NVIDIA Supercharges Hopper แพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ AI ชั้นนำของโลก
Share | Tweet |
NVIDIA Supercharges Hopper แพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ AI ชั้นนำของโลก
NVIDIA ประกาศว่าได้เพิ่มพลังให้กับแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ AI ชั้นนำของโลกด้วยการเปิดตัว NVIDIA HGX H200 แพลตฟอร์มดังกล่าวใช้สถาปัตยกรรม NVIDIA Hopper โดยมี NVIDIA H200 Tensor Core GPU พร้อมหน่วยความจำขั้นสูงเพื่อจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลสำหรับ Generative AI และเวิร์กโหลดการประมวลผลประสิทธิภาพสูง
NVIDIA H200 เป็น GPU ตัวแรกที่นำเสนอ HBM3e ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่เร็วขึ้นและใหญ่ขึ้นเพื่อกระตุ้นการเร่งความเร็วของ AI ที่สร้างและโมเดลภาษาขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันก็พัฒนาการประมวลผลทางวิทยาศาสตร์สำหรับปริมาณงาน HPC ด้วย HBM3e ทำให้ NVIDIA H200 มอบหน่วยความจำ 141GB ที่ 4.8 เทราไบต์ต่อวินาที ความจุเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า และแบนด์วิดธ์เพิ่มขึ้น 2.4 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนอย่าง NVIDIA A100
ระบบที่ขับเคลื่อนด้วย H200 จากผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์และผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำของโลก คาดว่าจะเริ่มจัดส่งได้ในไตรมาสที่สองของปี 2567
NVIDIA Grace Hopper Superchip ขุมพลังของ JUPITER ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับใหม่เพื่อขับเคลื่อน AI สำหรับการค้นพบทางวิทยาศาสตร์
NVIDIA ประกาศว่า JUPITER ได้เปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับใหม่สำหรับการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะถูกขับเคลื่อนโดยสถาปัตยกรรมการประมวลผลแบบเร่งความเร็วจาก NVIDIA Grace Hopper™ เพื่อมอบพลังการประมวลผลระดับสูงสุดสำหรับ AI และเวิร์คโหลดในการจำลองทางวิทยาศาสตร์
JUPITER ซึ่งเป็นเจ้าของโดย EuroHPC Joint Undertake และทำสัญญากับ Eviden และ ParTec ซึ่งจัดขึ้นที่โรงงาน Forschungszentrum Jülich ในเยอรมนี ถูกสร้างขึ้นโดยความร่วมมือกับ NVIDIA, ParTec, Eviden และ SiPearl เพื่อเร่งการสร้างแบบจำลอง AI พื้นฐานในสภาพอากาศและการวิจัยสภาพอากาศ, วัสดุศาสตร์, การค้นพบยา, วิศวกรรมอุตสาหการ และคอมพิวเตอร์ควอนตัม
JUPITER เป็นการเปิดตัวครั้งแรกของการกำหนดค่า NVIDIA GH200 Grace Hopper Superchip แบบ 4 โหนด สร้างอยู่บนสถาปัตยกรรม BullSequana XH3000 ของ Eviden ที่ระบายความร้อนด้วยของเหลว โดยมีโมดูลบูสเตอร์ประกอบด้วย NVIDIA GH200 Superchips เกือบ 24,000 ตัวที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายแพลตฟอร์ม NVIDIA Quantum-2 InfiniBand เนื่องจากเป็นระบบ AI ที่ทรงพลังที่สุดในโลก JUPITER จึงสามารถส่งมอบประสิทธิภาพได้มากกว่า 90 Exaflop สำหรับการฝึกอบรม AI ซึ่งมากกว่าระบบ JUWELS Booster รุ่นก่อนของ Jülich ถึง 45 เท่า และ 1 Exaflop สำหรับแอปพลิเคชันการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) ในขณะที่ใช้พลังงานเพียง 18.2 เมกะวัตต์