หัวข้อ: Brio VS March เริ่มหัวข้อโดย: VisitThai ที่ 18 มกราคม 2011, 06:40:24 ความคืบหน้าของรถอีโคคาร์จากค่าย Honda ที่ได้เปิดตัว BRIO Prototype รถต้นแบบที่ได้รับความสนใจมากที่สุดรุ่นหนึ่งในช่วงปลายปี 2010 หาก คาดว่าเครื่องยนต์ที่ใช้จะเป็นเครื่องยนต์ความจุกระบอกสูบ 1,200 ซีซี มีมิติความยาว 3,610 มิลลิเมตร กว้าง 1,680 มิลลิเมตร และสูง 1,475 มิลลิเมตร มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในแบบอีโคคาร์ที่ 5 ลิตร/100 กิโลเมตร และถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง Honda จะเริ่มจำหน่าย BRIO ในเมืองไทยเป็นที่แรกในโลกในเดือนมีนาคมปี 2011 ในราคาคันละประมาณ 4 แสนบาท แต่อย่างไรก็ตามราคาจำหน่ายจริงคงไม่หนีไปจากราคาของ Nissan March มากนัก แม้ว่าจุดขายจะเป็นรถจาก Honda ความสดใหม่ และรูปลักษณ์ที่ดุดันโดนใจวัยรุ่น กำลังคิดว่าจะรอฮอนด้าดี หรือจะไปสอยมาร์ชมาเลยดีกว่า
หัวข้อ: Re: Brio VS March เริ่มหัวข้อโดย: Jill ที่ 18 มกราคม 2011, 13:26:44 หน้าตาไม่หนีกันสักเท่าไหร่เล้ย
(http://ksbusedcar.com.a18.readyplanet.net/images/column_1292064013/honda-brio-01.jpg) (http://ksbusedcar.com.a18.readyplanet.net/images/column_1292064013/honda-brio-02.jpg) (http://ksbusedcar.com.a18.readyplanet.net/images/column_1292064013/honda-brio-05.jpg) หัวข้อ: Re: Brio VS March เริ่มหัวข้อโดย: Cybernetic ที่ 18 มกราคม 2011, 13:37:18 โห ทำได้จริงอ่ะ 5 ลิตรต่อ 100 กม. :oh:
หัวข้อ: Re: Brio VS March เริ่มหัวข้อโดย: Venom-Crusher ที่ 18 มกราคม 2011, 19:25:30 โห ทำได้จริงอ่ะ 5 ลิตรต่อ 100 กม. :oh: ก็ตก20โลลิตรเท่ากับมาร์ชเลยอ่ะครับ อิอิ หัวข้อ: Re: Brio VS March เริ่มหัวข้อโดย: Mahasarakham1 ที่ 18 มกราคม 2011, 19:33:41 ใช้ อะไรเติมครับเนี่ย อิอิกำ :drunk: :drunk: :drunk:
หัวข้อ: Re: Brio VS March เริ่มหัวข้อโดย: gergario™revolution ☭✪☢❣♈︻┳═一 ที่ 18 มกราคม 2011, 20:47:27 5 ประตูด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: Brio VS March เริ่มหัวข้อโดย: Venom-Crusher ที่ 18 มกราคม 2011, 21:00:08 ใช้ อะไรเติมครับเนี่ย อิอิกำ :drunk: :drunk: :drunk: พวกแกสโซฮอล E20 ใช้ได้ครับ E85 ไม่แน่ใจ รถพวกนี้ไม่รู้อีกหน่อยจะมีติดตรา 80Plus Gold บ้างหรือเปล่า อิอิกำ หัวข้อ: Re: Brio VS March เริ่มหัวข้อโดย: yuki_kaze ที่ 18 มกราคม 2011, 21:11:11 ทำไมรถแพงๆจึงออกแบบดูสวยกว่ารถที่ไม่แพง?
