คิดยังไงกับประโยคนี้

[Venom-Crusher]

กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย...น้ำเต้าน้อยจะถอยจม...ผู้ดีจะเดินตรอก...ขี้ครอกจะเดินถนน

ใกล้เข้าไปทุกทีแล้วครับ รออีกนิดนะตะเอง ... อิอิ

ต้องช่วยกันอย่าให้มันเกิดขึ้นครับ..

 

[zaddman]

กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย...น้ำเต้าน้อยจะถอยจม...ผู้ดีจะเดินตรอก...ขี้ครอกจะเดินถนน

ใกล้เข้าไปทุกทีแล้วครับ รออีกนิดนะตะเอง ... อิอิ

ต้องช่วยกันอย่าให้มันเกิดขึ้นครับ..

 

 

[Chris]

กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย...น้ำเต้าน้อยจะถอยจม...ผู้ดีจะเดินตรอก...ขี้ครอกจะเดินถนน

ใกล้เข้าไปทุกทีแล้วครับ รออีกนิดนะตะเอง ... อิอิ

ต้องช่วยกันอย่าให้มันเกิดขึ้นครับ..

 

 

[heaven_no.9]

คนสมัยนี้เห็นคุณค่าของเงินมากกว่าสิ่งอื่นหล่ะครับ ใครมีเงินมากก็เป็นนายหัวได้หล่ะครับ

คนมีตังค์บางคนไม่มีน้ำใจบนท้องถนน ดูได้จากรถที่ขับครับ รถกูแพงกว่ามึง กูเบียดเข้ามึงต้องจอดให้กู เพราะมึงคงไม่มีตังค์ซ่อมให้กู ว่าไปประมาณนั้น...

"ขับรถเป้นล้านน้ำใจไม่ถึงร้อย ขับรถคันละร้อยแต่น้ำใจมีเป็นล้านครับ"

[kim]

สังคมมันแหลกเหลวไปแล้วเมืองไทย

ขาดคนกล้า ขาดคนมีคุณธรรม ขาดศีลธรรม หน้าตัวเมียทั้งนั้น

ผมไม่เชื่อครับ คนกล้า คนมีคุณธรรม มีครับ แต่ถูกบังไว้ด้วยระบบของมือมารแทบจะ 100% อิอิกำ 

ตามขอนแก่นว่าครับ

คนดีแต่ไม่มีเครื่องมือก็ไม่สามารถทำอะไรได้ครับ

นั้นนะสิ คนดี โดนรังแกจนไม่มีที่จะอยู่ในสังคมผู้ปกครองแล้ว

กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย...น้ำเต้าน้อยจะถอยจม...ผู้ดีจะเดินตรอก...ขี้ครอกจะเดินถนน

ใกล้เข้าไปทุกทีแล้วครับ รออีกนิดนะตะเอง ... อิอิ

คุ้นๆมากเลยนะครับลุง ใกล้กลียุคแล้ว

[INUGAMI21]

คนพวกนั้นอาจตีความหมายของประโยคที่ว่า เก็บเล็กผสมน้อย ผิดไป ใครให้เงินนิดหน่อยก็เอาหมด ถือว่าเค้าให้รับไว้ด้วยน้ำใจ ไม่สนว่าได้มาอย่างไร แค่เงินเล็กน้อยกลับชื่นชมชมชอบผู้ใหญ่อย่างไม่ลืมหูลืมตา ตอนผมเด็กๆครูสอนให้รู้จักน้ำใจของผู้คนมากกว่าน้ำเงินที่ให้มา ไม่รู้ว่าคนรุ่นผมเค้าเรียนแบบเดียวกันรึเปล่ายังหลงงมงาย



นักการเมืองไม่มีดี คนดีไม่เป็นนักการเมือง

[yuki_kaze]

“กระเบื้องจะฟูลอย
น้ำเต้าน้อยจะถอยจม”

สำนวนกลอนนี้มีมาแต่โบราณ เป็นวรรคหนึ่งในเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา วรรคนี้ได้รับการกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง อาจจะเป็นเพราะอุปมาอุปมัยที่จดจำได้ง่าย การอธิบายความหมายโดยทั่วไปกล่าวว่า “กระเบื้อง(หมายถึงคนไม่ดี) ควรจะอยู่ในที่ต่ำในน้ำ กลับลอยเฟื่องฟูเหนือน้ำ ส่วนน้ำเต้า(หมายถึงคนดี) กลับต้องเก็บตัวเงียบ หลบซ่อนหรือไม่ก็ต้องถูกกล่าวหาว่าทำผิดทั้งที่ไม่ผิด”

เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา ได้รับการสันนิษฐานว่าแต่งขึ้นในปลายกรุงศรีอยุธยา บทกลอนที่นำมาขยายความสำนวนดังกล่าวคือ

เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนา จะรักษาแต่คนฝ่ายอกุศล
สัปบุรุษจะแพ้แก่ทรชน มิตรตนจะฆ่าซึ่งความรัก
ภรรยาจะฆ่าซึ่งคุณผัว คนชั่วจะมล้างผู้มีศักดิ์
ลูกศิษย์จะสู้ครูนัก จะหาญหักผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย

ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ นักปราชญ์จะตกต่ำต้อย
กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม
ผู้มีตระกูลจะสูญเผ่า เพราะจันฑาลมันเข้ามาเสพสม
ผู้มีศีลนั้นจะเสียซึ่งอารมณ์ เพราะสมัครสมาคมซึ่งมารยา

แสดง ถึงความตกต่ำของราชอาณาจักรที่เคยรุ่งเรืองอย่างสูง ซึ่งเป็นความเสื่อมถอยทางศีลธรรม และสาเหตุของความเสื่อมทรามของราชอาณาจักรก็คือ...

(อันนี้ไม่ได้แต่งเองนะครับลอกมาทั้งดุ้น)