NVIDIA ประกาศเปิดตัว Omniverse เชื่อมต่อโลกเสมือนจริงเพื่อประกาศยุคใหม่ของ AI ที่งาน COMPUTEX 2022

วันนี้ก็มีข่าวจากฝั่ง Nvidia ในงาน COMPUTEX 2022 โดยทาง Richard Kerris รองประธานของแพลตฟอร์มนักพัฒนา Omniverse ที่ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจำลองโอกาสมหาศาลที่นำไปสู่เวิร์กโฟลว์ 3 มิติและวิวัฒนาการต่อไปของ AI โดย Kerris พูดถึงทุกสิ่งในโลกเสมือนจริง ตั้งแต่ Omniverse ไปจนถึงเวิร์กโฟลว์ 3 มิติ ฝาแฝดดิจิทัล และอีกมากมาย เพื่อนำเสนอภาพรวมว่าองค์กรต่างๆ สามารถเริ่มต้นธุรกิจด้วยแพลตฟอร์ม Omniverse ได้อย่างไร

Omniverse เป็นตัวเชื่อมต่อของ Virtual Worlds

Kerris ได้เปรียบเทียบการทำานของ Metaverse กับระบบเครือข่ายและอธิบายเพิ่มเติมว่าเครือข่ายนี้จะเป็นสามมิติเป็นตัวแทนของเว็บรุ่นต่อไป โดยบุคคลจะสามารถสำรวจโลกเสมือนจริงได้อย่างราบรื่น ปลดล็อกวิธีการใหม่ในการทำสิ่งต่างๆ โลกเสมือนจริงในอนาคตจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับยุคต่อไปของปัญญาประดิษฐ์ (AI)
“ที่ NVIDIA เราเชื่อว่าโลกเสมือนจริงมีความจำเป็นสำหรับ AI ยุคใหม่ พวกเขาจะใช้สำหรับสิ่งต่าง ๆ เช่นหุ่นยนต์ฝึกหัดและยานยนต์อิสระ ฝาแฝดดิจิตอลที่คุณสามารถตรวจสอบและจัดการโรงงานได้” Kerris กล่าว

ภายในภูมิทัศน์นี้ Omniverse ของ NVIDIA ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมของโลกเสมือน แพลตฟอร์มซึ่งเปิดใช้งานการจำลอง 3D แบบเรียลไทม์ การทำงานร่วมกันในการออกแบบ และการสร้างโลกเสมือนจริง ช่วยผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายอุตสาหกรรมในขณะที่เสนอให้เริ่มต้น

Omniverse Create: เพิ่มประสิทธิภาพ 3D Workflows ใน Hybrid Workforce

Kerris แยกแยะศิลปิน นักออกแบบ วิศวกร และผู้เชี่ยวชาญด้านการแสดงภาพ เพื่ออธิบายว่า 3D workflows ต้องการให้ทีมมีคลังอาวุธที่มีทักษะเฉพาะเจาะจงและหลากหลายมากเพียงใด ทักษะและความเชี่ยวชาญแต่ละอย่างต้องมีการตั้งค่าระบบของตนเองตั้งแต่แล็ปท็อปไปจนถึง data center, physical หรือ virtualized และแต่ละสาขาวิชาก็ต้องการซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันของตนเอง

แต่เนื่องจากซอฟต์แวร์และเครื่องมือที่มีอยู่มากมายในท้องตลาด ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มักต้องจัดการกับเครื่องมือจำนวนหนึ่ง ซึ่งส่วนมากไม่เข้ากัน

Omniverse Enterprise: การสร้างและจัดการ Digital Twins

นอกจาก Omniverse สำหรับครีเอเตอร์ ซึ่งอนุญาตให้เชื่อมต่อแอปพลิเคชันที่มีอยู่กับแพลตฟอร์มเดียวแล้ว Kerris ยังได้แนะนำ Omniverse สำหรับองค์กรสำหรับบริษัทที่ต้องการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มนี้สำหรับการทำงานร่วมกันในการออกแบบสร้างและดิจิทัลสำหรับการจำลอง (digital twin)