ค่าออกแบบมันแพงมากหรือไร :sarcastic: หัวข้อ: Re: Brio VS March เริ่มหัวข้อโดย: Friday~13rd ที่ 18 มกราคม 2011, 21:31:34 โห ทำได้จริงอ่ะ 5 ลิตรต่อ 100 กม. :oh: โห ท่านรองฯ ปิดแอร์-เปิดหน้าต่างขับ, สูบลมซัก 100ปอนด์/ล้อ, เอายางอะไหล่กับแม่แรงเขวี้ยงทิ้ง, คนขับไปลด นน.ให้เหลือซัก 45กก., ติดไฟแดงนานๆ ดับเครื่องฯรอ ผมว่าได้แน่นอนท่านรองฯ เอิ้กๆๆ :drunk: หัวข้อ: Re: Brio VS March เริ่มหัวข้อโดย: gorilla ที่ 18 มกราคม 2011, 22:15:01 จริงๆผมว่า 20โล/ลิตร นอกเมืองนี่โคตรธรรมดา เครื่องก็เล็ก รถก็เบา
เมื่อก่อนผมขับเครื่อง J เดียว วิ่ง ตจว ยัง 13 โล/ลิตรเลย เครื่องใหญ่กว่าเท่าตัว เทคโนโลยี 20 ปีที่แล้วอีกตังหาก หรือลองดูแบบพวกเบนซ์ บีเอ็ม เครื่อง 1.8-2.0 ดีเซลเทอร์โบ ขับ ตจว ยังได้ 16-18 โล/ลิตร เลย ส่วนตัวผมค่อนข้างผิดหวังนะ ถ้าเครื่อง 1.2 วิ่งได้ 20 โล/ลิตร รถเล็กๆวางเครื่อง 1-1.2 ดีเซล-เทอร์โบ ก็พอแล้วครับ ทนกว่า ประหยัดกว่า แรงบิดมาเร็ว ออกตัวง่าย ขับในเมืองคล่องๆ หัวข้อ: Re: Brio VS March เริ่มหัวข้อโดย: Cybernetic ที่ 18 มกราคม 2011, 22:19:24 โห ทำได้จริงอ่ะ 5 ลิตรต่อ 100 กม. :oh: ก็ตก20โลลิตรเท่ากับมาร์ชเลยอ่ะครับ อิอิ ฟอร์ดโฟกัส 2000 TDCi ก็ทำได้ราว ๆ 17-18 โลลิตเหมือนกันนะครับ อันนี้ประหยัดจริง แรงด้วยครับ อยากได้จริง ๆ :love: หัวข้อ: Re: Brio VS March เริ่มหัวข้อโดย: Jill ที่ 18 มกราคม 2011, 22:34:40 โห ทำได้จริงอ่ะ 5 ลิตรต่อ 100 กม. :oh: ก็ตก20โลลิตรเท่ากับมาร์ชเลยอ่ะครับ อิอิ ฟอร์ดโฟกัส 2000 TDCi ก็ทำได้ราว ๆ 17-18 โลลิตเหมือนกันนะครับ อันนี้ประหยัดจริง แรงด้วยครับ อยากได้จริง ๆ :love: ซื้อสักทีสิ จนจะตกรุ่นแว้วววว :whip: หัวข้อ: Re: Brio VS March เริ่มหัวข้อโดย: 2jz_turbo ที่ 19 มกราคม 2011, 00:01:11 จริงๆผมว่า 20โล/ลิตร นอกเมืองนี่โคตรธรรมดา เครื่องก็เล็ก รถก็เบา เมื่อก่อนผมขับเครื่อง J เดียว วิ่ง ตจว ยัง 13 โล/ลิตรเลย เครื่องใหญ่กว่าเท่าตัว เทคโนโลยี 20 ปีที่แล้วอีกตังหาก หรือลองดูแบบพวกเบนซ์ บีเอ็ม เครื่อง 1.8-2.0 ดีเซลเทอร์โบ ขับ ตจว ยังได้ 16-18 โล/ลิตร เลย ส่วนตัวผมค่อนข้างผิดหวังนะ ถ้าเครื่อง 1.2 วิ่งได้ 20 โล/ลิตร รถเล็กๆวางเครื่อง 1-1.2 ดีเซล-เทอร์โบ ก็พอแล้วครับ ทนกว่า ประหยัดกว่า แรงบิดมาเร็ว ออกตัวง่าย ขับในเมืองคล่องๆ ท่านคิดเหมือนผมเลยคับ รู้สึุกเหมือนกันว่า 20 โล/ลิตร น้อยไปสักหน่อยคับสำหรับคำว่า Eco Car ผมไม่ได้บอกว่ารถเค้าไม่ดีนะคับ ผมว่ารถเค้าก็ดีแหละคับ แต่ว่าอาจจะไม่ค่อยเหมาะกับลักษณะในการขับขี่ในบ้านเราน่ะคับ ส่วนต้ัวผมคิดว่ามันจะประหยัดจิง ๆ ก็ต่อเมื่อวิ่งได้อย่างต่อเนื่องในระยะทางยาว ๆ หรือถ้ารถติดก็ึคงกินน้ำมันน้อยกว่ารถเครื่องใหญ่ ๆ แต่ว่าภาวะที่ต้องเร่ง เบรค เร่ง เบรค อย่างใน กทม เวลารถเยอะ ๆ นี่ผมว่าไม่น่าจะหนีกันสักเท่าไรกับพวกรุ่นพี่อย่าง vios คับ ผมเองเพิ่งมีโอกาสได้นั่งนิสสัน มาร์ช เมื่อวานนี้เองคับ ไม่ได้ขับนะคับ เืพื่อนขับ แต่ว่ามันทำให้ดูว่าต้องขับแบบไหน ถึงจะได้อย่างไง ถ้าเหยียบคงรอบไว้นิ่ง ๆ นี่ตัวเลขการบริโภคน้ำมันนี่วิ่งสูงไปถึง 30 กม/ลิตร เลยทีเดียวคับแต่อย่าลืมนะคับ ว่าต้องเอาไปหารกับตอนออกตัวด้วย ผมแอบสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมถึงต้องทำเป็น 3 สูบด้วย ทำไมถึงไม่เลือกที่จะลดปริมาตรของแต่ละสูบลง แต่ผมว่าวิศวกรของนิสสันคงออกแบบมาดีแล้วหละคับ เหอๆ อย่างน้อยที่สุดก็ลดวาล์วลงไปได้ตั้ง 4 วาล์วแน่ะ เหอๆ ปล ในยุโรปรถเครื่องดีเซลขายดีมาก ๆ เลยนะคับ หัวข้อ: Re: Brio VS March เริ่มหัวข้อโดย: spectrum ที่ 01 กุมภาพันธ์ 2011, 04:02:15 นิสสันมาร์ช ขับขี่จริงในเมือง ทำได้ 17.5กิโล/ลิตร
อีซูซุมังกรทองวาง2j-ge ก่อนติดแก๊สเคยเทสเล่นๆ 9กิโล/ลิตร (ขายทิ้งไปแล้ว) โตโยต้าวีออสตัวล่าสุด ขับขี่จริงในเมือง 14.5กิโล/ลิตร ผมว่านะ ของแบบนี้ต้องไปลองทดสอบเอง หรือ เอาข้อมูลจากเพื่อนสนิท จะดีที่สุด ไม่มีการปรุงแต่งข้อมูล **ถ้าเป็นผมตอนนี้ถ้าไม่อยากติดแก๊สและต้องการรถยนต์ราคาสุดคุ้ม โตโยต้าวีออส รุ่นย่อยECO(รหัสท้ายรถไม่แน่ใจแต่ตารางราคาเขียนว่าECO) เกียร์ออโต้ ราคา 540,000บาท(มีส่วนลด40,000บาท) ผมว่าคุ้มสุดและ** หัวข้อ: Re: Brio VS March เริ่มหัวข้อโดย: KBE13 ที่ 01 กุมภาพันธ์ 2011, 06:17:06 ขอออกความเห็นด้วยนะครับ
นิสสันมาร์ช ออกแบบมาเหลือ 3 ลูกสูบ ผมคิดว่าดีนะครับ ชิ้นส่วนลดลง ต้นทุนการผลิตลดลง เวลาถ่ายน้ำมันเครื่องก็ น้ำมันเครื่องลดลงเยอะเลย หัวเทียนตอนเปลี่ยนก็ เปลี่ยนแค่ 3 หัว หัวฉีดเปลี่ยนทีก็ 3 หัวครับ ประหยัด และ จำนวนของเสียจากการใช้งานลดลงครับ และที่เหลือ 3 กระบอกสูบแล้วตั้งองศาการจุดระเบิดใหม่ก็ ช่วยลดก๊าซที่จะทำให้การวัดค่าเพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสียทางยุโรป มันผ่านได้ง่ายๆด้วยครับ ประเทศเรา ถนนวิ่งกันจริงๆ อย่าเก่งโดยทั่วไปไม่น่าเกิน 90 - 130 ครับ รถวิ่งแบบตำรวจไม่จับก็ ต่ำกว่า 100 ลงมา ผมคิดว่า 3 กระบอกสูบก็เหลือเฟือแล้วครับ แรงบิดที่ได้จากลูกสูบโตกว่า แต่จำนวนลูกสูบน้อยกว่า ผมว่ามันได้ที่แรงบิดนะครับ ซึ่งคิดว่าจำเป็นกว่า ลูกสูบลูกเล็ก ซีซีเท่ากัน แต่ช่วยกันปั่น 4 ลูกสูบ ผมว่าได้แรงม้าที่ต่อเนื่องในรอบสูงกว่านะครับ ช่วงชักลูกสูบดูตามสเปก จะเห็นว่ามันก็ ใช้ได้นะ นิสัยเหมือนทีด้า เน้นวิ่งใช้งานรอบต้นๆถึงรอบกลางๆเป็นหลักครับ คล้ายๆกันครับ |