หัวข้อ: ความเป็นมาเรื่องราวของน้ำหอม (Perfume)
เริ่มหัวข้อโดย: kkthai20009 ที่ 03 กรกฎาคม 2020, 11:41:09
ประวัติภูมิหลังของน้ำหอม (Perfume)
รู้หรือไม่ว่า น้ำหอมที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ มีประวัติยาวนานถึง 4,000 ปี จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เป็นภาพจิตกรรมฝาผนังที่วิหารของพระราชินี Hatshepsut เมือง Thebes ดินแดน Egypt ซึ่งในภาพจะแสดงให้เห็นว่าสาวชาวอียิปกำลังชโลมน้ำหอมลงบนศรีษะของตนเอง นั่นก็แสดงให้เห็นว่า ได้มีการเริ่มใช้น้ำหอมในยุคนั้น และเราจะเริ่มสาธยายเรื่องราวของน้ำหอมกันตั้งแต่ในยุคเริ่มแรกกันเลยนะคะ
น้ำหอมในสมัยเบื้องต้น (สมัยเมโสโปเตเมีย)
น้ำหอมผู้หญิง (http://oknation.nationtv.tv/blog/cattomyneird/2018/07/09/entry-1)ในยุคแรกเริ่มจากในสมัยเมโสโปเตเมีย ซึ่งในยุคแรกนั้นคนที่จะใช้น้ำหอมได้คือฟาร์โร ด้วยกันเหล่านักบวชที่จะนำน้ำหอมไปใช้ในการทำพิธีบูชาเท่านั้น ซึ่งจะใช้การเผาให้เกิดกลิ่น เช่นว่า การเผายางไม้ ขี้ผึ้ง หรือเปลือกไม้ต่าง ๆ และคำว่า "Perfume" คำนี้ก็มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน ที่แปลว่า "ควัน" จึงเป็นที่มาของน้ำหอม นักบวชจะนำไปใช้ในพิธีกรรมการบูชาต่าง ๆ ที่เป็นประเพณีของของแคว้น และนอกเหนือจากการใช้ในพิธี ก็ยังมีการใช้พรหมทาที่สังขาร บ้านเรือน เรือ หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง และราชินีแห่งอิยิปต์ที่มีพระนามว่า Hatshepsut ทรงมีความชื่นชอบน้ำหอมมาก จึงสนับสนุนให้มีการค้นหาต้นไม้ ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม เพื่อนำมาทำเป็นน้ำหอมกลิ่นต่าง ๆ ต่อมาเมื่อพระนาง Hatshepsut สิ้นพระชนม์ ชาวอียิปต์ก็ได้สร้างสวนดอกไม้และสร้างแผ่นหินจารึกประวัติการต่างๆ ไว้เพื่อเป็นการสดุดีอีกด้วย พร้อมกับพระนางคลีโอพัตราก็ยังให้ทาน้ำหอมที่ใบเรือและตัวเรือทั้งปวงก่อนที่จะตระเวนไปรับนักการเมืองชาวโรมัน ทำให้เหล่าชาวโรมันที่รอการมาของพระนาง สามารถได้กลิ่นน้ำหอมจากเรือที่ทรงนั่งมาก่อนที่จะเห็นตัวเรือของพระนางด้วยซ้ำ
น้ำหอมผู้หญิงช่วงเวลากึ่งกลาง
ในยุคนี้กระบวนการในการสกัดจะเคลื่อนคลาดจากยุคแรก เพราะชาวอาหรับได้ทำการคิดค้นเคล็ดลับการกลั่นนํ้าหอมได้ยุติ พร้อมด้วยมีการใช้แอลกอฮอร์มาเป็นตัวทำละลาย และน้ำหอมกลิ่นแรกที่ได้ทำการสกัดคือกลิ่นกุหลาบ และหลังจากนั้น นำ้หอมก็ได้เดินทางเข้าสู่ศตวรรษที่ 14 โดยการเข้าสู่ทวีปยุโรธ และคนชาติแรกที่ได้นำน้ำหอมเข้ามายุโรปคือชาวฮังกาเรี่ยน ตามคำสั่งของพระราชินี Elizabeth แห่งฮังการี่ จึงเรียกน้ำหอมกลิ่นนี้ว่า น้ำฮังการรี่ ซึ่งเป็นตัวอย่างของน้ำหอมในยุคต่อ ๆ มา
น้ำหอมกาลเวลาใหม่เอี่ยม (ปัจจุบัน)
น้ำหอมได้เข้าสู่ขั้นตอนผลิตแบบอุตสาหกรรมแบบจริงจังเมื่อศตวรรษที่ 19 และได้นำไปสู่วงการแฟชันอย่างเต็มตัว เมื่อปี คศ. 1920 เพราะมีชาวรัสเซียที่ชื่อว่า Ernest Beaux ซึ่งเป็นนักทำน้ำหอมเคลื่อนมาที่ปารีส และได้นำเสนอน้ำหอมที่ตนเองทำให้กับ Gabrielle Bonheur Chanel ซึ่งก็กลายมาเป็นแบรนด์ Chanel ในปัจจุบัน และได้รับการเห็นชอบเป็นอย่างดี และกลิ่นที่ขายดีและเรืองนามที่สุด คือ Chanel NO.5 และตั้งแต่นั้นมา อุตสาหกรรมด้านน้ำหอมก็ได้พัฒนาขึ้นอย่างทันการ และมีใช้แพร่หลาย ในคนทุกระดับชั้นจนมาถึงประจุบัน
