Vmodtech.com

เรื่องที่ว่านี่คือการทำทานครับ ทุกท่านคงเคยทำทานกันไปบ้างแล้วไม่มากก็น้อย เคยคิดหรือเปล่าครับว่าที่เราให้ไปนั้นเราจะได้บุญมากน้อยอย่างไร แล้วทำยังไงการทำทานนั้นจะได้ผลบุญมากที่สุด ผมสรุปให้อ่านกันดังนี้ครับ

ทานที่ได้ทำไปนั้น ผู้ทำจะได้บุญมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 ประการ ถ้าถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบ 3 ประการดังนี้แล้ว ผลบุญย่อมเกิดมากครับ มีดังนี้

1. วัตถุทานที่ให้ต้องบริสุทธิ์
คือ ของที่ให้ทานไปนั้น ต้องหามาได้ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มิใช่ได้มาด้วยการไปเบียดเบียนผู้อื่น หรือไปขโมย ไปปล้นชิงทรัพย์ใครเขามา อย่างนี้เป็นต้น

ตัวอย่างที่มักจะสงสัยกัน
ฆ่าสัตว์เพื่อเอามาทำทาน หรือทำอาหารถวายพระ = มันคือการสร้างบาปเพื่อมาเอาบุญ ท่านจะได้บุญน้อยมากจนเกือบไม่ได้อะไรเลย และอาจบาปด้วยซ้ำหากท่านทำทานนั้นด้วยจิตที่เศร้าหมอง แต่ถ้าซื้อเนื้อสัตว์มาจากที่อื่น ที่ท่านมิได้มีส่วนรู้เห็นในการฆ่านั้น ไม่เป็นไรครับ

2. เจตนาการให้ทานนั้นต้องบริสุทธิ์
การให้ทาน เจตนานั้นก็คือเป็นการขจัดความโลภ ความขี้เหนียวนั่นเองครับ และเพื่อเป็นการสงเคราะห์ผู้อื่นให้ได้รับความสุขด้วยเมตตาธรรมของตนอันเป็นบันไดก้าวแรกในการเจริญเมตตาพรหมวิหารธรรมในพรหมวิหาร 4 ให้เกิดขึ้น ถ้าท่านได้ให้ทานด้วยเจตนาดังกล่าวแล้ว เรียกได้ว่าเจตนาในการให้ทานนั้นบริสุทธิ์ ที่ว่าบริสุทธิ์นั้น ต้องสมบูรณ์พร้อมกันอีก 3 ระยะด้วย นั่นคือ

- ระยะก่อนจะให้ทาน ต้องมีจิตใจที่ร่าเริง เบิกบาน ยินดีที่จะให้ทานนั้นแก่ผู้อื่น
- ระยะที่กำลังลงมือให้ทาน ต้องทำด้วยจิตใจที่ร่าเริงเบิกบาน เหมือนกับในข้อแรกครับ
- ระยะหลังที่ได้ให้ทานไปแล้ว เมื่อย้อนกลับไปคิดถึงที่เราให้ทานไปแล้ว เรามีจิตใจที่ร่าเริงแจ่มใจ ไม่เสียดมเสียดายกับทานที่ได้ให้ไปแล้ว

* ให้ระวังเรื่องการทำทาน ห้ามเบียดเบียนตัวเองเด็ดขาด *
เช่นเรามีน้อย แต่ฝืนทำเยอะ เป็นเหตุให้ตนเอง ลูกเมีย พ่อแม่ต้องลำบากขาดแคลน เช่นนี้จะทำให้จิตใจเศร้าหมอง เจตนานั้นย่อมมีความไม่บริสุทธิ์ครับ ถึงแม้ว่าวัตถุทานนั้นจะมีมาก แต่ก็จะได้บุญน้อย

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างย่อ ๆ ถึงเจตนาการทำทานที่ไม่บริสุทธิ์ ผมสรุปให้อ่านนะครับ เดี๋ยวยาว ๆ จะเบื่อกัน
ตัวอย่างที่ 1 ทำทานเอาหน้า อวดคนอื่น เช่น สร้างโรงเรียน สร้างรพ.แล้วเอาชื่อตัวเองไปติด หรือถ่ายรูปลงหนังสือพิมพ์เพื่อเอาหน้า โดยที่เจตนาไม่ได้จะมุ่งสงเคราะห์ผู้ใดเลย อันนี้เรียกว่าทำทานด้วยความโลภ อยากได้หน้า อยากได้ความยกย่องจากคนอื่น
ตัวอย่างที่ 2 ฝืนใจทำทาน เช่น ทำอย่างเสียมิได้ เช่นมีเพื่อนมาเรี่ยไร ทำด้วยความเกรงใจ ทำนองนั้นครับ
ตัวอย่างที่ 3 ทำด้วยความโลภ คือทำทานเพราะอยากได้นั่นอยากได้นี่ หวังสิ่งตอบแทน เช่น ทำแล้วขอให้ร่ำรวยร้อยล้าน ขอให้ชาติหน้าเกิดมารวยสวยเก่ง กิ๊บเก๋ยูเรก้า สมองดีเป็นเลิศ อะไรแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้ครับ ของแบบนั้นมันต้องเป็นบุญสะสมเอาไว้เป็นทุน อยู่ดี ๆ ทำทานแล้วขอแบบนี้มันไม่ได้หรอกครับ

