ต้อง
"โง่" ด้วย
ภายใต้อิทธิพลของวัฒนธรรมบริโภคนิยม วงการพุทธศาสนาไม่เว้นแม้แต่วัดเป็นอันมากได้ถูกแปรสภาพกลายเป็น"ตลาด"ในอีกรูปลักษณ์หนึ่งไป สิ่งที่นำมาซื้อขายกันก็ไม่ได้มีแต่เครื่องรางของขลังเท่านั้น แม้แต่บุญกุศลและพิธีกรรมก็กลายเป็นสินค้าอีกแบบหนึ่งซึ่งต้องใช้เงินซื้อหา คนที่ปรารถนาจะได้บุญไม่จำเป็นต้องทำความดีอีกต่อไป เพียงแต่จ่ายเงินเท่านั้น และแน่นอนว่าถวายเงินมากเท่าไร ก็เชื่อว่าบุญจะเพิ่มพูนมากเท่านั้น ส่วนพิธีกรรมก็กลายเป็นบริการที่มักมีราคากำหนดไว้(แม้อาจไม่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร) ทั้งบุญกุศลและพิธีกรรมแม้จะไม่มีผลเป็นรูปธรรมเด่นชัด แต่ผู้คนก็ซื้อหาเพราะปรารถนาความมั่งคั่งร่ำรวย
การเข้าหาพุทธศาสนาด้วยท่าทีแบบบริโภคนิยมนี้ บางครั้งอาจไม่ได้ทำไปด้วยความมุ่งหมายในทางวัตถุหรือเงินตรา หลายคนต้องการความสงบ อยากเจริญสติหรือสมาธิ หรือต้องการประสบการณ์ทางจิตเหนือสามัญ เช่น เห็นดวงแก้ว เห็นนิมิต ท่องนรกเที่ยวสวรรค์ แต่ก็มองสภาวะเหล่านั้นไม่ต่างจากสินค้า คือเชื่อว่าเงินจะช่วยให้ได้ประสบสิ่งนั้นเร็วเข้า ไม่ได้มองว่าประสบการณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่ต้องลงทุนด้วยความเพียรพยายาม หากประสงค์เพียงแค่อยากบริโภคประสบการณ์ (ไม่ต่างจากนักทัศนาจรที่อยากเที่ยวป่าโดยพร้อมจะทุ่มทุนแต่ไม่ยอมลงจากรถแอร์เพื่อเดินสัมผัสธรรมชาติ) "นักปฏิบัติธรรม"เหล่านี้ยอมเสียเงินแต่ไม่ยอมทิ้งความสะดวกสบาย และอยากจะเห็นผลเร็ว ๆ เหมือนชงกาแฟสำเร็จรูป
อ่านเต็มที่
http://visalo.org/article/matichon254411.htm