GIGABYTE GeForce GTX 780 WINDFORCE 3X Review : Introduction (1/20)
INTRODUCTION
สวัสดีครับ พบกับผมอีกครั้งกับห้วงเวลาเปิดตัวของกราฟฟิกการ์ดรุ่นใหม่ NVIVIA GeForce GTX 780 โดยบทความนี้จะมาแนะนำและรีวิวการ์ด GIGABYTE GeForce GTX 780 WINDFORCE 3X ตัวแรงที่กำลังกล่าวขวัญถึงกันอยู่ แต่ GIGABYTE มาทั้งทีต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ก่อนอื่นใดเราย้อนไปชมรายละเอียดของ NVIVIA GeForce GTX 780 จาก Present ของ Nvidia กันก่อนที่จะไปชมประสิทธิภาพของการ์ดกันครับ
..
GeForce GTX 780 นั้นได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเปิดเอฟเฟกแบบสุดๆบน resolution แบบ Full HD เพื่อตอบสนองความต้องการของเกมส์เมอร์ตัวยง GTX 780 นั้นประกอบไปด้วย SMX จำนวน 12 ยูนิตซึ่งทำให้จำนวนคูด้าคอร์นั้นมีมากถึง 2304 คอร์ ในส่วนของเมมโมรี่นั้น GTX 780 ได้บรรจุเอาเมมโมรี่คอนโทรลเลอร์แบบ 64 บิตจำนวนหกตัวซึ่ทำให้มีแบนดวิดท์ทั้งหมด 384 บิทบนความจุมากถึง 3 กิ๊กกาไบท์
.
ความเร็วคอร์มาตรฐานนั้นเซตมาที่ 863 MHz ซึ่งมันจะมีการทำงานของ Boost ขึ้นไปถึง 900 MHz ในแบบปกติ ซึ่งค่าบู๊สนี้จะเป็นค่าเฉลี่ยจะขึ้นอยู่กับความหลากหลายของการเรียกใช้พลังจากเกมส์ต่างๆหรือแอพพลิเคชั่นนั้นๆ ความเร็วของเมมโมรี่นั้นเซตมาที่ 6008 MHz และเป็นเมมโมรี่แบบ GDDR5
.
มิติด้านความยาวของ GeForce GTX 780 นั้นจะอยู่ที่ 10.5 นิ้ว ต้องการไฟเลี้ยงจากหัวต่อพาวเวอร์แบบ PCIe แบบแปดพินหนึ่งหัวและหกพินหนึ่งหัว การเชื่อมต่อจอภาพนั้นจะมี DVI Dual-link จำนวนสองช่อง หนึ่งช่องเสียบจะเป็น HDMI และ DisplayPort อีกหนึ่งช่องเสียบครับ
NVIDIA GeForce GTX 780 นั้นยังใช้คุณสมบัติหลักจาก GK110 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ใช้บนกราฟฟิกการ์ดที่สร้างความตกตะลึงให้กับวงการอย่าง GeForce GTX TITAN ไปแล้ว ด้วยโครงสร้างเดียวกันและยังประกอบไปด้วยคูด้าจำนวนมากถึง 2304 คอร์นั้น มันมากกว่าที่มีอยู่บน GeForce GTX 680 ถึง 50% ทั้งนี้ยังรวมถึงขนาดความจุของแรมที่ก็มีมาให้มากกว่า 680 ถึง 50% อีกเช่นกัน นั่นทำให้ GTX 780 นั้นสามารถแสดงผลบนความละเอียดสูงสุดได้อย่างราบรื่นที่สุด
NVIDIA GeForce GTX 780 นำเสนอการพัฒนาและยกระดับประสิทธิภาพอย่างมหาศาล เกมส์เมอร์ที่คิดจะอัพเกรดการ์ดจาก GTX 580 เป็น GTX 780 นั้น คุณจะพบกับประสพการณ์อันน่าตื่นเต้นจากประสิทธิภาพโดยรวมที่สูงขึ้นกว่า 70% และมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ซึงเปิดตัวไปเมื่อปลายปีอย่าง GTX 680 ถึง 34%
และแน่นอนว่า เกมส์เมอร์ที่ลงทุนกับกราฟฟิกการ์ดไฮเอนด์อย่าง NVIDIA GeForce GTX 780 และ 770 นั้น ความคาดหวังก็คือ ปรับสุด ทุกค่าในเกมส์ใช่มั๊ยครับ ซึ่งนั่นจะทำให้อรรถรสในการเล่นเกมส์นั้นถึงที่สุดด้วยเช่นกัน บนเกมส์อย่าง Metro: Last Light ซึ่งใช้ DX11 tessellation เพื่อสร้างคาแรคเตอร์และวัตถุต่างๆในเกมส์ ด้วยการปรับตั้งค่าในเกมส์แบบสุดๆนั้น การร่างโครงสร้างของภาพให้เกิดเป็นสภาวะแวดล้อมและภูมิประเทศนั้นสมจริงเหมือนเราเข้าไปอยู่ในโลกของเกมส์เลย และการใช้งานระบบ PhysX นั้นทำให้ร่องรอยจากความเสียหายจากอาวุธนั้นยังคงอยู่บนพื้นและผนังด้วย
GTX 780 และ 770 นั้นก็ยังออกแบบมาเพื่อรองรับเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่เรากำลังง่วนอยู่กับมันด้วยอย่าง WaveWorks และ FaceWorks ซึ่งตัวเดโมนั้นเรามีแผนจะเปิดตัวในงาน GPU Technology Conference ในปีนี้ครับ