ผลหรือานิสงส์ของการทำทานที่ครบองค์ประกอบทั้ง 3 ประการ ย่อมมีผลให้ได้ซึ่งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ ถึงแม้ว่าเวลาท่านทำทาน ท่านจะไม่ได้ขออะไรเลยก็ตาม ผลบุญที่เกิดจากการทำทานนั้นท่านต้องได้รับมันอย่างแน่นอน ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ ท่านปลูกต้นมะม่วง รดน้ำพรวนดินใส่ปุ่ยมันไปเรื่อย ๆ สักวันท่านต้องได้รับผลมะม่วงอย่างแน่นอน ถึงท่านไม่ได้ขอผลมะม่วง แบบนี้เห็นภาพใช่ไหมครับ

3. เนื้อนาบุญต้องบริสุทธิ์
เนื้อนาบุญหมายถึง บุคคลที่ผู้รับการทำทานของผู้ทำทานนั่นเองครับ เช่น หากท่านทำทานกับพระสงฆ์ที่เคร่งครัดในศีล 227 ข้อ ท่านจะได้บุญมากกว่าทำทานกับคนทั่ว ๆ ไปครับ หรือหากท่านทำทานกับคนทั่ว ๆ ไปที่รักษาศีล 5 ได้ครบถ้วนบริบูรณ์ ท่านก็จะได้บุญมากกว่าทำทานกับโจร อะไรประมาณนั้นครับ

เคยสงสัยมั้ยครับว่า การให้ทานประเภทไหนถึงได้บุญมากที่สุด เฉลยครับว่า
คือการให้ "อภัยทาน" นั่นเองครับ

************************************************************
ใครอ่านจบผมว่าอนาคตท่านจะทำทานจนเกิดผลบุญกับตนเองมากที่สุด ขอบคุณครับ เล่นเอาเมื่อยเลยผม ^^"

แนะนำนิดครับ ดักคอวัวแก่แถวๆนี้ก่อน 

ทำบุญด้วยการช่วยเรื่องทุนการศึกษา โดยการใช้บริการนักศึกษาสาวไซด์ไลน์ทุกครั้งที่เมียเผลอ

"มีแต่บาปนะครับ ไม่ได้บุญ"   :rofl: :rofl: :rofl:

พูดแล้วนึกได้เลยครับ เพื่อนผมพวกที่ชอบเที่ยวอ่างหรือเอาเด็กบ้านอ่ะ มันบอกว่าเป็นการทำบุญช่วยน้อง ๆ เป็นค่าเทอม ค่าเช่าห้อง เวรกรรมจริง ๆ ครับ

เห็นด้วยครับ ได้เสียวด้วย ได้บุญด้วยครับ อิอิกำ :drunk:

น่านแหละครับ พูดเหมือนเพื่อนผมเป๊ะ  :drunk:

ทำบุญต้องไม่หวังผลถึงจะได้บุญครับ แต่ถ้าผลมาเสนอเองเราก็ต้องสนองนะครับ ไม่งั้นจะบาป เง้อออออ

ขอบคุณครับ

เป็นแง่คิดที่ดีมากครับ :out:

ยืนมองน้องเขาหน้าตู้ก็สวยน่ารักดี เลยไปบริจาคเงินให้น้องเขาที่เคาเตอร์ก็ไม่ได้หวังอะไร

น้องเขาก็ลากผมเข้าห้องไปเลยไม่ได้ขออะไรน้องเขาด้วย แบบนี้ผมบาปไหมคับ อิอิกำ

ถ้าไม่ทำให้น้องเค้าเสียวซ่านจะบาปหนาเลยครับ :out:

เหมือนกันเลย แต่ผ่านไปเดือนกว่าๆมีโทรมาขอยืมตังอีก!!!?

แล้วท่านตอบไปว่าไงครับ  :whistle:

เรื่องผูกปิ่นโตนี่อันตรายครับ  ขอผ่านก่อนดีกว่า เง้อ :tuxout: