NVIDIA Media Conference Day @ Kuala-Lumpur (1) : Page 1 (1/1)

Article by Northbridge On April 26, 2013 2,094 views
NVIDIA Media Conference Day @ Kuala-Lumpur (1)

...สวัสดี ผู้อ่านทุกท่านนะครับ สำหรับวันนีก็เป็นบทความส่งตรงจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กับรายงานพิเศษจากงาน NVIDIA Media Conference ณ โรงแรม PARKROYAL ประเทศมาเลเซีย สำหรับวันที่ 25 เมษายน 2556 นี้ครับ

...ผม เดินทางออกจากท่าอากศยานดอนเมืองด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชีย มาถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ ก็สักเวลาราวบ่ายสองถึงบ่ายสาม เมื่อวันที่ 24 ที่ผ่านมา สำหรับ conference session จริงๆนั้นก็เริ่มเมื่อตอนเที่ยงของวันที่ 25 นี้ครับ สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ในวันแรกผมเองก็ไม่ได้เอากล้องติดมือไปด้วย ก็เลยจะขอย้อนความทรงจำโดยการยกเอารูปจากบทความ GTX680 Editor's Day ของท่าน Venom-Crusher มาให้ดูกันต่างหน้าก่อนก็แล้วกันครับ

...โดย เนื้อหาโดยรวมๆของวันนี้ก็จะ เป็นเรื่องของการอัพเดตข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ GeForce ทั้ง TITAN, GTX650Ti Boost และ GT700m ที่เป็น Kepler รุ่นใหม่สำหรับโน๊ตบุ๊ค และที่ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์สำคัญจริงๆก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของ NVIDIA Tegra 4 และ Project Shield ที่เพิ่งเปิดตัวไปในงาน CES ที่รอบที่ผ่านมา ซึ่งผมคิดว่าสือทางฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะพวกเรา ก็ยังไม่ได้มีโอกาสไปได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดเสียเท่าไหร่ และทิ้งท้ายด้วยเทคโนโลยี GRID ที่เป็นโซลูชั่น Cloud Computing จากทาง NVIDIA ครับ

GeForce Update from NVIDIA

...เริ่ม ในส่วนของ Consumer Product ที่สำคัญที่สุดของ NVIDIA กันก่อน โดยในส่วนนี้จะนำเสนอโดยคุณ Alex Chang จาก NVIDIA เนื้อหาภาพรวมส่วนใหญ่ ผมคิดว่าครึ่งหนึ่ง ทางเว็บไซต์ของเราได้เคยนำเสนอเนื้อหาเหล่านั้นไปหมดแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็น NVIDIA GeForce GTX Titan กราฟฟิคการ์ดชิปเดี่ยวที่เร็วที่สุดในโลก และ GeForce GTX650TI Boost ที่ ยังคงครองใจเกมเมอร์มหาชน ด้วยราคาสมเหตสมผล และได้เพิ่มเอาเทคโนโลยี NVIDIA GPU Boost 2.0 ที่จะคอยปรับเร่งความเร็วคล๊อกเพิ่มขึ้นในกรณีที่อุณหภูมิยังคงอยู่ในช่วง ที่ยอมรับได้ ซึ่งรายละเอียดที่เราเคยนำเสนอนั้นบอกได้เลยว่า ละเอียดกว่าหรือเท่ากับที่ที่ผมมานั่งฟังในวันนี้กันเลยทีเดียว

เนื้อหา ส่วนที่ผมคิดว่าเป็นเรื่องราวใหม่สำหรับเรานั้นก็คือเรื่องของ NVIDIA GeForce GT700M series สำหรับโนตบุคครับ เพราะที่ผ่านมาเราจะพบว่า กราฟฟิคชิปจาก NVIDIA ในรุ่นระดับ Mainstreme ลงมาบนโน๊ตบุ๊ค ที่เป็น GT series ไม่ใมช่ GTX นั้นยังไม่ได้มีการนำเอาสถาปัตยกรรมใหม่อย่างKepler ไปใช้ GT700m นั้นกล่าวคือมันคือ Kepler บนโน๊ตบุ๊ก ที่มาในราคาระดับ mainstreme นั้นเองครับ

