ไมโครซอฟท์ เผยผลการศึกษาประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

/ ข่าวโดย: HuGnOi , 07/03/2013 01:12, 1,314 views / view in EnglishEN
«»
Share

ไมโครซอฟท์ เผยผลการศึกษาประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ระบุ 8 ใน 10 ของคอมพิวเตอร์ที่ใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ในไทยติดมัลแวร์

การตรวจสอบพบคอมพิวเตอร์แบรนด์ดังต่างได้รับผลกระทบ

กรุงเทพฯ 28 กุมภาพันธ์ 2556 – วันนี้ ไมโครซอฟท์ เปิดเผยรายละเอียดการศึกษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ที่ได้ดำเนินการตรวจสอบ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ยี่ห้อต่างๆ ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ รวมทั้งซอฟต์แวร์และดีวีดีปลอมจากประเทศไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และเวียดนาม โดยผลการศึกษากลุ่มตัวอย่างผลิตภัณฑ์จากประเทศไทย ระบุร้อยละ 70 ของดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์และร้อยละ 84 ของฮาร์ดไดรฟ์ที่ตรวจสอบพบติดมัลแวร์ที่เป็นอันตราย ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่สูงกว่าอัตราการติดมัลแวร์โดยเฉลี่ยของทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 69

สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อัตราการติดมัลแวร์ของซอฟต์แวร์แสดงผลอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยในประเทศฟิลิปปินส์ ในกลุ่มตัวอย่างพบจำนวนมัลแวร์ต่ำที่สุดที่ร้อยละ 42 อย่างไรก็ดี ทุก 2 ใน 5 คอมพิวเตอร์และดีวีดีที่ตรวจสอบพบว่าติดมัลแวร์ ส่วนประเทศเวียดนาม เป็นประเทศที่พบการติดมัลแวร์สูงสุด โดยจากดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์ร้อยละ 66  ส่วนฮาร์ดไดรฟ์พบที่ร้อยละ 92

ผลการศึกษายังพบว่าทุกเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี 3 เครื่อง (หรือร้อยละ 33) ที่ตรวจสอบในประเทศไทย ฮาร์ดไดรฟ์ได้ถูกเปลี่ยนเป็นฮาร์ดไดรฟ์ปลอม ซึ่งค่าเฉลี่ยของภูมิภาคอัตราการที่ฮาร์ดไดรฟ์ถูกเปลี่ยนอยู่ที่ร้อยละ 28 จากกลุ่มตัวอย่างคอมพิวเตอร์พีซีที่ตรวจสอบ

การศึกษาดังกล่าวดำเนินการโดยทีมตรวจสอบความปลอดภัยของไมโครซอฟท์ (Microsoft Forensics Team) โดยเกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม 2555 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2556 โดยได้ตรวจสอบคอมพิวเตอร์พีซีและดีวีดีจำนวนทั้งสิ้น 282 รายการ

ซอฟต์แวร์ที่ติดมัลแวร์ เพิ่มความเสี่ยงในการใช้งานและการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว

นายวิพูล สันต์ ผู้อำนวยการฝ่าย Genuine Software Initiative ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไมโครซอฟท์ เปิดเผยในงานแถลงข่าวว่า “ระบบปฏิบัติการที่ติดมัลแวร์อาจเป็นอันตรายร้ายแรงต่อประสิทธิภาพการทำงาน ของคอมพิวเตอร์และข้อมูลส่วนตัวของคุณ เช่น ข้อมูลผู้ติดต่อ หรือข้อมูลเกี่ยวกับธนาคาร ซึ่งมีความเสี่ยงต่อภัยคุกคามจากเหล่าแฮกเกอร์หรืออาชญากร ผู้บริโภคควรได้รับประสบการณ์การใช้งานจากแบรนด์ชื่อดัง ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ที่มีปัญหาขัดข้องหรือมีความไม่สมบูรณ์ในทางใดทางหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ ไมโครซอฟท์จึงมุ่งมั่นให้ความรู้กับผู้ค้าปลีก ผู้จัดจำหน่าย และผู้บริโภคเกี่ยวกับประโยชน์ของการใช้ซอฟต์แวร์ของแท้”

จากการศึกษา ไมโครซอฟท์ พบว่ามีมัลแวร์และการติดไวรัสที่แตกต่างกันถึง 1,131 สายพันธุ์ในกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมไปถึงโทรจันตัวฉกาจ อย่าง “ซุส” (Zeus)  ซึ่งมีอันตรายร้ายแรงมาก

ซุส เป็นโทรจันที่ขโมยรหัสผ่านโดยอาศัยการดักจับและบันทึกการพิมพ์บนแป้นพิมพ์ หรือ ที่เรียกว่า“keylogging” และกลไกอื่นๆ เพื่อติดตามกิจกรรมออนไลน์ของผู้ใช้  โดยโทรจันตัวนี้จะดักจับและบันทึกการพิมพ์บนแป้นพิมพ์ หรือ keyloggers จะบันทึกทุกจังหวะการพิมพ์ของผู้ใช้งานเพื่อทำการขโมยข้อมูลส่วนตัว ซึ่งรวมไปถึงชื่อบัญชีผู้ใช้งาน และรหัสผ่าน โดยอาชญากรจะนำข้อมูลในส่วนนี้ ไปขโมยความเป็นตัวตนของเหยื่อ และเข้าใช้งานบัญชีส่วนตัว

นายเอียน กาย กิลลาร์ด รองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าว ว่า “การใช้คอมพิวเตอร์ที่ติดโทรจันเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่งโดยเฉพาะการทำ ธุรกรรมด้านการธนาคารแบบออนไลน์ โดยพวกแฮกเกอร์สามารถใช้ข้อมูลที่เจาะเข้าไปได้เพื่อถอนเงินจากบัญชีธนาคาร ของลูกค้า และทำการซื้อสินค้าออนไลน์โดยใช้ข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อ  ซึ่งอาชญากรรมไซเบอร์ดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้กับคอมพิวเตอร์ทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงคอมพิวเตอร์พีซี (วินโดวส์ และอื่นๆ) และบนแพลตฟอร์มมือถือ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากการติดไวรัสและโทรจันที่เป็นอันตรายดังกล่าว เราขอแนะนำให้ลูกค้ามีความระมัดระวังและนำมาตรการเพื่อความปลอดภัยมาใช้ ตามที่ธนาคารของเราได้ระบุไว้ในโปรแกรม “Be SAFE online” และเลือกใช้เฉพาะซอฟต์แวร์ที่เป็นของแท้เท่านั้น  ด้วยเหตุนี้ เราจึงสนับสนุนไมโครซอฟท์ที่มีความมุ่งมั่นและพยายามอย่างดียิ่งในการให้ ความรู้แก่ลูกค้า และองค์กรธุรกิจอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับความสำคัญของการใช้ซอฟต์แวร์แท้เท่า นั้น”

จากข้อมูลในรายงาน RSA 2012 Cybercrime Trends Report ระบุว่าในช่วงห้าปีที่ผ่านมานี้   ซุส ได้สร้างความเสียหายไปทั่วโลกแล้วคิดเป็นมูลค่าถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ

คอมพิวเตอร์พีซีแบรนด์ดังต่างได้รับผลกระทบ

ข้อมูลจากทีมงานตรวจสอบความปลอดภัย (Security Forensics) ของไมโครซอฟท์ยังได้ระบุอีกว่า พบ วินโดวส์ละเมิดลิขสิทธิ์ที่มีมัลแวร์ฝังอยู่แพร่ขยายไปยังคอมพิวเตอร์พีซี ที่เป็นที่รู้จักหลายแบรนด์ ไมโครซอฟท์เชื่อว่ารูปภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์หรือมัลแวร์ไม่ได้มาจากหรือติด ตั้งโดยผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พีซีโดยตรง หากแต่ถูกติดตั้งโดยบุคคลที่สามหรือบริษัทในซัพพลายเชนหรือช่องทางการค้า ปลายทาง เพื่อมาแทนที่ระบบปฏิบัติการของแท้ที่ไม่ได้ติดตั้งมาจากผู้ผลิตติดตั้งแต่ แรก อัตราการติดมัลแวร์ของแต่ละแบรนด์มีตั้งแต่ขั้นต่ำที่ร้อยละ 33 ไปจนถึงขั้นสูงถึงร้อยละ 88