สิ่งที่คาดหวังจากแพลตฟอร์ม Omniverse

เมื่ออยู่ใน Omniverse ผู้ใช้สามารถวาดบนพลังพิเศษของ NVIDIA เช่น ระบบ Physics ซึ่งช่วยให้ศิลปินใช้การจำลองที่สมจริงซึ่งเป็นไปตามกฎของฟิสิกส์และ RTX Render เพื่อดูฉากของพวกเขาในแบบเรียลไทม์ RTX ray trace หรือ path traced ทั้งหมด

Kerris อธิบายว่าระบบ Physics ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจว่าสิ่งต่างๆ จะเป็นอย่างไรในโลกดิจิทัลโดยใช้สิ่งต่างๆ เช่น น้ำ ควัน และไฟ และเพิ่มลงในเวิร์กโฟลว์ที่กำลังใช้งานอยู่ ตัวอย่างเช่น ซีเมนส์ใช้พลังของ Omniverse เพื่อทำการจำลองที่มีความละเอียดสูงมากโดยใช้ฟิสิกส์อย่างรวดเร็วในฟาร์มกังหันลม ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพในโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างแม่นยำโดยใช้ NVIDIA Modulus, Physics ML Models การปรับให้เหมาะสมส่งผลให้มีการจ่ายพลังงานให้กับบ้านเพิ่มเติมได้ถึง 20,000 หลังคาเรือนและมีค่าใช้จ่ายลดลง 10%

การเข้าถึงของ Omniverse

Omniverse สร้างขึ้นเพื่อทำงานบน RTX – สามารถทำงานบนแล็ปท็อป เวิร์กสเตชัน หรือในศูนย์ข้อมูลและอื่นๆ Kerris เน้นย้ำถึงความสามารถเข้าถึงได้ง่ายว่าเมื่อเร็วๆ นี้ NVIDIA ได้ประกาศเปิดตัว OVX ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่อุทิศให้กับ Omniverse ซึ่งสามารถเริ่มต้นด้วยเวิร์กสเตชันและขยายขนาดไปจนถึง superpod โดยจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อให้มีการจำลองที่เหมือนจริงในทุกขนาด

อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของทุกสรรพสิ่ง

Omniverse ไม่สามารถทำได้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา สี่เทคโนโลยีชั้นนำตามที่ Kerris ได้ร่วมกันทำให้การสร้าง Omniverse เป็นไปได้: (1) เทคโนโลยี RTX ซึ่งให้ความสามารถในการจำลองเสมือนจริงในแบบเรียลไทม์บนแล็ปท็อปจนถึง เซิร์ฟเวอร์และแม้แต่ในคลาวด์ (2) ความสามารถในการปรับขนาด GPU เหล่านี้ร่วมกันเพื่อจัดการกับชุดข้อมูลที่กว้างขวาง (3) คำอธิบายฉากสากล (USD), คำอธิบายสามมิติโอเพนซอร์ซของพิกซาร์และรูปแบบไฟล์ และ การปฏิวัติ AI

ในปัจจุบัน ตัวเชื่อมต่อ 82 ตัวได้เชื่อมต่อไลบรารีแอสเซท แอปพลิเคชัน และอื่นๆ เข้ากับ Omniverse Kerris ยังบอกด้วยว่ามีการดาวน์โหลด Omniverse มากกว่า 160,000 ครั้งสำหรับผู้ที่กำลังใช้ผลิตภัณฑ์และใช้งานในหลากหลายวิธี เมื่อมองไปในอนาคต Kerris มั่นใจว่าฟีเจอร์และความสามารถอันทรงพลังของแพลตฟอร์ม Omniverse จะเปลี่ยนวิธีที่เราสร้าง