งผลให้ประสิทธิผลเพิ่มขึ้น และรองรับรูปแบบการทำงานร่วมกัน เพื่อความมั่นใจของผู้ใช้ทั่วไปและผู้ใช้ที่เชี่ยวชาญด้านไอที
อินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 4 ยังเหมาะที่จะนำไปใช้กับระบบอัจฉริยะประสิทธิภาพสูงที่ต้องการระบบประมวลผลที่กินไฟต่ำ เพื่อรองรับระบบการทำงานของธุรกิจค้าปลีก อุตสาหกรรม เซิร์ฟเวอร์มีเดีย การแพทย์ และระบบกล้องวงจรปิดระบบดิจิตอล ในขณะที่ประสิทธิภาพด้านกราฟิกสามมิติและการใช้มีเดียมีสมรรถนะสูงขึ้นซึ่งจะช่วยรองรับการเล่นมีเดียไฮเดฟฟินิชั่นได้อย่างยอดเยี่ยม จึงเหมาะอย่างยิ่งกับระบบค้าปลีก และแอพพลิเคชั่นป้ายดิจิตอลที่ต้องการระบบแสดงผลประสิทธิภาพสูง ส่วนชุดคำสั่ง Intel AVX 2.0 รุ่นใหม่ รองรับการคำนวณความเร็วสูง เพื่อใช้สำหรับการรวบรวม และแปรผลคลื่นเสียงในเครื่องอัลตร้าซาวด์ได้อย่างรวดเร็ว (ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอินเทล คอร์โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 4 สำหรับระบบอัจฉริยะได้ใน เอกสารสรุปข่าว)
มีการคาดการณ์ไว้ว่าภายในปี 2559 ระบบโทรทัศน์ ระบบวิดีโอตามความต้องการ และอินเทอร์เน็ตวิดีโอรวมกันจะคิดเป็นสัดส่วนสัญญาณข้อมูลของผู้บริโภคทั่วโลกร้อยละ 86(1) อัตราการเติบโตดังกล่าวต้องการนวัตกรรมใหม่จากเทคโนโลยีการประมวลผลเพื่อช่วยบริษัทผู้ให้บริการคอนเทนท์ส่งวิดีโอไปยังผู้บริโภคได้เร็วขึ้นและมีคุณภาพดีขึ้น ในขณะเดียวกันยังเป็นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ของตนเพื่อรองรับการให้บริการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อหลายพันล้านเครื่องอีกด้วย พร้อมกันนี้ อินเทลยังมีการเปิดตัว อินเทล® ซีออน® โปรเซสเซอร์ E3-1200 v3 ที่มีระบบกราฟฟิกในตัว พร้อมฮาร์ดแวร์เร่งความเร็วสำหรับเทคโนโลยีเข้ารหัสและถอดรหัสมีเดีย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ให้บริการมีเดียและวิดีโอส่งวิดีโอ ไปยังลูกค้าได้มากขึ้น 4.6 เท่า(2) รวมทั้งลดต้นทุนโดยรวมได้มากถึงร้อยละ 64(2) เมื่อเทียบกับเซิร์ฟเวอร์แบบเก่าที่มีระบบกราฟิกแยกต่างหากที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ไมโครอาร์คิเทคเจอร์แบบใหม่และเทคโนโลยีกระบวนการผลิตที่ทันสมัยช่วยทำให้อินเทล ซีออน โปรเซสเซอร์ ใช้พลังงานต่ำสุดที่ 13W TDP เพื่อรองรับการใช้งานในไมโครเซิร์ฟเวอร์และโครงสร้างพื้นฐานระบบสื่อสารโดยเฉพาะ นอกจากนั้น ยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพระบบกราฟิกให้ดีขึ้นร้อยละ 38 และปรับปรุงการใช้พลังงานคุ้มค่ามากขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์รุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งเท่ากับเป็นการเสนอโอกาสในการอัพเกรดเวิร์กสเตชั่น เซิร์ฟเวอร์ระดับเริ่มต้นใช้งาน และโซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูลที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี (ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ อินเทล ซีออน โปรเซสเซอร์ E3-1200 v3 ดูได้ที่ เอกสารสรุปข่าว)
“ผู้สนใจสามารถชมวิดีโอที่มีวิศวกรสามคนของอินเทลซึ่งเป็นผู้นำทีมพัฒนาอินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 4 รวมถึงรูปภาพประกอบอื่นๆ ได้ที่ www.intel.synapticdigital.com”