หัวข้อ: จีดีเอสจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับไอเอ็นเอในอินโดนีเซีย
เริ่มหัวข้อโดย: iqpressrelease ที่ 20 ตุลาคม 2023, 10:18:17
จีดีเอส (GDS) ผู้พัฒนาและดำเนินการศูนย์ข้อมูลสมรรถนะสูงระดับแถวหน้าของเอเชีย ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนร่วมกับสำนักงานการลงทุนแห่งอินโดนีเซีย (Indonesia Investment Authority) หรือไอเอ็นเอ (INA) ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งของอินโดนีเซีย โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและความก้าวหน้าของภูมิทัศน์ศูนย์ข้อมูลในอินโดนีเซีย โดยพิธีลงนามจัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ณ ฟอรัมธุรกิจจีน-อินโดนีเซีย ในกรุงปักกิ่ง ก่อนหน้าการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 3 (Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF)
หลังจากการประกาศความร่วมมือเบื้องต้นเมื่อวันที่ 1 กันยายนปีนี้ จีดีเอสและไอเอ็นเอได้ลงนามในข้อตกลงขั้นสุดท้ายในวันจันทร์ (16 ต.ค.) เพื่อสานต่อความร่วมมืออย่างเป็นทางการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นแน่วแน่ในการรวบรวมทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ และวิสัยทัศน์เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลทั่วประเทศอินโดนีเซีย โครงการแรกมุ่งเน้นไปที่โครงการพัฒนาแคมปัสศูนย์ข้อมูลระดับไฮเปอร์สเกลที่นิคมดิจิทัลนองซา (Nongsa Digital Park หรือ NDP) ในเมืองบาตัม ซึ่งทางรัฐบาลอินโดนีเซียกำหนดให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) แคมปัสศูนย์ข้อมูลในเมืองบาตัมที่จะมีขึ้นนี้จะใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ ขณะเดียวกันก็ผสานรวมโซลูชันศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะอันล้ำสมัยของจีดีเอส พร้อมเข้ามากำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้
วิลเลียม หวง (William Huang) ประธานและซีอีโอของจีดีเอส กล่าวว่า "ผมรู้สึกยินดีกับความก้าวหน้าที่สำคัญที่เราได้ทำในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับไอเอ็นเอ ด้วยการใช้ประโยชน์จากโซลูชันและความเชี่ยวชาญขั้นสูงของเรา ร่วมกับการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของไอเอ็นเอ การเป็นพันธมิตรครั้งนี้ไม่เพียงแสดงถึงความร่วมมือเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ส่งเสริมกันอีกด้วย ในขณะที่เราเริ่มต้นการเดินทางสู่การเปลี่ยนแปลง เราขอเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเราในการยกระดับการเชื่อมต่อทางดิจิทัลและความสามารถด้านข้อมูลของอินโดนีเซีย ณ จีดีเอส เราอยู่ที่นี่เพื่อสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่เข้มแข็งและเป็นนวัตกรรม ซึ่งขับเคลื่อนอินโดนีเซียให้ก้าวไปสู่แถวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค"
ริธา วีระกุสุมะห์ (Ridha Wirakusuma) ซีอีโอของไอเอ็นเอ กล่าวว่า "ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นความก้าวหน้าสำคัญในภารกิจของเราในการเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลของอินโดนีเซีย ด้วยความเชี่ยวชาญที่ไม่มีใครเทียบได้ของจีดีเอสในการพัฒนาและการดำเนินศูนย์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูง เราจึงอยู่ในตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ในการขยายภูมิทัศน์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของอินโดนีเซีย นี่ไม่ใช่แค่หมุดหมายสำคัญของไอเอ็นเอและจีดีเอสเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวกระโดดไปสู่การตระหนักถึงศักยภาพและโอกาสอันกว้างใหญ่ในอนาคตทางดิจิทัลของอินโดนีเซีย"