ความสามารถของ NVIDIA GeForce GTX 780 ในเกมส์นั้นสร้างความน่าเล่นอย่างที่สุด และเมื่อเทียบกับคู่แข่งในเกมส์ Batman Arkham City และ Shogun 2 นั้น GTX 780 มีประสิทธิภาพสูงกว่าถึง 39 เปอร์เซนต์ ในขณะที่ในเกมส์ Borderlands 2, Battlefield 3, Far Cry 3, Skyrim และเกมส์อื่นๆนั้นก็ยังเร็วกว่าถึง 25-30% โดยเฉลี่ยบนความละเอียดหน้าจอ 2560x1600
และด้วยเทคโนโลยีในการควบรวมความสามารถด้านซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์ที่ล้ำยุคนั้นทำให้กราฟฟิกการ์ด GeForce GPU สามารถดึงเอาประสิทธิภาพสูงสุดมาแสดงให้เห็นบนหน้าจอ ซึ่งเราใช้งาน Software ตัวนึงที่ชื่อ Frame Capture Analysis Tool หรือ FCAT ซึ่งเป็น Hardware editor ที่สามารถจะวัดเฟรมเรทได้อย่างแม่นยำมาก จากการใช้ FCAT วิเคราะห์นั้น การทำงานของ GeForce GTX 780 แบบ SLI แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพโดยรวมที่สูงขึ้นมากถึง 75% เลยครับ ดังนั้นการ SLI ซึ่งเป็นการอัพเกรดที่คุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุดสำหรับคอเกมส์ตัวยง
GTX 780 นั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความเป็นที่สุด เทคโนโลยีเทอร์โบบู๊สแบบเดิมนั้นได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ความเร็วคอร์นั้นพุ่งขึ้นไปสูงสุดภายใต้เงื่อนไขของ Power Target แต่หลังจากที่ทีมเอนจิเนียร์ของ NVIDIA ได้วิเคราะห์และพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วมีความเห็นว่า ผลกระทบจากอุณหภูมิของ GPU นั้นมีผลกับประสิทธิภาพการทำงานมากกว่า GPU Power ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้มีการพัฒนา GPU BOOST 2.0 ขึ้นมา ซึ่งมันก็เป็นการปรับเปลี่ยนจากการบู๊สความเร็ว GPU บนพื้นฐาน GPU Power Target เป็น GPU Temperature Target แทน ซึ่ง Temp Target อยู่ที่ 80 องศาเซลเซียส
.
ในกรณีนี้ ผู้ใช้งานสามารถใช้ซอฟแวร์ช่วยในการปรับแต่งให้สามารถบู๊สไปได้มากขึ้นนั้นทำได้โดยการปรับ Temp Target จาก 80 องศา เป็น 85 องศาเซลเซียส GPU จะทำการบู๊สความเร็วขึ้นไปโดยอัตโนมัติจนกระทั้งความร้อนขึ้นไปชน Temp Target ที่เราเซตขึ้นมาใหม่ และนอกเหนือจาก GPU Temp Target แล้ว GPU Boost 2.0 ก็ยังยอมให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถปรับเปลี่ยนความเร็วรอบของพัดลมได้อย่างอิสระผ่านทาง GPU's fan curve ซึ่งนั่นเองจะช่วยประคองอุณหภูมิของ core ให้อยู่ภายในสภาวะเงื่อนไขที่ต่างกันออกไปได้อย่างยืดหยุ่นครับ
และด้วยความที่ GeForce GTX 780 นั้นใช้พื้นฐานการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดียวกับ GTX TITAN ซึ่งมันจะประกอบไปด้วย copper vapor chamber และ อลูมิเนียมฮีตซิ้งค์แบบสองสล๊อดที่จะได้รับแรงลมพัดผ่านจากพัดลมแบบ Blower นั่นเองเป็นผลทำให้ความดังของเสียงรบกวนนั้นต่ำกว่ากราฟฟิกการ์ดรุ่นก่อนหน้าอย่าง GeForce GTX 580 และ 680 ด้วย
เพื่อให้สอดคล้องกับเสียงรบกวนที่ต่ำกว่านั้น เทคโนโลยี GPU Boost 2.0 ก็ได้ถูกพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบควบคุมความเร็วรอบของพัดลมซึ่งได้ใช้ชุด adaptive temperature filter และ อัลล๊อกการิทึมที่ช่วยควบคุมความเร็วรอบและ temperature target ตามที่ได้ถูกตัั้งเอาไว้ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้พัดลมพัดแรงเกินความจำเป็นซึ่งจะเป็นต้นเหตุให้เกิดเสียงรบกวนจากการ์ดมากเกินไปด้วย
สเปกของ GeForce GTX 780
.
ตารางเปรียบเทียบระหว่างรุ่นที่ใกล้เคียง
จากตารางจะเห็นความแตกต่างระหว่าง NVIDIA GeForce GTX 780 กับ GIGABYTE GeForce GTX 780 WINDFORCE 3X ได้เป็นอย่างดีในส่วนของคอร์ที่ทาง GIGABYTE ได้ทำการโอเวอร์คล๊อกมาแล้ว
.