...ที่ ผ่านมาหลังจากการเปิดตัว Kepler สำหรับ Notebook ทางคุณ Alex เองก็พูดขึ้นมาเลยว่า คู่แข่งของเรานั้นมีมาร์เก็ตแชร์ลดลง และ NVIDIA ก็มีเพิ่มขึ้ิน เหตุก็เพราะว่า NVIDIA นั้นสามารถช่วยย่นระยะเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้กับทางผู้ผลิต OEM ได้ เพราะมีการสนับสนุนในเรื่องของการออกแบบแผงวงจรและระบบระบายความร้อนต่างๆ ไว้อย่างครบถ้วนอยู่แล้ว ทำให้ผู้ผลิต OEM สามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของพวกเขาได้อย่างรวดเร็วนั้นเองครับ

ราย ชื่อของ GPU GT700M ที่เปิดตัวใหม่ครับ รายละเอียดโดยละเอียดนั้น ไม่ได้ถูกกล่าวถึง และไม่มีเอกสารอะไรมาให้ผมได้ศึกษานัก หากอยากจะทราบ คงจะต้องรอผมทำการทดสอบโน๊ตบุ๊กรุ่นใหม่ๆก่อนล่ะครับ ถึงน่าจะได้เห็นรายละเอียดกัน

โน๊ตบุ๊กรุ่นใหม่ๆที่ใช้ชิป GT700M ที่นำมาจัดแสดง ก็มีมาวางโชว์ไว้ประปรายครับ ไม่ได้มีการสาธิตอะไรให้ได้ชมกัน

...ซอฟท์แวร์ ที่ชื่อ GeForce Experience นั้นก็มียอดดาวโหลดสูงกว่า 1.5 ล้านครั้ง สำหรับการโอเพนเบต้าในครั้งนี้ ซึ่งแน่นอนว่าNVIDIA ก็ได้ชูจุดขายนีมากครับ GeForce Experience นั้นจะเป็นซอฟท์แวร์ที่เข้ามาช่วยในการปร้บตั้งค่าในการเล่นเกม ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม (Optimized) กล่าวคือสมมุตเราใช้กราฟฟิครุ่นกลางๆ ปรับเซ็ตติ้งต่างๆของเกมเป็นระดับสูงสุดไม่ได้ เพราะว่าจะทำให้เกมเล่นแล้วกระตุกมาก แต่หากจะปรับลดลง ก็ไม่แน่ใจว่า จะปรับอะไร ลดลงมาดีบ้าง ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็อาจจะไม่มีความรู้ในการปรับค่า ก็เลยปรับลดลงมาให้ต่ำที่สุด แต่สำหรับ GeForce Experience มันจะเข้ามาช่วยปรับ จะเข้ามาช่วยในการปรับค่า ให้ได้การแสดงผลที่สวยงามในระดับที่ GPU เรายังสามารถรับมือการแสดงผลในระดับเฟรมเรตที่ยังลื่นไหลครับ

นอก จากนี้ NVIDIA ก็ได้เคลมว่ากราฟฟิคชิปตั้งแต่ระดับเริ่มต้นของพวกเขาทุกรุ่น สามารถเล่นเกมที่อยู่ในกระแสหลักในช่วงปี 2012 ที่ผ่านมาได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น BattleField 3 Crysis 2 และอื่นๆอีกมาก ในขณะที่ชิป IGP HD4000 ที่เป็นกราฟฟิคขั้นพื้นฐานไม่สามารถเล่นได้ทั้งหมด และแน่นอนว่า GeForce 700series นี้มีสมรรถนะที่ดีกว่าชิป IGP พื้นฐาน อย่างน้อยๆก็ 2.6 เท่าล่ะครับ

