Review : Dell Inspiron 2350 all in one PC : 1 (1/2)
...กระแส ของเครื่อง All in one PC แบบที่เป็นเครื่องเดสก์ทอพมีจอและวางบนโต๊ะได้จบในแพคเกจเดียวกันเลยนั้น เคยมีมาอยู่เรื่อยๆในวงการของเราอยู่แล้วครับ แต่สำหรับยุคนี้ ก็คงจะปฏิเสธไปไม่ได้ว่า น่าจะเป็นช่วงที่ All in one PC นั้นจะได้มีที่ยืนใหม่ของตัวเองอีกครั้ง นั้นก็คือเรื่องของระบบปฏิบัติการ Windows 8 ที่มีหน้าตาและการใช้งานที่เอื้ออำนวยต่อการใช้งานร่วมกับหน้าจอแบบสัมผัส ชนิด Capacitive เหมือนๆกับการใช้งานสมาร์ทดีไวซ์อย่างพวกแท็บเล็ต แต่ยังคงสมรรถนะการประมวลผล และ productivity ในแบบฉบับของ PC ดั้งเดิมไว้ได้ดี แถมเครื่องใน generation ใหม่ๆเหล่านี้ ก็ยังมีดีไซน์ที่สามารถปรับรูปแบบการตั้งหน้าจอใช้งานได้หลากหลายรูปแบบกว่า แต่ก่อนอีกด้วยครับ
...Dell Inspiron 2350 นั้นเป็นเครื่องเดสก์ทอพจากกลุ่ม "Inspiron" จาก Dell ที่เรียกว่าเป็นกลุ่มสินค้าที่เน้นไว้ขายให้กับลูกค้าที่ใช้งานตามบ้าน หรือออฟฟิศขนาดเล็กๆ ในรุ่น 2350 นี้มาพร้อมกับซีพียู Intel Core i7 (4th generation) หรือที่รู้จักกันในโค้ดเนม Haswell และหน่วยประมวลผลกราฟฟิค (การ์ดจอแยก) เป็น AMD Radeon ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไร ผมได้แคปหน้าจอจากโปรแกรม AIDA64 มาให้ได้ชมกันพร้อมตารางสรุปตามนี้ครับ
Processor | Intel Core i7 4700MQ |
Chipset | Intel HM87 |
Memory | 12GB DDR3-1600MHz |
Graphics Adapter | AMD Radeon HD 7650 1GB |
Display | 23" 1920x1080px Touch Screen |
Harddisk | 1TB + 32GB mSATA SSD |
Optical Drive | N/A |
Network | Dell Wireless 802.11B/G/N (2.4GHz only) |
Connection Port | USB2.0, USB3.0 ,HDMI,Cardreader, LAN |
Battery | N/A |
Weight | UNKNOWN |
OS Bundled | N/A |
จะ เห็นว่า Inspiron 2350 นั้นใช้ซีพียูที่แทบจะเรียกได้ว่า ทรงพลังเกือบจะที่สุดในตระกูลของ Haswell อย่าง Core i7 MQ4700 ซึ่้งเป็นชิปแบบเดียวกับที่ใช้ในโน๊ตบุ๊ค และมีแกนประมวลผล 4 แกน เมมโมรีแบบ DDR3L 12GB ส่วนกราฟฟิคการ์ดนั้นในเครื่องทดสอบผมได้มาเป็น HD8690A ที่สามารถสลับการทำงานกับกราฟฟิคในตัวซีพียู (Intel HD4600) ได้ แต่จากการตรวจสอบจากแหล่งข่าวอื่นนั้นพบว่า ในเวอร์ชั่นขายจริงของรุ่นนี้นั้นจะติดตั้งมาให้เป็น HD7650 ครับ
มา ดูที่ภาพรวมภายนอกของตัวเครื่อง หน้าจอนั้นมีขนาด 23 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD (1080P) แบบทัชสกรีน ให้การตอบสนองที่ดี พร้อมทั้งกระจกครอบจอก็แข็งแรงแน่นหนาดีครับ
จอแสดง ผลนั้นสามารถปรับลักษณะการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ หากท่านสังเกตรูปในรีวิว ก็จะเห็นได้ว่า ผมได้ทดลองปรับรูปแบบการวางใช้งานให้ดูแล้วไปถึง 3 สไตล์ด้วยกัน แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าไม่สามารถปรับหมุนซ้ายขวาได้
