นิคอนเปิดตัวเลนส์ 1 NIKKOR 32 มม. f/1.2

เลนส์ที่จับภาพได้อย่างรวดเร็ว รองรับการถ่ายภาพระยะไกลแบบ mid-telephoto และทางยาวโฟกัสคงที่ (fixed focal length) พร้อมรูรับแสงสูงสุด f/1.2

เลนส์ประสิทธิภาพสูงสำหรับกล้องนิคอน วัน ให้ทั้งความละเอียดที่เหนือกว่าและภาพฉากหลังเบลอที่สวยเนียนทุกองศา

กรุงเทพฯ, นิคอน คอร์ปอเรชั่น (Nikon Corporation) เปิดตัวเลนส์ 1 NIKKOR 32 f/1.2 เลนส์รุ่นใหม่ในตระกูล 1 NIKKOR สำหรับใช้กับกล้องนิคอน วัน ซึ่งเป็นกล้องดิจิตอลอัจฉริยะชนิดถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ (interchangeable lenses) ที่ประกาศเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2555

เลนส์ 1 NIKKOR 32 มม. f/1.2 มาพร้อมกับความยาวโฟกัสคงที่ 32 มม. (เทียบเท่ามุมรับภาพของเลนส์ทางยาวโฟกัสคงที่ 86 มม. สำหรับกล้อง 35 มม.) ทำให้สามารถการจับภาพได้อย่างฉับไว รองรับการถ่ายภาพระยะไกลแบบ mid-telephoto ทางยาวโฟกัสแบบคงที่ (fixed focal length) ด้วยรูรับแสงสูงสุด f/1.2 ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพความเร็วสูงสุดในตระกูลเลนส์ 1 NIKKOR นอกจากนี้ ยังให้ความละเอียดเป็นเลิศพร้อมการแสดงผลภาพที่แม่นยำสูงในทุกผิวสัมผัส เช่น เส้นผมและบริเวณรอบดวงตา รวมไปถึงขนตาแต่ละเส้น ตลอดจนลักษณะการเบลอที่มีขอบสวยเนียนรอบวัตถุหลักและเป็นวงสวยขนาดใหญ่ทั้งในฉากหลังและฉากหน้า เลนส์ดังกล่าวช่วยขยายศักยภาพการแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ของผู้ใช้กล้องด้วยการแสดงผลของภาพเบลอและพื้นผิวที่คล้ายกับภาพที่จะได้จากกล้อง SLR ในส่วนของการถ่ายภาพบุคคล (portrait) ภาพสแนปช็อต (snapshot) และภาพทิวทัศน์ (landscape) ซึ่งเน้นถ่ายวัตถุเป้าหมายให้ได้ภาพชัดเจนแต่ภาพพื้นหลังเบลอ

นอกจากนี้ เลนส์ดังกล่าวยังโค้ทผิวแบบนาโนคริสตัล เพื่อลดโอกาสเกิดแสงโกสต์และแสงแฟลร์ ไม่เพียงเท่านั้น เลนส์ตัวนี้ยังมาพร้อมชุดมอเตอร์ขับเคลื่อนระบบออโต้โฟกัส (Silent Wave Motor) ที่ใช้ระบบ Close-Range Correction ในระบบของมอเตอร์โฟกัส เพื่อการแสดงผลภาพที่เหนือกว่าด้วยความละเอียดสูง พื้นผิวสวยสมจริง และความผิดเพี้ยนเล็กน้อยมาก แม้จะถ่ายภาพระยะใกล้ (close-up) เลนส์รุ่นนี้เป็นเลนส์ 1 NIKKOR รุ่นแรกที่อัดแน่นด้วยคุณสมบัติและฟังก์ชั่นมากมาย ซึ่งรวมถึงโหมด M/A (ออโต้โฟกัสพร้อมโหมด manual override) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับโฟกัสได้เองโดยการหมุนวงแหวนปรับโฟกัสเพื่อปรับโฟกัสตามความเหมาะสมในขณะใช้งานระบบออโต้โฟกัสอยู่ เลนส์รุ่นนี้มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ ดำและเงิน ซึ่งล้วนออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน มีรูปลักษณ์และสัมผัสที่สวยเด่นน่าใช้ ด้วยโลหะเนื้อดี ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจับได้ถนัด เป็นธรรมชาติ ไม่หลุดมือขณะถ่ายภาพ

คุณสมบัติหลักของเลนส์ 1 NIKKOR 32มม. f/1.2

• เป็นเลนส์ที่จับภาพได้อย่างฉับไว รองรับการถ่ายภาพระยะไกลแบบ mid-telephoto ด้วยทางยาวโฟกัสแบบคงที่ (fixed focal length) ใช้งานกับกล้อง CX format ที่ให้ทางยาวโฟกัส 32 มม. (เทียบเท่ามุมรับภาพของเลนส์ทางยาวโฟกัสคงที่ 86 มม. ของกล้อง 35 มม.) และรูรับแสงสูงสุด f/1.2 เร็วที่สุดในตระกูล 1 NIKKOR ผู้ใช้กล้องสามารถเพลิดเพลินกับการแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ได้ด้วยความละเอียดที่เหนือกว่าและภาพเบลอที่ดูเป็นธรรมชาติ

• โค้ทผิวเลนส์แบบนาโนคริสตัล ซึ่งช่วยลดการเกิดแสงโกสต์และแสงแฟลร์อย่างได้ผล ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อถ่ายภาพภายในจุดที่ย้อนแสง

• เป็นเลนส์ 1 NIKKOR รุ่นแรกที่มาพร้อมชุดมอเตอร์ขับเคลื่อนระบบออโต้โฟกัส (Silent Wave Motor) ซึ่งใช้ระบบ Close-Range Correction ในระบบของมอเตอร์โฟกัส เพื่อการแสดงผลภาพที่เหนือกว่า ด้วยความละเอียดสูง พื้นผิวสวยสมจริง และมีโอกาสเกิดความผิดเพี้ยนน้อยมาก แม้จะถ่ายภาพระยะใกล้ (close-up)

• เป็นเลนส์ 1 NIKKOR รุ่นแรกที่มาพร้อมโหมด M/A (ออโต้โฟกัสพร้อมโหมด manual override) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับโฟกัสได้เองโดยการหมุนวงแหวนปรับโฟกัสเพื่อการปรับโฟกัสที่เหมาะสมขณะออโต้โฟกัสกำลังทำงาน ช่วยให้สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว

• ถ่ายภาพได้เงียบขึ้น ด้วยการลดเสียง AF drive

• ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันและทำจากวัสดุโลหะพื้นผิวละเอียด สง่างามทั้งรูปทรงและรูปลักษณ์ อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดการเกาะยึดบนตัวกล้องได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น

• มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ ดำและเงิน เพื่อให้มีลักษณะกลมกลืมกับสีตัวกล้อง

ปัจจุบันเลนส์ในตระกูล 1 NIKKOR ประกอบด้วยเลนส์ 8 รุ่น ได้แก่ เลนส์ 1 NIKKOR VR 10-30มม. f/3.5-5.6 เลนส์ซูมมาตรฐาน อัตราซูม 3 เท่า; เลนส์ 1 NIKKOR VR 30-110มม. f/3.8-5.6 เลนส์ซูมกะทัดรัดสำหรับการถ่ายภาพระยะไกล (telephoto); เลนส์ 1 NIKKOR 10มม. f/2.8 เลนส์บางสำหรับมุมกว้างด้วยทางยาวโฟกัสคงที่; เลนส์ 1 NIKKOR VR 10-100มม. f/4.5-5.6 เลนส์ PD-ZOOM ที่มาพร้อมกับกลไก power drive ซึ่งเหมาะแก่การบันทึกภาพเคลื่อนไหว; เลนส์ 1 NIKKOR 11-27.5มม. f/3.5-5.6 เลนส์   ซูมมาตรฐาน อัตราซูม 2.5 เท่า; เลนส์ 1 NIKKOR 18.5มม. f/1.8 เลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสคงที่ พร้อมรูรับแสงสูงสุดที่จับภาพได้อย่างรวดเร็ว; เลนส์ 1 NIKKOR VR 10-100มม. f/4-5.6 เลนส์อัตราซูม 10 เท่า; เลนส์ 1 NIKKOR VR 6.7-13มม. f/3.5-5.6 เลนส์ซูมมุมกว้างพิเศษ พร้อมมุมมองกว้าง 100° การเปิดตัวเลนส์ 1 NIKKOR 35มม.f/1.2 ในครั้งนี้ทำให้เลนส์ในตระกูล 1 NIKKOR ที่มีให้เลือกในขณะนี้มีจำนวนทั้งหมด 9 รุ่น

นิคอนจะยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์เลนส์ในตระกูล 1 NIKKOR ต่อไป ด้วยเลนส์ที่ใช้ประโยชน์สูงสุดจากขีดความสามารถและประสิทธิภาพการทำงานที่นำเสนอโดยกล้องนิคอน วัน อันล้ำสมัย ซึ่งสามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ นับเป็นการพลิกโฉมหน้าของการแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ผ่านการถ่ายภาพ

ครบรอบปีที่ 80 ของแบรนด์ NIKKOR

NIKKOR เป็นแบรนด์ของเลนส์ที่ใช้ในกล้องถ่ายรูปของนิคอน  ชื่อแบรนด์ NIKKOR มาจากการนำตัวอักษร “R” ไปประกอบกับคำว่า “NIKKO” ซึ่งเป็นคำย่อที่ใช้เรียก Nippon Kogaku KK อันเป็นชื่อเดิมของบริษัท นิคอน
ในปี 2511 ได้เปิดตัวเลนส์ OP Fisheye-Nikkor 10mm f/5.6 ซึ่งเป็นเลนส์ฟิชอายสำหรับกล้อง SLR ที่ประกอบด้วยเลนส์แอสเฟอริคัล เพื่อช่วยลดความผิดเพี้ยนของภาพสำหรับเลนส์มุมกว้างเป็นครั้งรแก นอกจากนี้เลนส์ NIKKOR ซึ่งใช้ในกล้อง SLR ของนิคอนยังได้นำเอาหลากหลายเทคโนโลยีอันล้ำสมัยจากการพัฒนา IC steppers และสแกนเนอร์มาใช้ รวมถึงเทคโนโลยีการโค้ทผิวแบบนาโนคริสตัล ที่ช่วยตัดแสงสะท้อนภายในเลนส์ได้ดียิ่งขึ้น
เริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบไปถึงการผลิตสินค้าจนเสร็จสมบูรณ์พร้อมวางจำหน่าย ทุกขั้นตอนและคุณภาพล้วนได้รับการควบคุมให้เป็นไปตามมาตรฐานของนิคอนอย่างเคร่งครัด ผู้ใช้จึงสามารถมั่นใจได้เสมอในคุณภาพระดับสูงสุดของเลนส์ NIKKOR
ในเดือนตุลาคม 2554 มีการเปิดตัวเลนส์ 1 NIKKOR ชนิดถอดเปลี่ยนได้รุ่นแรกสำหรับกล้อง    นิคอน วัน นับจากนั้นเลนส์ 1 NIKKOR ก็ได้สานต่อความเป็นเลิศของชื่อเสียงมาอย่างต่อเนื่องที่มีมากว่าครึ่งศตวรรษ ด้วยการพัฒนาเลนส์ชนิดถอดเปลี่ยนได้จากจุดเริ่มต้นของการผลิต Nikon F mount

ปัจจุบันนิคอนมีเลนส์สำหรับกล้องชนิดถอดเปลี่ยนเลนส์ได้มากกว่า 80 รุ่น ซึ่งรวมถึงเลนส์     ฟิชอาย เลนส์มุมกว้างพิเศษ (ultra wide-angle) ไปจนถึงเลนส์สำหรับถ่ายภาพระยะไกล (super-telephoto) เลนส์ซูมมาตรฐาน เลนส์ไมโคร และเลนส์ PC-E สำหรับกล้องแบบเอสแอลอาร์  ตลอดจนเลนส์ 1 NIKKOR สำหรับกล้องดิจิตอลอัจฉริยะที่ใช้เลนส์ชนิดถอดเปลี่ยนได้ นิคอนจะยังคงพัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงต่อไปเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของผู้ใช้กล้องทั่วโลก