ท่ามกลางความต้องการบริการดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น อินโดนีเซียขึ้นแท่นเป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในดัชนีโอกาสด้านศูนย์ข้อมูล โดยมีการใช้ไฟฟ้าในศูนย์ข้อมูลอยู่ที่ 22 เมกะวัตต์ในปี 2565(1) อุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยได้แรงหนุนจากการปรับใช้คอมพิวเตอร์ระบบคลาวด์เป็นวงกว้าง และแอปพลิเคชัน AI ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากอย่างรวดเร็ว ในสภาพแวดล้อมตลาดเช่นนี้ การร่วมทุนระหว่างจีดีเอสและไอเอ็นเอนั้นอยู่ในตำแหน่งเชิงกลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างความมุ่งมั่นในการปรับขนาดโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของอินโดนีเซีย ความร่วมมือนี้ยังมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศและต่อโครงการนำข้อมูลมาไว้ในประเทศอีกด้วย
จีดีเอสและไอเอ็นเอขอขอบคุณผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุก ๆ ฝ่าย และคาดว่าจะสรุปข้อตกลงได้ภายในสิ้นปี วิสัยทัศน์ของพวกเขาคือการเร่งใช้งานโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญและนำธุรกิจและองค์กรไปสู่อนาคตดิจิทัลที่เจริญรุ่งเรือง โดยปรารถนาให้โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของอินโดนีเซียกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งนวัตกรรม ความยั่งยืน และความเป็นเลิศระดับภูมิภาค
[1] แหล่งที่มา : ดัชนีโอกาสศูนย์ข้อมูล SEA-5 โดย ไนท์ แฟรงค์ (Knight Frank SEA-5 Data Centre Opportunity Index) (ดัชนี SEA-5)
เกี่ยวกับจีดีเอส
(https://mma.prnewswire.com/media/2250842/GDS_INA_signed_agreements_China_Indonesia_Business_Forum.jpg)
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2250842/GDS_INA_signed_agreements_China_Indonesia_Business_Forum.jpg (https://mma.prnewswire.com/media/2250842/GDS_INA_signed_agreements_China_Indonesia_Business_Forum.jpg)
(https://mma.prnewswire.com/media/2250843/image_5029099_36345827.jpg)
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2250843/image_5029099_36345827.jpg (https://mma.prnewswire.com/media/2250843/image_5029099_36345827.jpg)
อ่านข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับเต็มได้ที่
https://www.thaipr.net/it/3398468 (https://www.thaipr.net/it/3398468)
หลังจากการประกาศความร่วมมือเบื้องต้นเมื่อวันที่ 1 กันยายนปีนี้ จีดีเอสและไอเอ็นเอได้ลงนามในข้อตกลงขั้นสุดท้ายในวันจันทร์ (16 ต.ค.) เพื่อสานต่อความร่วมมืออย่างเป็นทางการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นแน่วแน่ในการรวบรวมทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ และวิสัยทัศน์เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลทั่วประเทศอินโดนีเซีย โครงการแรกมุ่งเน้นไปที่โครงการพัฒนาแคมปัสศูนย์ข้อมูลระดับไฮเปอร์สเกลที่นิคมดิจิทัลนองซา (Nongsa Digital Park หรือ NDP) ในเมืองบาตัม ซึ่งทางรัฐบาลอินโดนีเซียกำหนดให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) แคมปัสศูนย์ข้อมูลในเมืองบาตัมที่จะมีขึ้นนี้จะใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ ขณะเดียวกันก็ผสานรวมโซลูชันศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะอันล้ำสมัยของจีดีเอส พร้อมเข้ามากำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้
วิลเลียม หวง (William Huang) ประธานและซีอีโอของจีดีเอส กล่าวว่า "ผมรู้สึกยินดีกับความก้าวหน้าที่สำคัญที่เราได้ทำในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับไอเอ็นเอ ด้วยการใช้ประโยชน์จากโซลูชันและความเชี่ยวชาญขั้นสูงของเรา ร่วมกับการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของไอเอ็นเอ การเป็นพันธมิตรครั้งนี้ไม่เพียงแสดงถึงความร่วมมือเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ส่งเสริมกันอีกด้วย ในขณะที่เราเริ่มต้นการเดินทางสู่การเปลี่ยนแปลง เราขอเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเราในการยกระดับการเชื่อมต่อทางดิจิทัลและความสามารถด้านข้อมูลของอินโดนีเซีย ณ จีดีเอส เราอยู่ที่นี่เพื่อสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่เข้มแข็งและเป็นนวัตกรรม ซึ่งขับเคลื่อนอินโดนีเซียให้ก้าวไปสู่แถวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค"
ริธา วีระกุสุมะห์ (Ridha Wirakusuma) ซีอีโอของไอเอ็นเอ กล่าวว่า "ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นความก้าวหน้าสำคัญในภารกิจของเราในการเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลของอินโดนีเซีย ด้วยความเชี่ยวชาญที่ไม่มีใครเทียบได้ของจีดีเอสในการพัฒนาและการดำเนินศูนย์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูง เราจึงอยู่ในตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ในการขยายภูมิทัศน์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของอินโดนีเซีย นี่ไม่ใช่แค่หมุดหมายสำคัญของไอเอ็นเอและจีดีเอสเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวกระโดดไปสู่การตระหนักถึงศักยภาพและโอกาสอันกว้างใหญ่ในอนาคตทางดิจิทัลของอินโดนีเซีย"
ท่ามกลางความต้องการบริการดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น อินโดนีเซียขึ้นแท่นเป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในดัชนีโอกาสด้านศูนย์ข้อมูล โดยมีการใช้ไฟฟ้าในศูนย์ข้อมูลอยู่ที่ 22 เมกะวัตต์ในปี 2565(1) อุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยได้แรงหนุนจากการปรับใช้คอมพิวเตอร์ระบบคลาวด์เป็นวงกว้าง และแอปพลิเคชัน AI ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากอย่างรวดเร็ว ในสภาพแวดล้อมตลาดเช่นนี้ การร่วมทุนระหว่างจีดีเอสและไอเอ็นเอนั้นอยู่ในตำแหน่งเชิงกลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างความมุ่งมั่นในการปรับขนาดโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของอินโดนีเซีย ความร่วมมือนี้ยังมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศและต่อโครงการนำข้อมูลมาไว้ในประเทศอีกด้วย
จีดีเอสและไอเอ็นเอขอขอบคุณผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุก ๆ ฝ่าย และคาดว่าจะสรุปข้อตกลงได้ภายในสิ้นปี วิสัยทัศน์ของพวกเขาคือการเร่งใช้งานโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญและนำธุรกิจและองค์กรไปสู่อนาคตดิจิทัลที่เจริญรุ่งเรือง โดยปรารถนาให้โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของอินโดนีเซียกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งนวัตกรรม ความยั่งยืน และความเป็นเลิศระดับภูมิภาค
[1] แหล่งที่มา : ดัชนีโอกาสศูนย์ข้อมูล SEA-5 โดย ไนท์ แฟรงค์ (Knight Frank SEA-5 Data Centre Opportunity Index) (ดัชนี SEA-5)
เกี่ยวกับจีดีเอส
(https://mma.prnewswire.com/media/2250842/GDS_INA_signed_agreements_China_Indonesia_Business_Forum.jpg)
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2250842/GDS_INA_signed_agreements_China_Indonesia_Business_Forum.jpg (https://mma.prnewswire.com/media/2250842/GDS_INA_signed_agreements_China_Indonesia_Business_Forum.jpg)
(https://mma.prnewswire.com/media/2250843/image_5029099_36345827.jpg)
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2250843/image_5029099_36345827.jpg (https://mma.prnewswire.com/media/2250843/image_5029099_36345827.jpg)
อ่านข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับเต็มได้ที่
https://www.thaipr.net/it/3398468 (https://www.thaipr.net/it/3398468)