หัวข้อ: รีวิว HP LaserJet Enterprise MFP 577 พริ้นเตอร์สำหรับความคุ้มค่า เริ่มหัวข้อโดย: ball2449 ที่ 29 พฤษภาคม 2016, 18:02:47 หลายๆบริษัทอาจจะมองหาพริ้นเตอร์ในระดับเอนเตอร์ไพร์ ก็คือพริ้นเตอร์ที่เหมาะกับงานในระดับที่สูงขึ้นไปอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี หรือฟีเจอร์ต่างๆ ก็จะจัดมาให้อย่างครบครัย โดยรุ่นที่จะมาเร็วริวก็เป็นตัว HP LaserJet Enterprise MFP 577 เห็นชื่อก็บ่งบอกชัดเจนเลยที่มากับพริ้นเตอร์ในรูปแบบมัลติฟังก์ชั่น และฟีเจอร์สำหรับงานองค์กร บริษัท หรือจะเป็นหน่วยงานราชการ
(http://upic.me/i/tb/img_8738.jpg) แน่นอนครับก็ต้องมากับฟังก์ชั่น Print, Scan, Copy และ Fax ที่รวมไว้ในเครื่องเดียวกันเลย โดยจุดเด่นๆของ HP LaserJet Enterprise MFP 577 ก็จะเป็นในเรื่องของฟีเจอร์และระบบรักษาความปลอดภัยนั่นเอง เอาเป็นว่ารายละเอียดต่างๆจะลงไว้ในรีวิวนี้ละกันครับ ก่อนอื่นเลยมาดูโฉมหน้ากันดีกว่า (http://upic.me/i/9u/img_8742.jpg) HP LaserJet Enterprise MFP 577 ถูกออกมาให้สอดคล้องกับพื้นที่หรือลักษณะของห้องที่ทำงาน ที่มีพื้จำกัด การจัดวางพริ้นเตอร์บางครั้งก็อาจจะเป็นอุปสรรคในการจัดวาง คือเครื่องพริ้นเตอร์มีของใหญ่ และรูปทรงอาจจะทำให้วางไม่เข้าล็อค แต่เจ้า HP LaserJet Enterprise MFP 577 ก็ถูกออกมาให้ในลักษณะทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส ทำให้วางในตำแหน่งไหนก็ได้ หรือจะวางตรงมุมห้องก็ยังได้เลย และสีของ HP LaserJet Enterprise MFP 577 ก็จะออกมาโทนสีขาว ถ้าพูดๆไปแล้วสีของพรื้นเตอร์ก็มีส่วนที่จะทำให้บรรยากาศของห้องนั้นเปลี่ยนแปลงไปได้นะ อันนี้ก็ไม่ทราบว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมหรือเปล่านะ เอาจริงๆแล้วสีขาวนี่แหละที่จะทำให้ดูโล่งๆ สะอาดตาดี ดึงฝาด้านหน้าออกมาจะพบกับตลับหมึกที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Jet Intelligence ทำให้ช่วยลดต้นทุนในการพิมพ์รวมถึงความทันสมัยร่วมกับโทนเนอร์ ColorSphere 3 ที่มีขนาดที่เล็กลง แต่ปริมาณการพิมพ์เพิ่มขึ้น เอาๆง่าย จิ๋วแต่แจ๋วนั่นล่ะครับ นอกจากนั่นก็ยังกินไฟน้อยลง ทำให้ช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกด้วย (http://upic.me/i/hj/img_8804.jpg) ด้านล่างนั่นก็คือถาดใส่กระดาษครับที่สามารถใส่กระดาษได้สูงสุด 550 แผ่น เอาง่ายๆก็กระดาษ 1 รีม ผมมองว่าถาดใส่กระดาษที่ใหญ่นี่ก็เป็นจุดที่ดีนะ ถ้าลองมองย้อนไปรุ่นก่อนๆ จะใส่ได้ประมาณ 500 แผ่น แต่การที่จะใส่ไปทั้งรีมนั้นก็อาจจะทำไม่ได้ เพราะอาจจะเกิดการดาษติดได้ ทำให้ต้องแบ่งกระดาษออกมาก่อนเล็กน้อย (http://upic.me/i/qi/img_8790.jpg) หากว่าต้องการสำรองกระดาษจำนวนมากๆ ก็สามารถเพิ่มช่องใส่กระดาษได้ โดยเพิ่มถาดได้อีก 3 ชั้น ทำให้ไม่ต้องมาใส่กระดาษบ่อยๆ พิมพ์กันได้อย่างสบายใจเลยทีเดียว ด้านขวาของตัวเครื่องจะเป็นถาดฟีดกระดาษ ที่สามารถใส่กระดาษคละไซด์ อย่าง A5 กับ A4 ประมาณนี้แหละ คือเจ้าตัว ส่วน HP LaserJet Enterprise MFP 577 จะมีระบบ Detection 2 ตัว 1.Ultrasonic ที่ใช้ตรวจความหนาของกระดาษ 2.