ASUS ROG Falchion Wireless Mechanical Keyboard Review : Introduction (1/2)

สวัสดีครับ วันนี้พบกับบทความเกี่ยวกับเกมส์มิ่งเกียร์จากแบรนด์ ASUS ที่เป็นที่คุ้นเคยกับเว็บไซด์เราอีกครั้งนึง วันนี้เรามีเกมส์มิ่งคีย์บอร์ดแบบไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งจริงๆแล้วทางเอซุสได้เปิดตัวคีย์บอร์ดรุ่นนี้มาตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา เราเพิ่งจะได้รับมาทำการรีวิว ซึ่งคีย์บอร์ดรุ่นที่ว่านั้นมีชื่อว่า  ASUS ROG Falchion Wireless Mechanical Keyboard ครับ สำหรับ ROG Falchion นั้นเป็นคีย์บอร์ดที่สามารถใช้งานได้ทั้งแบบมีสายและไร้สายผ่านทางคลื่นความถี่ 2.4 GHz ตัวคีย์บอร์ดนั้นมีขนาดเล็กมาก ซึ่งข้อดีคือสามารถวางบนโต๊ะคอมพิวเตอร์โดยเสียพื้นที่น้อยมากรวมถึงเพิ่มพื้นที่ให้กับการเคลื่อนที่ของเมาส์ด้วย

.

สวิทซ์นั้นเลือกใช้ Cherry MX Red RGB ซึ่งมีจุดเด่นที่ให้จะให้แรงกดที่เสถียร ต้องใช้แรงกดระดับนึง และไม่มีเสียงคลิ๊กเหมือนสีฟ้าหรือสีน้ำตาล โดยสีแดงนี้จะให้ฟีลลิ่งในการกด การพิมพ์ที่ดีมากสำหรับผู้ที่ชอบการพิมพ์แบบสัมผัส รวมถึงสามารถบันทึกชุดคำสั่งได้จากการกดปุ่มโดยตรง ไม่ต้องการซ๊อฟแวร์แต่อย่างใด รวมถึงสามารถปรับเพิ่มหรือลดเสียงโดยการลูบบริเวณสันด้านข้างของตัวคีย์บอร์ดที่ด้านซ้ายมือ สะดวกมาก รวมถึงสามารถบันทึกเป็นโพรไฟล์ได้ด้วย ครบถ้วนครับสำหรับความต้องการใช้งานแมกคานิคอล เกมส์มิ่ง คีย์บอร์ด ต่อไปเรามาชมรายละเอียดกันเลย

.

.

Appearance

ตัวกล่องบรรจุ ROG Falchion นั้นมีขนาดกำลังดีครับ ดีไซน์ด้วยโทนสีแดงสวยงาม รายละเอียดทั้งหมดนั้นมีแสดงมาที่ด้านหลังกล่องอย่างครบถ้วน

เมื่อเราเปิดกล่องขึ้นมาก็จะเห็นตัวคีย์บอร์ดวางอยู่อย่างเรียบร้อย

ภายในกล่องนั้นก็จะมีคู่มือ สติ๊กเกอร์ คู่มือ หัวแปลงการเชื่อมต่อ USB Type-A to Type-C พร้อมทั้งมีสายถักมาให้ครับ

ตัวคีย์บอร์ด ROG Falchion นั้นจะมาพร้อมกับฝาครอบกันฝุ่นด้วยนะครับ

ตัว ROG Falchion ก็จะมีหน้าตามาตรฐานและเลย์เอาท์ที่แปลกตา โดยการออกแบบนี้ทำให้ตัวคีย์บอร์ดมีขนาดเล็กมาก

ที่ด้านหลังของตัวคีย์บอร์ดก็จะมีเทคเจอร์สวยงาม รวมถึงมีแผ่นกันลื่น ซึ่งเมื่อเวลาใช้งานจริงก็จะจับยึดกับพื้นโต๊ะได้ดีมากเลยทีเดียว

ที่บริเวณนี้คือบริเวณสำหรับสัมผัสเพื่อปรับเพิ่ม หรือลดเสียงครับ

ในมุมนี้ของรูปจะเห็นสวิทซ์แบบ Cherry MX Red RGB และปุ่ม Mode ที่จะใช้ประกอบกับปุ่มต่างๆเพื่อควบคุมครับ สามารถดูได้จากคู่มือได้เลย

มุมมองด้านข้าง

ในภาพนี้จะเห็นปุ่มเปิดปิดการใช้งานเมื่ออยู่ในโหมดไร้สาย ตรงกลางจะเป็นช่องเสียบ USB Type-C เพื่อใช้งานในโหมดมีสายและเป็นการชาร์จไปด้วย ส่วนขวาสุดจะเป็นตัวรับไร้สายแบบ USB ที่เมื่อต้องการใช้งานแบบไร้สาย ต้องน้ำตัว USB นี้ไปเสียบกับคอมพิวเตอร์ก่อนครับ

.