สวัสดีครับ ผมมีเรื่องดี ๆ มาฝากกันอีกแล้วครับ ลองอ่านดู อาจจะยาวสักหน่อยแต่ถ้าอ่านจบแล้วจะได้สติ และได้ความคิดเยอะครับ
**********************************************************
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่ง พระราชาองค์นี้ มีคนสนิทคนหนึ่งที่พระองค์สนิทมาก และมักจะพาไปไหนมาไหนด้วยเสมอ ในทุกๆที่ แล้ววันหนึ่ง พระราชาก็ถูกหมาตัวหนึ่งกัดนิ้ว แผลฉกรรจ์มาก พระราชาจึงถามคนสนิทว่า นี่เป็นรางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า คนสนิทกลับตอบว่า " ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก " และในที่สุด พระราชาก็ถูกตัดนิ้ว และพระราชาก็ถามคนสนิทอีกว่า นี่เป็นรางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า คนสนิทกลับตอบว่า "ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก" พระราชาโกรธมาก เลยจับคนสนิทขังไว้ในคุก วันหนึ่ง พระราชาก็ได้เสด็จออกป่าล่าสัตว์ พระองค์ทรงตื่นเต้นมาก แล้วก็มุ่งเข้าไปในป่า ลึกเข้าไปเรื่อยๆ เมื่อมารู้ตัวอีกทีก็พบว่า พระองค์ได้หลงทางเสียแล้ว แต่ก่อนที่อะไรจะเลวร้ายไปกว่านั้น พระองค์ก็ได้พบกับชนเผ่าพื้นเมืองในป่าแห่งนั้น คนป่าพวกนั้น ต้องการจับพระราชาไปบูชายัญ แต่พวกเขาก็พบว่า พระราชานิ้วขาด จึงรีบปลดปล่อยพระราชา เพราะเชื่อว่าพระราชาไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์เลยและไม่เหมาะที่จะนำไปบูชายัญ พระราชาจึงตัดสินใจกลับพระราชวังในที่สุด และสุดท้าย พระองค์ก็เข้าใจคำพูดของคนสนิทที่บอกว่า " ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก " เพราะถ้าพระองค์มีนิ้วครบสมบูรณ์ พระองค์ต้องถูกฆ่าโดยคนป่าพวกนั้นอย่างแน่นอน พระราชาจึงสั่งปล่อยตัวคนสนิท และขอโทษเขา แต่พระราชากลับประหลาดใจ เมื่อคนสนิทกลับไม่โกรธพระองค์เลย ในทางตรงข้ามเขากลับบอกว่า มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลยที่ท่านขังข้าไว้ ทำไมงั้นหรือ เพราะว่าถ้าพระองค์ไม่ขังข้าไว้ ข้าก็จะต้องตามท่านไปใน ป่าและในเมื่อท่านไม่เหมาะจะถูกบูชายัญ ข้าคงจะถูกนำไปบูชายัญแทนเป็นแน่ อีกครั้งกับคำที่ว่า ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก
นิทานเรื่องนี้อาจกล่าวได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ไม่มีการสรุปได้อย่างแน่นอนว่า ดี หรือ ไม่ดี บางครั้งสิ่งที่ดี อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย ในขณะที่สิ่งที่เลวร้ายอาจกลายเป็นดีได้ สิ่งดีๆอะไรก็ตาม ที่เกิดขึ้นกับเรา จงสนุกสนานกับมัน แต่อย่าไปยึดติดกับมัน จงคิดเสียว่ามันเป็นสิ่งที่มาสร้างความประหลาดใจให้กับชีวิตของคุณ อะไรต่างๆ ที่มันเลวร้าย ซึ่งเกิดขึ้นกับคุณ ไม่จำเป็นต้องไปเศร้าเสียใจ ในตอนท้าย มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย ถ้าพวกเราเข้าใจได้อย่างนี้ พวกเราจะพบว่าการใช้ชีวิตนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยส่วน อาจารย์วิโรจน์ ฤทธิ์ลิขิตก็มีนิทานเรื่อง “มันอาจจะดีก็ได้…….” ซึ่งให้ข้อคิดในลักษณะเดียวกันเป็นเรื่อง ของ อาแปะคนหนึ่งเรื่องราวมีอยู่ว่า
มีอาแปะคนหนึ่ง เลี้ยงม้าตัวเมียไว้ 1 ตัว อาชีพของแกคือ นำม้าตัวเมียไปจ้างผสมพันธุ์ และเมื่อได้ลูกม้า แกก็จะนำลูกม้าไปอยู่ต่อมาวันหนึ่ง ม้าตัวเมียนั้นได้หายไปจากบ้าน ชาวบ้าน ผู้มีน้ำใจได้มา แสดงความเสียใจกับอาแปะกันมากมาย เพราะอาแปะเป็นคนดีเป็นที่รักของทุก ๆ คน
อาแปะได้ แสดงความขอบคุณและตอบกลับไป ด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “มันอาจจะดีก็ ได้"
ต่อ มาอีก 2 - 3 วัน ม้าตัวเมียนั้นได้กลับมาพร้อมกับม้าตัวผู้ 1 ตัวชาวบ้าน รู้ข่าว ต่างก็แสดงความยินดีกับอาแปะ เพราะต่อไปนี้อาแปะ นั่งจิบน้ำชา ก็มี ลูกม้าขายไม่ต้องไปเสียเงินจ้างเขาผสมพันธ์
อาแปะแสดงความขอบคุณต่อเพื่อน บ้านและตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า "มันอาจจะร้ายก็ได้"
และ อีกไม่นานนักลูกชายคนเดียวของอาแปะได้กระโดดขึ้นขี่หลังม้าตัวผู้ม้าพยศ ลูกชายอาแปะตกลงมา ขาหัก ชาวบ้านสงสาร เพราะอาแปะ มีลูกชายเพียงคนเดียว จึงมาแสดงความเสียใจและปลอบโยนให้กำลังใจ
แต่อาแปะกลับตอบด้วยสีหน้าปกติวาจา สุภาพเหมือนทุกครั้งว่า "มันอาจจะดีก็ได้"
บ้าน ของอาแปะอยู่ชายแดน มณฑลหนึ่งในเมืองจีน ซึ่งชายหนุ่มทุกคนต้องไปเป็น ทหารสู้รบป้องกันบ้านเมือง แต่ด้วยเหตุ ที่ลูกชายอาแปะขาหักพิการ จึงไม่ สามารถไปเป็นทหารได้จึงได้อยู่ดูแลอาแปะอย่างมีความสุข
ท่านอาจารย์วิโรจน์ให้ข้อคิดไว้ว่า
ในชีวิตคนเรานั้นมีหลายๆเรื่องผ่านเข้ามาในชีวิต หากเราเจอปัญหาและคิดว่ามืด 8 ด้าน อย่าท้อถอยเพราะเหตุการณ์ นั้นอาจมีสิ่งที่ดีเกิดขึ้นก็ได้ ในขณะเดียวกันถ้าได้สิ่งใดสมปรารถนาก็ อย่าดีใจจนออกนอกหน้าเพราะมันอาจจะร้ายก็ได้?
ขอให้ประโยคสั้นๆนี้ "มันอาจ จะดีก็ได้" เป็นกำลังใจให้เราทุกคนสู้ต่อไป
ขอให้ประโยคนี้ "มันอาจจะร้ายก็ ได้" เตือนให้เราไม่ประมาทอย่าสุขจนลืมตัว อย่าทุกข์จนเสียคน...นะครับผม
ขอบคุณเรื่องดี ๆ จาก
www.love4home.com