ตัว จอนั้นยึดเข้ากับฐานของเครื่อง ที่ดูๆไปแล้วมีข้อสังเกตคือ ตัวฐานเครื่องนั้นก็จะมีความเพียวบางพอสมควร (หน้าจอบางสุด 12มิลลิเมตร) ดูแล้วน่าจะบางพอๆกับตัวจอ แต่ว่าทั้งสองส่วนประกอบนั้น มีน้ำหนักที่สัมพันธ์กันพอดี ทำให้การใช้งานนั้นในการโยกปรับระดับหน้าจอ จะไม่เกิดปัญหาตัวเครื่องลอยขึ้นมาให้เห็นได้บ่อยนัก หากไม่ฟืนขาโยก ตัวโยกนั้นก็จะสามารถปรับความสูงต่ำได้เล็กน้อย และปรับ tilt จอในลักษณะก้มเงยได้ จนถึงแบนราบ
วัสดุ ที่ใช้นั้นโดยรวมแล้วทำมาจากโลหะ ซึ่งจะมีบางส่วนที่เคาะๆดูแล้วก็เป็นเสียงของพลาสติก เช่นฝาหลังจอสีดำๆนั้นแหละครับ แต่โดยภาพรวมแล้วถือว่า งานประกอบนั้นปราณีตและสวยงามดูมีราคาดีมาก ตลอดจนสัมผัสที่ได้จากการโยกจอขึ้นลงและพับจอนั้นก็เป็นสัมผัสที่หนักแน่น แต่นุ่มนวล ไม่ได้ลำบากในการขยับจนเกินไป
นี่ คือจังหวะที่กำลังจะปรับจอให้เกือบแบนราบลงไป เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานในรูปแบบของ touch screen เพื่อใช้แอพพลิเคชั่นบน Windows 8 (Metro interface)
กดให้ราบลงมาสุดแบบนี้ ก็ได้อารมณ์เหมือนว่าวางเครื่องไว้กลางวง แล้วมารุมจิ้มๆหน้าจอเล่นกันแบบนี้ก็น่าใช้งานไม่น้อยครับ
บริเวณขอบด้านล่างของตัวจอ ก็จะมียางกันกระแทก เพราะตัวเครื่องนั้นสามารถลดระดับหน้าจอลงมาให้ติดกับพื้นโต๊ะได้
ฐาน ของตัวเครื่อง จะเป็นที่อยู่ของอุปกรณ์ในส่วนของเมนบอร์ด และชิปประมวลผลหลักๆครับ (สังเกตจากการทำงานที่บริเวณฐานจะค่อนข้างอุ่นๆ) และก็มีช่องลายจุดๆตรงนั้นผมเข้าใจว่าจะเป็นส่วนของช่องดูดลมเย็นเข้าไป ระบายความร้อน ส่วนลำโพงนั้นทาง Dell เรียกมันว่าเป็นระบบ "Maxx Audio" ที่จากการทดลองใช้ก็พบว่า ให้เสียงที่ดังได้พอๆกับลำโพงสเตอริโอตั้งโตีะสำหรับคอมพิวเตอร์ทั่วไป และให้คุณภาพที่ดีสมกับภาพลักษณ์ของตัวเครื่องเลยทีเดียวครับ
ด้าน หลังเครื่องนั้นก็จะเป็นช่องระบายอากาศ ตลอดจนช่องสำหรับต่อเข้ากับสายไฟเลี้ยงเครื่อง เป็นไฟ DC 19.5V พอร์ตเชื่อมต่อทั้ง USB2.0 ทั้งสองพอร์ต และ RJ45 สำหรับเชื่อมต่อระบบแลน ส่วนช่อง HDMI นั้นจะสังเกตได้ว่ามีทั้ง HDMI in และ HDMI out ซึ่งก็ตามความรู้สึกง่ายๆเลยครับคือ HDMI in นั้นจะทำให้เราสามารถใช้เครื่องเดสก์ทอพตัวนี้ ในการแสดงผลภาพจากแหล่งสัญญาณภาพอื่นๆอย่างเครื่องเล่นบลูเรย์ หรือเครื่องอัลตราบุคได้ด้วย
บริเวณ ด้านข้างขอบจอก็จะมีปุ่มเพาเวอร์ พร้อมไฟแสดงผลสีขาว และไฟกระพริบดวงเล็กๆสำหรับสถานะฮาร์ดดิสก์ ปุ่มสามปุ่มนี้นั้น สองปุ่มมีไว้สำหรับปรับความสว่างหน้าจอ และอีกปุ่มหนึ่งไว้สำหรับเลือกแหล่งที่มาของสัญญาณภาพที่จะแสดงผลบนจอครับ