MiniPC ที่มาตั้งโชว์จาก CoolerMaster ก็เป็น GeForce GTX Titan แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการความร้อนของมันที่ดีมากเลยทีเดียวครับ

 

NVIDIA Tegra Update & Project Shield

ใน ส่วนของ Tegra และ Project Shield  ก็ยังคงเป็นหน้าที่ของคุณ Alex อยู่เหมือนเดิมครับ และสำหรับปี 2013 นี้ แน่นอนว่าตามเทรนด์ ตั้งแต่ต้่นปีในงาน CES ทาง NVIDIA ก็ได้สร้รางเซอไพรส์ด้วย Tegra 4 และเครื่องเล่นเกมแอนดรอยด์สุดเท่ห์อย่าง Project Shield ที่ตัวผมเองจริงๆแล้วก็เพิ่งจะได้มีโอกาสสัมผัสเจ้า Project Shield ที่จริงๆแล้วยังเรียกได้ว่า อยู่ในเฟสของการพัฒนา ซึ่งคาดกันว่าจะสามารถเปิดตัววางจำหน่ายกันได้ภายในช่วงคริสมาสของปีนี้

เริ่ม ต้นกันด้วย Tegra 4 แบบสรุปรวบรัดนะครับ เพราะผมเคยได้เขียนบรรยายสรรพคุณว่า Tegra มันมีดีอะไรมามากมายแล้วพอสมควร Tegra 4 นั้นยังคงจะยืนหยุดอยู่บนพื้นฐานโครงสร้างแบบ 4+1 คือมี 4 แกนประมวลผล และอีก 1 แกนประมวลผลที่เขาเรียกว่าเป็น Power Saving core ไว้สำหรับทำการประมวลผลแบกกราวด์ทาสก์เบาๆ เวลาเราสแตนบานอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์เรา

ทั้งนี้ผมจะเรียนให้ทราบอีก ครั้งว่า โลกของโปรเซสเซอร์โมบายเนี่ย มันคือเรื่องของการผนวกรวมหรือการอินติเกรต ระบบเข้ามาบนชิป (System on chip) กล่าวคือผู้ผลิตอย่าง NVIDIA ก็ไปนำเอาสถาปัตยกรรมแกนประมวลผล มาจาก ARM เอามาผนวกรวมเข้ากับระบบของตน ซึ่งก็จะมี GPU และชิป baseband ของตัวเอง มาสร้างเป็นชิปโปรเซสเซอร์สำหรับอุปกรณ์โมบาย ไม่เหมือนโลกของทางฝั่ง PC หรือ X86 ที่ทางนั้นตัวชิปประมวลผลกับชิปกราฟฟิคมันจะมีการแยกกันอย่างชัดเจน

Tegra 4 นี้จะถูกแบ่งออกเป็นสองรุ่นด้วยกันครับ คือ Tegra 4 โค้ดเนม Wayne ที่เป็นรุ่นท๊อป มีขนาดใหญ่ ใช้แกนประมวลผล ARM Cortex A15 รุ่นใหม่ พร้อมมี NVIDIA GPU core 72 Cores ด้วยกัน แต่จะไม่มีชิป Baseband อินติเกรตอยู่ภายใน ผู้ผลิตจะต้องทำการติดตั้งชิป baseband i500 ต่างหากภายนอกตัวชิป ซึ่งมันก็จะเหมาะกับอุปกรณ์จำพวกแท็บเล็ตที่มีขนาดใหญ่ หรือ embedded system ในอนาคตที่อาจจะหันมาใช้โปรเซสเซอร์ทางฝั่ง ARM แบบนี้ครับ