นายวิพูล สันต์ กล่าวเสริมว่า “หลายคนคิดว่าการซื้อคอมพิวเตอร์พีซีที่มีแบรนด์จะสามารถรับประกันได้ว่าได้ รับการปกป้องจากซอฟต์แวร์ที่แฝงไว้ด้วยไวรัสหรือโทรจันที่เป็นอันตรายได้ แต่ผู้บริโภคควรระลึกว่า หากตนเองไม่สามารถระบุว่าคอมพิวเตอร์ที่ซื้อมาได้ถูกส่งมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ วินโดวส์ของแท้หรือไม่  พวกเข้าก็เปิดประตูรับความเสี่ยงได้เช่นกัน”

พันตำรวจเอก ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการและโฆษกกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า “เราให้ความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ในการให้ความรู้กับประชาชนถึงอันตรายที่ เกิดจากการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการตรวจจับและลง โทษการซื้อขายซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ เพื่อปกป้องตนเองจากอาชญากรรมไซเบอร์ ผู้บริโภคจะต้องคิดให้รอบคอบว่าจะซื้อคอมพิวเตอร์พีซีจากที่ใด จากผลการศึกษานี้ พบว่ามีผู้ค้าปลีกที่ไม่ซื่อสัตย์บางรายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำหน่ายคอมพิวเตอร์แบรนด์ดัง ให้กับผู้บริโภค พร้อมกับซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์และติดแฝงไว้ด้วยไวรัสหรือโทรจัน  ควรระลึกไว้เสมอว่าหากคุณไม่ทราบที่มาที่แน่ชัดของสินค้าไอทีที่ซื้อแล้ว คุณก็ไม่มีทางทราบว่าจะมีอันตรายอะไรแอบแฝงมาบ้าง”

————————————————–

Microsoft AP Photo ไมโครซอฟท์ เผยผลการศึกษาประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กรุงเทพฯ , 28 กุมภาพันธ์ 2556 – ไมโครซอฟท์ นำโดย นายวิพูล สันต์ ผู้อำนวยการฝ่าย Genuine Software Initiative ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท ไมโครซอฟท์ (ตรงกลาง) พร้อมด้วย พันตำรวจเอก ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการและโฆษกกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ที่ 2 จาก ขวา) และตัวแทนจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็คทรอนิคส์ (องค์การมหาชน) ร่วมเผยผลการศึกษา ที่สำรวจโดยไมโครซอฟท์ในการตรวจสอบพบคอมพิวเตอร์แบรนด์ดังที่ได้รับผลกระทบ จากการติดตั้งซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์รวมทั้งซอฟต์แวร์และดีวีดีปลอมใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่งานแถลงข่าว ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธีนี เมื่อเร็วๆ นี้

###

ลำดับภาพจากซ้ายไปขวา

-          ดร.กิตติ โฆษะวิสุทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

-          นายไพชยนต์ วิมุกตะนันทน์ ผู้เชี่ยวชาญสำนักความมั่นคงปลอดภัย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็คทรอนิคส์ (องค์การมหาชน)

-          พันตำรวจเอก ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการและโฆษกกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นายเอียน กาย กิลลาร์ด รองประธานกรรมการบริหาร  ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

————————————————–

ข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน

วิธีการวิจัย:

ทีมพิสูจน์ความปลอดภัยของไมโครซอฟท์ได้ทำการศึกษาสินค้าประเภทซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ปลอมตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2555 สิ้นสุดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556  โดยในช่วงเวลาของการศึกษา จากกลุ่มดีวีดีตัวอย่าง จำนวน 127 แผ่น และ กลุ่มฮาร์ดดิสก์ตัวอย่าง จำนวน 235 ชิ้น จาก 5 ประเทศ – ไทย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์ มีจำนวนดีวีดี 66 แผ่น และ ฮาร์ดดิสก์ จำนวน 216 ชิ้น ได้ถูกนำมาตรวจสอบ โดยการเลือกกลุ่มตัวอย่างที่นำมาวิจัยในครั้งนี้ เน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ไมโครซอฟท์ปลอมแปลงและสภาพการใช้งาน โดยคัดตัวอย่างที่ติดมัลแวร์อยู่แล้วออกก่อนการวิเคราะห์

ประเภทของซอฟต์แวร์ดีวีดี:

ประเทศ จำนวนตัวอย่าง Windows Office SQL Server อื่นๆ
ไทย 23 10 5 3 5
เวียดนาม 9 4 5 0 0
อินโดนีเซีย 19 18 0 0 1
มาเลเซีย 5 3 0 0 2
ฟิลิปปินส์ 10 5 4 0 1
รวม 66 40 14 3 9

อัตราการติดมัลแวร์:
อัตราการติดมัลแวร์ในซอฟต์แวร์ดีวีดีคิดเป็นร้อยละ 74.24 และ ในฮาร์ดดิสก์คิดเป็นร้อยละ 67.59 ของภาพรวมทั้งหมด ตารางด้านล่างแสดงผลการตรวจสอบซอฟต์แวร์ดีวีดีและฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ แบ่งตามชนิดและประเทศ

ประเทศ จำนวนตัวอย่าง จำนวนซอฟต์แวร์ดีวีดีที่ติดมัลแวร์

อัตราการติดมัลแวร์ (%)

ไทย 23 16 69.6%
เวียดนาม 9 6 66.7%
อินโดนีเซีย 19 19 100.0%
มาเลเซีย 5 4 80.0%
ฟิลิปปินส์ 10 4 40.0%
รวม 66 49 74.2%

* ตัวอย่างซอฟต์แวร์ดีวีดี SQL Server จำนวน 3 แผ่นไม่พบการติดมัลแวร์ใดๆ

ประเทศ จำนวนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่นำมาตรวจสอบ จำนวนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่ติดมัลแวร์

อัตราการติดมัลแวร์ในฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (%)

ไทย 51 43 84.31%
เวียดนาม 41 38 92.68%
อินโดนีเซีย 44 26 59.09%
มาเลเซีย 50 26 52.00%
ฟิลิปปินส์ 30 13 43.33%
รวม 216 146 67.59%

การตรวจพบมัลแวร์:

ในระหว่างการตรวจสอบซอฟต์แวร์ดีวีดีจำนวน 66 แผ่น และ ฮาร์สดิสก์ไดรฟ์จำนวน 216 ชิ้น พบมัลแวร์เป็นจำนวนทั้งสิ้น 71,178 รายการ ซึ่งในจำนวนนี้พบเป็นมัลแวร์เฉพาะอยู่ถึง 5,623 ชนิด

ผลิตภัณฑ์ จำนวนตัวอย่าง จำนวนที่ตรวจพบมัลแวร์
ซอฟต์แวร์ดีวีดี 66 1214
ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ 216 69964
รวม 71178

มัลแวร์ 10 ชนิดที่ตรวจพบมากที่สุดในผลิตภัณฑ์ตัวอย่าง:

ชื่อมัลแวร์ จำนวน ประเภท คำอธิบาย
SiSoftware.Sandra.Enterprise.v2012.06.22.13.Multilingual\Setup.exe

31

Virus Cracker – การเลี่ยงใช้รหัสหรือใบอนุญาตสำหรับโปรแกรมคอมพิวเตอร์Hacker Tool –เครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างมัลแวร์และโจมตีเครื่องคอมพิวเตอร์Trojan – แอพพลิเคชั่นที่มีลักษณะเหมือนกับโปรแกรมทั่วไป แต่เป็นอันตรายและสร้างความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์ที่ติดมัลแวร์

Virus –คือ มัลแวร์ที่แตกตัวโดยการนำไวรัสไปติดไฟล์อื่นๆ ในคอมพิวเตอร์  ซึ่งเปิดช่องทางให้รหัสมัลแวร์ทำงานและแพร่กระจายตัวไปในขณะที่ไฟล์ทำ งานอยู่
Internet.Download.Manager.v6.11.7\ Keygen.exe

28

Cracker
wrar411.exe

27

Virus
SetupAnyDVD7031.exe

23

Virus
hidownload.platinum.v7.997\keygen.exe

20

Trojan
UltraISO.Premium.v9.5.3.2855\keygen.exe

20

Cracker
AutoKMS.exe

17

Hacker Tool
SiSoftware.Sandra.Enterprise.v2012.06.22.13.Multilingual\ Keygen.exe

16

Cracker
keygen-Lz0&patch\Patch.exe

16

Trojan
HAL7600v1.2\HAL7600.exe

16

Cracker

ผลกระทบของมัลแวร์ต่อการทำงานของคอมพิวเตอร์:

วิธีที่เหล่าอาชญากรไซเบอร์ใช้กันบ่อยๆ คือ การปิดระบบป้องกันต่างๆ ของไมโครซอฟท์ ซึ่งทำให้ซอฟต์แวร์ปลอมเหล่านี้เลี่ยงระบบแจ้งเตือนลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์และ สามารถใช้การปรับปรุงรุ่นจากแหล่งอื่นๆ ได้ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้การป้องกันความปลอดภัยจากการตั้งค่าพื้นฐานหย่อน ประสิทธิภาพลงอย่างเลี่ยงไม่ได้

การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยและเปิดโอกาสให้มัลแวร์หรือแฮคเกอร์เข้า มาสร้างผลกระทบต่อการทำงานของระบบ ทำให้ข้อมูลมีโอกาสรั่วไหลหรือระบบล่ม

ความเสียหายทางการเงินและข้อมูลส่วนตัวที่อาจเกิดขึ้นได้

  • ถูกโจรกรรมข้อมูลแผนการเงินและบัญชีธนาคาร
  • ข้อมูลส่วนตัวถูกบุกรุก
  • รหัสต่างๆ ถูกขโมย
  • ภาพยนตร์ เพลง รูปภาพส่วนตัวต่างๆ สูญหาย
  • เพื่อนและครอบครัวถูกหลอกจากบัญชีอีเมล์หรือบัญชีโซเชียล มีเดีย ของคุณเอง

ติดมัลแวร์ได้อย่างไร:

หากคุณซื้อคอมพิวเตอร์มาจากแหล่งจำหน่ายที่ไม่น่าเชื่อถือ เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณมีโอกาสติดไวรัสได้จาก:

  • ผู้ผลิต
  • ร้านค้าที่ไม่ได้รับอนุญาต
  • ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ที่ติดตั้งไว้ก่อนแล้ว
  • การขนส่ง

เลี่ยงการติดมัลแวร์ได้อย่างไร:

ไมโครซอฟท์มีคำแนะนำให้ผู้บริโภคปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์โดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนี้

  • ถามหาซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ทุกครั้ง
  • ซื้อจากผู้แทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือและหลีกเลี่ยงข้อเสนอที่ ‘คุ้มค่าเกินความเป็นจริง’
  • ตรวจสอบให้มั่นใจว่าสินค้าที่ซื้ออยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่เรียบร้อย
  • หากเป็นคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์วินโดวส์ กรุณามองหาฉลากของแท้หรือใบรับประกันของแท้ที่ติดไว้กับคอมพิวเตอร์ทุก เครื่องที่ได้ติดตั้งระบบปฏิบัติการวินโดวส์แล้ว  สำหรับการตรวจสอบหลังการซื้อ สามารถเข้าสู่ระบบได้ที่ www.howtotell.com เพื่อยืนยันว่าฉลากที่มีอยู่นั้นเป็นของแท้

ทำอย่างไรเมื่อคอมพิวเตอร์ติดมัลแวร์:

หากลูกค้าที่สงสัยว่าซอฟต์แวร์ที่ซื้อมาเป็นซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ สามารถแจ้งได้www.microsoft.com/piracy ลูกค้า ที่แจ้งการละเมิดกฎหมายที่น่าสงสัยได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และช่วยให้ เราสามารถต่อสู้กับการละเมิดลิขสิทธิ์ได้ดีขึ้น  ไมโครซอฟท์ ได้ให้ความสำคัญกับทุกเรื่องที่ร้องเรียนอย่างจริงจังเพื่อรับรองว่าทุกคนจะ มีชุมชนไซเบอร์ที่ปลอดภัย ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ไมโครซอฟท์ได้รับการรายงานการละเมิดลิขสิทธิ์ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มากกว่า 10,000 คำร้องเรียน จากลูกค้าที่ยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อคอมพิวเตอร์ ของแท้แต่ไม่สามารถหนีพ้นจากร้านค้าละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านี้ได้ และสุดท้ายต้องพบกับความเสี่ยงและความไม่ปลอดภัยต่างๆ บนคอมพิวเตอร์

«ก่อนหน้า 1 2 3 แสดงทั้งหมด ถัดไป»

ร่วมแสดงความคิดเห็นหรือวิจารณ์ Click!!!
Bookmark บทความ : Zickr Kudd Duocore Techkr aJigg Oncake Lefthit Meetgamer Siamcollective TagToKnow Dunweb Digza
«»