ใน ด้านขวาของตัวเครื่องนั้นก็จะมี ช่องสำหรับเสียบอุปกรณ์หูฟังและไมโครโฟน และ USB 3.0 อีกสองพอร์ต (อีกด้านหนึ่งมีอีก 2 พอร์ต) ตลอดจน Cardreader
ใน กล่องนั้นนอกจากตัวเครื่องแล้ว ก็ยังมีชุดคีย์บอร์ด และเมาส์ไร้สาย แถมมาให้ ดังที่จะได้เห็นในรูปที่แสดงพอร์ตการเชื่อมต่อไปแล้วนะครับว่าผมได้ทำการ เสียบเจ้าตัวรับส่งสัญญาณไร้สายสำหรับคีย์บอร์ด และเมาส์ของทาง Dell เอง ตัวคีย์บอร์ดนั้น ให้ความรู้สึก เหมือนๆกับโน๊ตบุ๊คจากค่าย Dell ในหลายๆรุ่นครับ คือจังหวะการกดจะกระชับๆ และค่อนข้างมีน้ำหนักมาก แรงดีดค่อนข้างแรง แต่ตัวปุ่มไม่มีอาการคลอนและกดได้มั่นใจดี คีย์บอร์ดนั้นมีขนาดค่อนข้่างใหญ่ครับ ถึงแม้จะไม่ใช่คีย์บอร์ดขนาดเต็มตัวเพราะด้วยการออกแบบที่ต้องการให้สามารถ ถือไปใช้งานได้ทั่วทุกมุมห้อง จะไปบีบปุ่มเอาตรง function key (f1-12) และปุ่มลูกศรขึ้นลงเท่านั้นเองครับ
เมาส์ ไร้สายออฟติคัลตัวนี้ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบ ถึงแม้ว่าความลื่นไหลในการใช้งานนั้นจะไม่ค่อยดีมากนัก แต่สามารถใช้งานชี้เคอร์เซอร์สำหรับการสั่งงานในชีวิตประจำวันได้อย่างว่อง ไว ตลอดจนมีน้ำหนักที่พอเหมาะมือ ไม่เบาจนเกินไป และมีคาแร็คเตอร์ของลูกกลิ้งที่ดีมาก (สัมผัสที่นุ่มนวลและหนักแน่นดี) ตลอดจนสัมผัสที่ได้จากการกดปุ่มที่ค่อนข้างแข็งและหนักแน่น แต่เสียงคลิกจากปุ่มทั้งสองนั้นจะค่อนข้างดังไปสักหน่อย แต่ก็เป็นเสียงที่หนักแน่นพอสมควร
ส่วนการจับถือก็ทำได้ถนัดมือดี แม้่จะไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งมากนักก็ตาม
ตัว เมาส์ไร้สายสามารถถอดเปลี่ยนถ่านข้างในได้เพียงแค่ยกฝาครอบขึ้นมา ฝาครอบนั้นติดอยู่กับตัวเมาส์ ด้วยลูกแม่เหล็กขนาดเล็กๆตรงกลางครับ ทำให้สามารถถอดออกได้ง่าย และให้ความรู้สึกที่เป็น premium ดี
อะแดปเตอร์ จ่ายไฟนั้นสามารถจ่ายไฟแบบ DC ที่แรงดัน 19.5 โวลต์ ที่โหลดกระแสสูงสุดถึง 9.23A คิดเห็นกำลังไฟฟ้าสูงสุดถึงราว 200Watt เลยทีเดียวครับก็เรียกได้ว่ามีขนาดที่ใหญ่กว่าเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค อยู่เล็กน้อย ดังนั้นจึงสามารถประมาณการได้ว่า All in one เครื่องนี้ ก็จะไม่กินไฟไปกว่าการใช้งานโน๊ตบุ๊คมากเสียเท่าไรนัก
แล้วผมก็ไม่พลาดในการที่จะเข้าไปดูใน Store ของแอพพลิเคชั่นสำหรับ Windows 8 ก็พบว่าในที่สุดก็มีแอพเฟซบุคเสียทีครับ
นอก จากนี้ก็ยังลองๆหาเกมฟรีเล่น ก็มาสะดุดเจอกับตัวนี้แหละครับ Minion Rush ที่ผมเองเคยเล่นในไอแพด ปกติแล้วผมเองก็ไม่ค่อยได้เล่นเกมนัก แต่จากการทดลองเล่นในเครื่องที่มีจอขนาดใหญ่ๆแบบนี้ ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันก็สนุกดีเหมือนกันครับ กับการเอานิ้วจิ้มๆบนจอขนาดใหญ่ เล่นเกมอะไรที่เราเคยเล่นบนเครื่องจอเล็กๆ