ในขณะที่ Tegra 4i โค้ดเนม Grey นั้นจะมาพร้อมกับชิป Baseband i500 ภายในตัว รองรับ 4G LTE ความเร็วสูงสุด 100mbps แต่จะใช้แกนประมวลผล ARM Cortex A9 r4 ที่ยังคงเป็นสถาปัตยกรรมแบบ 4+1 เหมือนกันครับ โดยเจ้า Cortex A9 r4 นั้นจะมีสมรรถนะอยู่ที่ประมาณ 80% ของ Cortex A15 และก็จะมี GPU Core น้อยกว่า อยู่ที่ 60 Cores ซึ่งก็จะทำให้มันเหมาะสำหรับการนำไปสร้างเป็นโทรศัพท์ซุปเปอร์โฟน หรืออุปกรณ์ที่อาจจะต้องการประหยัดพลังงานและพื้นที่บนแผงบอร์ดนั้นเอง

Baseband ตัวใหม่ของทาง NVIDIA ที่เรียกว่า i500 นั้นใช้เทคโนโลยีการผลิตขนาด 28 นาโนเมตร ขนาดกระทัดรัด รองรับ 100Mbps LTE และถือได้ว่าเป็นชิป baseband ของ nvidia ตัวแรกที่มีลักษณะเป็น "Soft Modem" กล่าวคือ หากในอนาคต มีมาตรฐานในการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบบใหม่ๆ เจ้าชิป baseband ตัวนี้ จะสามารถ reprogram หรือ re-flash ให้สามารถรองรับกับฟีเจอร์ใหม่ๆในเครือข่ายได้ ซึ่งตรงนี้มันจะเป็นผลดีต่อผู้ผลิตเอง ที่ไม่จำเป็นจะต้องทำการออกแบบฮาร์ดแวร์ในส่วนอื่นๆให้รองรับกับชิป baseband รุ่นใหม่ๆที่จะตามออกมาในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ช่วยยืดอายุวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ไปได้

นอก จากนี้ฟีเจอร์ที่เด็ดสุดๆนั้นก็คือ NVIDIA Chimera ซึ่งเป็นฟีเจอร์การประมวลผลภาพถ่ายให้การถ่ายภาพในทุกๆช็อต เป็นการถ่ายภาพแบบ HDR ได้อย่างรวดเร็ว Chimera นั้นจะทำให้ลดขั้นตอนการถ่ายภาพ HDR ด้วยอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์โดยในเอนจินประมวลผลในตัวชิป Tegra 4 นั้นเองครับ ซึ่งผลลัพท์ที่ได้นั้นก็คือ เราสามารถที่จะถ่ายภาพ HDR ได้เลยทันที โดยไม่ต้องรอเวลา หรือทำการประมวลผลด้วยซอฟท์แวร์ในภายหลัง ตลอดจนจะทำให้เกิดฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น วีดีโอแบบHDR ไปตลอดจนภาพพาโนรามาแบบ HDR ได้อีกเช่นกันครับ

ถัด มาเป็นส่วนของเจ้าเครื่องเล่นเกม Project Shield ที่ถือได้ว่าเป็น showcase ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของชิป Tegra 4 ได้อย่างดีครับ

Project Shield นั้นเป็นเครื่องเล่นเกมขนาดพกพา ที่มีลักษณะรุูปร่างเหมือนกับคอนโทรลเลอร์เกม Xbox สร้างโดย NVIDIA และยังคงอยู่ในช่วงระหว่างการทดสอบและปรับปรุงครับ ยังไม่มีการกำหนดราคาจำหน่าย

ฟีเจอร์ โดยคร่าวๆนั้นคือมันใช้ชิปประมวลผล Tegra 4 ที่มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัส 5 นิ้ว ความละเอียด 720P และตัวคอนโทรลเลอร์นั้น NVIDIA เคลมว่ามันเป็นแบบ "Console Grade" คือให้ความรู้สึกหนักแน่นและแม่นยำในการควบคุมเหมือนเครื่องคอนโซลทั่วไป และระบบปฏิบัติการนั้นก็จะเป็น Android 4.2 Jelly Bean ครับ