Tags : น้ำหอม,น้ำหอมผู้หญิง,น้ำหอมผู้ชาย
รู้หรือไม่ว่า น้ำหอมที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ มีประวัติยาวนานถึง 4,000 ปี จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เป็นภาพจิตกรรมฝาผนังที่วิหารของพระราชินี Hatshepsut เมือง Thebes ดินแดน Egypt ซึ่งในภาพจะแสดงให้เห็นว่าสาวชาวอียิปกำลังชโลมน้ำหอมลงบนศรีษะของตนเอง นั่นก็แสดงให้เห็นว่า ได้มีการเริ่มใช้น้ำหอมในยุคนั้น และเราจะเริ่มสาธยายเรื่องราวของน้ำหอมกันตั้งแต่ในยุคเริ่มแรกกันเลยนะคะ
น้ำหอมในสมัยเบื้องต้น (สมัยเมโสโปเตเมีย)
น้ำหอมผู้หญิง (http://oknation.nationtv.tv/blog/cattomyneird/2018/07/09/entry-1)ในยุคแรกเริ่มจากในสมัยเมโสโปเตเมีย ซึ่งในยุคแรกนั้นคนที่จะใช้น้ำหอมได้คือฟาร์โร ด้วยกันเหล่านักบวชที่จะนำน้ำหอมไปใช้ในการทำพิธีบูชาเท่านั้น ซึ่งจะใช้การเผาให้เกิดกลิ่น เช่นว่า การเผายางไม้ ขี้ผึ้ง หรือเปลือกไม้ต่าง ๆ และคำว่า "Perfume" คำนี้ก็มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน ที่แปลว่า "ควัน" จึงเป็นที่มาของน้ำหอม นักบวชจะนำไปใช้ในพิธีกรรมการบูชาต่าง ๆ ที่เป็นประเพณีของของแคว้น และนอกเหนือจากการใช้ในพิธี ก็ยังมีการใช้พรหมทาที่สังขาร บ้านเรือน เรือ หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง และราชินีแห่งอิยิปต์ที่มีพระนามว่า Hatshepsut ทรงมีความชื่นชอบน้ำหอมมาก จึงสนับสนุนให้มีการค้นหาต้นไม้ ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม เพื่อนำมาทำเป็นน้ำหอมกลิ่นต่าง ๆ ต่อมาเมื่อพระนาง Hatshepsut สิ้นพระชนม์ ชาวอียิปต์ก็ได้สร้างสวนดอกไม้และสร้างแผ่นหินจารึกประวัติการต่างๆ ไว้เพื่อเป็นการสดุดีอีกด้วย พร้อมกับพระนางคลีโอพัตราก็ยังให้ทาน้ำหอมที่ใบเรือและตัวเรือทั้งปวงก่อนที่จะตระเวนไปรับนักการเมืองชาวโรมัน ทำให้เหล่าชาวโรมันที่รอการมาของพระนาง สามารถได้กลิ่นน้ำหอมจากเรือที่ทรงนั่งมาก่อนที่จะเห็นตัวเรือของพระนางด้วยซ้ำ
น้ำหอมผู้หญิงช่วงเวลากึ่งกลาง
ในยุคนี้กระบวนการในการสกัดจะเคลื่อนคลาดจากยุคแรก เพราะชาวอาหรับได้ทำการคิดค้นเคล็ดลับการกลั่นนํ้าหอมได้ยุติ พร้อมด้วยมีการใช้แอลกอฮอร์มาเป็นตัวทำละลาย และน้ำหอมกลิ่นแรกที่ได้ทำการสกัดคือกลิ่นกุหลาบ และหลังจากนั้น นำ้หอมก็ได้เดินทางเข้าสู่ศตวรรษที่ 14 โดยการเข้าสู่ทวีปยุโรธ และคนชาติแรกที่ได้นำน้ำหอมเข้ามายุโรปคือชาวฮังกาเรี่ยน ตามคำสั่งของพระราชินี Elizabeth แห่งฮังการี่ จึงเรียกน้ำหอมกลิ่นนี้ว่า น้ำฮังการรี่ ซึ่งเป็นตัวอย่างของน้ำหอมในยุคต่อ ๆ มา
น้ำหอมกาลเวลาใหม่เอี่ยม (ปัจจุบัน)
น้ำหอมได้เข้าสู่ขั้นตอนผลิตแบบอุตสาหกรรมแบบจริงจังเมื่อศตวรรษที่ 19 และได้นำไปสู่วงการแฟชันอย่างเต็มตัว เมื่อปี คศ. 1920 เพราะมีชาวรัสเซียที่ชื่อว่า Ernest Beaux ซึ่งเป็นนักทำน้ำหอมเคลื่อนมาที่ปารีส และได้นำเสนอน้ำหอมที่ตนเองทำให้กับ Gabrielle Bonheur Chanel ซึ่งก็กลายมาเป็นแบรนด์ Chanel ในปัจจุบัน และได้รับการเห็นชอบเป็นอย่างดี และกลิ่นที่ขายดีและเรืองนามที่สุด คือ Chanel NO.5 และตั้งแต่นั้นมา อุตสาหกรรมด้านน้ำหอมก็ได้พัฒนาขึ้นอย่างทันการ และมีใช้แพร่หลาย ในคนทุกระดับชั้นจนมาถึงประจุบัน
Tags : น้ำหอม,น้ำหอมผู้หญิง,น้ำหอมผู้ชาย