Review : Tenda W150M Wireless AP/Router : Page 2 (2/2)
Web UI & Features
หน้าต่าง Web UI ใช้งานได้ค่อนข้างง่าย เน้นการเซ้ตอัพเป็นแบบ Wizard (Step by step) ซึ่งขั้นตอนการเข้าถึงหน้า Web UI นั้นก็จะมีระบุไว้ในคู่มือผู้ใช้ในแผ่นซีดี รวมไปถึงแผ่นกระดาษแนะนำอย่างชัดเจนและเข้าใจง่ายมากๆครับ การตั้งค่าก็สามารถตั้งค่าได้ค่อนข้างละเอียด อยากจะให้ลองมาชมกันข้างล่างดูคร่าวๆครับ
Tenda W150M นั้นมาพร้อมกับโหมดการทำงานหลักที่สามารถตั้งค่าและทำความเข้าใจได้ง่ายๆ 5 โหมดการทำงานด้วยกันครับ
1. AP Mode (Factory Default) หรือ Access Point Mode เป็นโหมด AP ทั่วไปที่ทุกท่านคุ้นเคย หรืออาจจะไม่ ? กล่าวคือในโหมดนี้ตัว W150M จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อเครื่อข่ายระหว่างเครือข่ายไร้สายภายในตัว เข้ากับเครือข่ายแบบมีสาย (สายแลน) ในภาพด้านบน รูปแรกนั้นจะเป็นหน้าต่างขั้นตอนการติดตั้ง เลือกการตั้งค่าต่างๆของเครือข่ายไร้สาย ส่วนหน้าถัดมา ก็จะเป็นการตั้งค่าของเครือข่ายแบบมีสายนั้นเองครับ
2. Client + AP mode หรือเรียกให้เข้าใจง่ายๆว่า Repeater mode ในโหมดนี้ ตัว W150M จะทำการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่าย Wireless อื่นๆที่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทอยู่ (เป็น Client ให้เขา) แล้วในขณะเดียวกัน ตัวมันเองจะทำการปล่อยสัญญาณออกมาเป็นชื่อ SSID ของตนเอง เหมือนกับ AP Mode
ในภาพด้านบนจะสังเกตได้ว่า ตัว AP นั้นจะสามารถสแกนหาคลื่นไวเรสที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้อย่างชัดเจน ซึ่งหลังจากกด Join AP แล้ว ก็จะเข้าสู่หน้าจอการเซ็ตอัพไวเรสของตัว W150M เอง อย่างเช่นรูปแรกของ AP Mode นั้นเองครับ
3. WDS + AP Mode เป็นอีกหนึ่งโหมดการทวนสัญญาณ หรือ Repeater Mode ในโหมดนี้ ตัว W150M จะทำการเชื่อมต่อคล้ายกับ Client + AP แต่ว่าเราสามารถตั้งค่าให้ตัว W150M นั้นทำหน้าที่ทวนสัญญาณโดยใช้ SSID และ รหัสผ่านอันเดียวกับต้นกำเหนิดสัญญาณได้ โดยต้องทำการตั้งค่าทั้ง SSID ชาแนล และรหัสผ่านให้ตรงกัน
WDS+AP นั้นเหมือนเป็นโหมด Repeater อีกอันหนึ่งที่สามารถทำงานเป็น Repeater ได้อย่างแท้จริง คือตัวมันเองจะมีหน้าที่ขยาย range สัญญาณไวเรสจากต้นทาง โดยใช้ SSID , Pass Phrase (รหัสความปลอดภัย) รวมไปถึงชาแนลสัญญาณเดียวกัน กับสัญญาณต้นทาง หน้าจอการเซ็ตอัพ ก็จะเป็นไปตามข้างบน เหมือนๆกับโหมด Client + AP เลยครับ คือต้องจอยเข้ากับตัว AP ต้นกำเหนิดสัญญาณก่อน
4. WIPS Mode ( Wireless Router + Client mode) คือการรับสัญญาณอินเตอร์เนทผ่านทาง Wireless แล้วนำมาแชร์ต่ออีกทีผ่าน Wireless ที่เป็น SSID ของตนเอง ทำให้ผู้ใช้ปลายทางที่เป็น Client ของตัว W150M นี้ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเครือข่าย Wireless ต้นทางที่ปล่อยอินเตอร์เน็ทมาก่อนได้
5. Wireless Router Mode คือโหมดที่ใช้เชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย เข้ากับอินเตอร์เนทเกตเวย์ โดยในโหมดนี้ตัว W150M จะให้พอร์ต RJ45 นั้นทำหน้าที่เป็น WAN Port และมีโปรโตคอลในการลอกอินเข้าใจงานอินเตอร์เนทให้เลือกใช้งานอีก เช่น PPPoE , PPPT และอื่นๆ โดยอุปกรณ์เกตเวย์นั้นอาจจะเป็น ADSL Modem หรือ Cable modem ก็เป็นได้ ซึ่งการลอกอินเข้าใช้งานนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของตัว Router เช่นเดียวกับ Router ทั่วๆไปที่มีขายตามท้องตลาด การตั้งค่านั้นก็เป็น step by step อย่างในภาพด้านบนเลยครับ ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรซับซ้อน
.
.
...Tenda W150M ก็เป็นอุปกรณ์ Wireless AP/Router ที่มีขนาดเล็กกระทัดรัด แต่ไม่ประหยัดฟีเจอร์จริงๆครับ ซึ่งขนาดที่เล็ก และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานจากอะแดปเตอร์ที่ใช้เสียบปลักเสมอไป ทำให้เราสามารถพกพาไปใช้งานข้างนอกได้อย่างสะดวก เช่นการเอาไปใช้งานตามจุด Hot spot ต่างๆ เราอาจจะนำตัว W150M ประยุกต์เป็น Wireless repeater อย่างง่ายๆ ในโหมด Client + AP Mode ให้เพื่อนๆที่ไม่มีรหัสผ่าน WiFi Hot spot ในจุดนั้นๆเข้าไปใช้งานด้วยกันได้ เป็นต้นนั้นเองครับ
...ซึ่งหากท่านกำลังมองหาอุปกรณ์ประเภทนี้ไว้ในครอบครอง ในตอนนี้ Tenda ก็มี W150M W150M+ ที่สามารถถอดเปลี่ยนเสาได้ และ W300M สำหรับ Wireless N ความเร็วระดับ 300Mbps ให้ได้เลือกใช้งานกันอีกด้วยครับ
...ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่า ตลาดในบ้านเรา อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับอุปกรณ์พวกนี้สักเท่าไหร่ และกลัวในความยุ่งยากที่จะใช้งาน แต่เท่าที่สังเกตและศึกษามา ผมก็พบว่าทาง Plenty Computer นั้นก็ได้ทำการบ้านม่ค่อนข้างดีพอสมควรครับ มีการจัดทำคู่มือภาษาไทยอย่างละเอียด แปะไว้ที่เว็บไซต์ของเขาด้วย (คลิกได้เลย)
.
.
สำหรับรีวิวในวันนี้ จากการพิจารณาถึงความคุ้มค่าและฟีเจอร์ที่แปลกใหม่ และสามารถติดตั้งได้อย่างง่าย ในขนาดที่เล็กกระทัดรัด พกพาไปใช้ภายนอกอาคารได้อย่างสะดวก ผมจึงขอพิจารณามอบรางวัล Best Innovation ให้กับ Tenda W150M ไว้ ณ ที่นี้ครับ.