ด้าน หลังตัวคอนโทรลเลอร์ ก็มีปุ่มกดอีก ให้ความรู้สึกเหมือนคอนโทรลเลอร์เกมจริงๆ และนอกจากนี้ก็ยังมีลำโพง Bass Reflex Speaker ที่จะช่วยทำให้เสียงหนักแน่นและเหมาะสำหรับการเล่นเกมยิ่งขึ้น ตลอดจนพอร์ตเชื่อมต่อนั้นมี HDMI ที่รองรับการต่อออกหน้าจอโทรทัศน์ความละเอียด 1080P, Micro USB และแจ๊กหูฟังมาให้เสร็จสรรพแล้ว

...ท่าน อาจจะนึกสงสัยว่า เมื่อมันเป็น Android แล้วจะเล่นเกมอะไรพิเศษๆได้บ้าง คำตอบคือ มีครับ เยอะมากด้วย ท่านที่เคยติดตามบทความของผมที่เคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับ Tegra จะรู้ว่า NVIDIA ได้สร้า Tegra Zone คือเหมือนศูนย์รวมแอพพลิเคชั่น้กม ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับชิป Tegra ซึ่งแน่นอนว่ามันก็จะมีตั้งแต่เกมกิ๊กก๊อกอย่างเกม puzzle ต่างๆหรือเกมฟันผลไม้สนุกๆ ไปจนถึงเกมซีเรียสๆที่ถูกพอร์ตลงมาจากเครื่อง PC อย่างพวก GTA หรือจะเป็นเกมมัลติแพลตฟอร์มหลายๆเกมก็มีให้เลือกเล่นอยู่มากพอสมควร

ดัง นั้นแล้วเราอาจจะกล่าวได้ว่า Project Shield นั้นเกิดมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของชิป Tegra 4 ว่าโลกของ Mobile Chip นั้นมีศักยภาพมากเพียงใด

...นอกจากเกม android based ที่ถูกปรับมาให้เหมาะสมกับชิป Tegra หรือเกมที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อรันบนชิป Tegra ที่จะสามารถเล่นได้อย่างถนัดมือกับคอนโทรลเลอร์ในตัวเครื่อง ที่ออกแบบมาให้สามารถใช้งานควบคุมได้ง่ายเหมือนเกมคอนโซล ก็ยังจะสามารถ stream เกมจากเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอพ มาเล่นบนตัวเครื่อง Project Shield ได้เช่นกันครับ

...ด้วย ซอฟท์แวร์ GeForce Experience จะทำให้เราสามารถ stream เกมจากเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอพ ไปเล่นบน Priject Shield ได้ โดยที่คอมพิวเตอร์เดสก์ทอพ จะทำหน้าที่ในการเรนเดอร์ภาพสามมิติทั้งหมด ในขณะที่ตัว Project Shield จะทำหน้าที่ถอดรหัสภาพที่ได้จาก PC มาเป็นภาพแสดงผลบนเครื่อง และส่งฟีดแบคเป็นการ input บนตัวคอนโทรลเลอร์ของเราขึ้นไปหาเครื่องพีซี ซึ่งสามารถเชื่อมต่อผ่านทาง Wireless Lan ได้ครับ โดยเท่าที่ได้ลองเล่นดู ซึ่งจริงๆแล้วมันยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนา โดยรวมๆแล้วก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ภาพบนคอมพิวเตอร์ และบนเครื่องคอนโซล ก็ไหลไปพร้อมๆกันได้อย่างลื่นไหลครับ

สำหรับ วันนี้ ผมก็จะขอหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน จริงๆแล้วยังคงมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องของ GRID ที่ผมยังจะขอติดไว้ ยกยอดไปเป็นพรุ่งนี้ เพราะเนื้อหาในการบรรยายพรุ่งนี้นั้น มีค่อนข้างน้อยครับ และก็เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในฝั่ง Enterprise เหมือนกันเสียด้วย สำหรับวันนี้ก็ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ

.

.

ขอขอบคุณ NVIDIA ผู้จัดและสนับสนุนการเดินทาง