วัดแสงสะท้อน เพื่อที่จะตรวจความมันของกระดาษ เพื่อประมวลผลในการพิมพ์ (http://upic.me/i/zn/img_8806.jpg) (http://upic.me/i/n9/img_8809.jpg) นั่นก็เป็นข้อดีที่สามารถใช้กระดาษแบบไหนก็ได้ โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องไปตั้งค่าในคอมพิวเตอร์ เพียงให้พริ้นเตอร์ประมวลผล และทำการพิมพ์ออกมาเอง คุณภาพงานก็จะออกมาดีอีกด้วย ทางด้านซ้าย จะมีพอร์ตสำหรับการเชื่อมต่อต่างๆ และสายเพาเวอร์ (http://upic.me/i/1g/0img_8780.jpg) HP LaserJet Enterprise MFP 577 จะมีหน้าจอทัสกรีน 8 นิ้ว ที่ไว้สำหรับสั่งการ, ตั้งค่า รวมถึงดูสถานะการทำงานต่างๆ ตอนแรกผมเองเห็นแล้วก็ตกใจล่ะครับ ว่าใครเอาแท็บเล็ตมาไว้ที่พริ้นเตอร์ เอาจริงๆแล้วไม่ใช่เลย ในเรื่องการตอบสนองของหน้าจอก็ตอบสนองได้ดีพอสมควรเลย จุดแม่นยำใช้ได้ไม่เพี้ยน เผลอๆก็พอๆกับพวกแท็บเล็ตเลยล่ะ สะดวกสบายในการใช้งาน มีเมนูภาษาไทย ทำให้ง่ายต่อการสั่งใช้งาน (http://upic.me/i/hz/img_8798.jpg) สแกนเนอร์ รองรับการวางกระดาษแนวราบแบบ flatbed และก็ระบบดูดกระดาษอัตโนมัติทางด้านบน (automatic document feeder หรือ ADF) และที่สำคัญเลยในปัจจุบันก็จะเป็นการสแกนแบบ Duplex หรือสแกนแบบสองหน้า ก็เพิ่มความสะดวกเข้ามาเยอะเลย ต่อไปนี้เอกสารสองหน้าก็ไม่ต้องมากลับหน้าให้เสียเวลา แถสแกนเสร็จแล้ว ก็จะมีให้เลือกบันทึกได้ 4 แบบ - อัพโหลดไฟล์ขึ้นสู่ระบบคลาวด์ - บันทึกไฟล์เข้าหน่วยความจำภายนอกผ่านพอร์ต USB - จัดเก็บไฟล์เข้าสู่ระบบ Network เดียวกัน จัดเก็บไฟล์แล้วส่งผ่าน E-mail (http://upic.me/i/v6/img_8753.jpg) (http://upic.me/i/uh/img_8759.jpg) การพิมพ์ เด่นๆเลยก็จะเป็นในส่วนของการพิมพ์แบบสองหน้า (Duplex) ที่เร็วมาก พิมพ์แบบปกติ 1 หน้า ขาว-ดำ 40 แผ่น/นาที พิมพ์แบบปกติ 1 หน้า สี 38 แผ่น/นาที พิมพ์ 2 หน้า (Duplex) ขาว-ดำ 38 แผ่น/นาที พิมพ์ 2 หน้า (Duplex) สี 38 แผ่น/นาที (http://upic.me/show/58564008) ซึ่งถ้าเทียบความเร็วในการพิมพ์กันแล้วการพิมพ์แบบปกติ 1 หน้า กับ พิมพ์แบบ 2 หน้า (Duplex) เวลาในการพิมพ์แทบจะเท่ากันเลย ทำให้การพิมพ์ในปัจบันไม่ต้องลังเลเลยว่าจะเลือกปริ้นแบบไหนดี ไม่เหมือนกับอดีดที่ พิมพ์แบบ 2 หน้า (Duplex) จะเป็นอะไรที่ช้ามาก ทำให้คนไม่ค่อยนิยมที่จะใช้กัน ถ้าเอกสารเยอะๆ ก็หลับรอกันได้เลยล่ะ มองในอีกแง่มุมนึง พิมพ์แบบ 2 หน้า (Duplex) ก็ช่วยเราประหยัดกระดาษได้อีกเยอะเลย ทำให้องค์กร บริษัท ลดต้นทุนได้ |